ฉบับที่ ๒๒ ประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗

บั้งไฟพญานาคกับพลังศรัทธามหาชน เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

 


             วันมหาปวารณาของไทย ปีนี้ตรงกับวันที่ ๒๘ ตุลาคม ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ วันออกพรรษา เป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ คือวันที่ ๒๙ ตุลาคม วันออกพรรษาของไทยจะก่อนฝั่งลาวหนึ่งวัน แต่มีบางปีที่มาพ้องตรงกัน ซึ่งจะมีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นในวันนั้นของทุกปี

             วันออกพรรษาของพี่น้องชาวลาว บั้งไฟพญานาคจะเกิดขึ้นมากกว่าวันออกพรรษาของ ฝั่งไทย เพราะว่าพญานาคนั้นเกิดขึ้นอยู่ในผืน แผ่นดินตรงนั้นมานานกว่า ๒,๐๐๐ ปี ตอนนี้ก็ยังอยู่ ในสมัยนั้นไม่ได้เรียกว่าประเทศลาวเป็นอีกชื่อหนึ่ง แต่มีพื้นเพอยู่แถวๆ ตรงนั้น

             สถานที่เกิดสิ่งอัศจรรย์ของโลก คือ บั้งไฟพญานาค ถ้าตรงกับฝั่งไทยก็คืออำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ถ้าฝั่งลาวก็คือตาแสงบ้านโดน เมืองปากงึม แขวงกำแพงนครเวียงจันทร์ บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นด้วยกุศลจิต กุศลศรัทธาของพญานาคที่มีต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ได้ระลึกนึกถึงวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์พร้อมกับหมู่ปวงเทพเทวาพรหมทั้งหลาย ที่เมืองสังกัสสนคร มองเห็นด้วยตาทิพย์ของท่าน มองเห็นว่ายิ่งใหญ่อลังการเหลือเกิน มีความปลื้มปีติใจในพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ฝันในฝันนะ

             พอถึงวันออกพรรษานี้เมื่อใด ท่านจะระลึกนึกถึงสิ่งนี้ตลอด แล้วก็ออกมาเจริญพุทธานุสติ ใจที่ใสๆ ก็เลยกลั่นออกมาเป็นดวงไฟที่สวยๆ ผ่านน้ำขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นพุทธบูชาอย่าง ต่อเนื่องกันไป อย่างที่เรารู้จักกัน ที่ปู่ ย่า ตา ยาย เขาเรียกว่า บั้งไฟพญานาค ปีนี้จะตรงกับวันที่ ๒๘ และวันที่ ๒๙ จะมีทั้ง ๒ วัน แต่วันที่ ๒๙ ตุลาคมจะมีมากกว่า

             เดิมบั้งไฟพญานาคเกิดที่ตรงนั้นแห่งเดียว ต่อมาเมื่อนาคทั้งหลายเกิดกุศลศรัทธาก็ขยายไปเกิดที่โน่น ที่นี่ เกิดกันหลายๆ แห่ง เพราะพญานาค จะมีเป็นกลุ่มๆ ใต้บาดาล คือใต้แผ่นดินท้องน้ำ ลงไปอีก เป็นภพซ้อนภพ

            เราก็ฝันๆ ไว้ว่า วันนั้นพี่น้องชาวลาวทั่วโลก หรือพี่น้องชาวไทยทั่วโลก จะได้ชวนญาติรวมทั้งมิตรสหายที่เป็นชาวต่างชาติได้มาดูสิ่งอัศจรรย์ของโลกที่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หรือเกิดจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่เกิดขึ้นจากกุศลศรัทธาของพญานาคที่มีต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

            เราก็ฝันเอาไว้ว่า สองฝั่งโขงในวันนั้นจะไม่มีสุราเมรัย บุหรี่ ยาเสพติด สิ่งมึนเมาทั้งหลาย ไม่มีการพนัน การละเล่นอะไรต่างๆ มีแต่เสียง สวดมนต์ สวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย ที่ดังทั้งสองฝั่ง พร้อมทั้งถ้อยคำอันเป็นมงคล รวมทั้งภาพของผู้มีบุญที่มานั่งเจริญสมาธิภาวนาโดยพร้อมเพรียงกัน ถ้าหากเป็นอย่างนี้ทั้ง ๒ ฝั่งริมน้ำโขง บั้งไฟพญานาคอาจจะเกิดขึ้นมากกว่า ทุกๆ ปีที่ผ่านมา เพราะปกติทุกปีแม้มีเสียงสนุกสนานเฮฮาบันเทิง มีสุราเมรัยบุหรี่ สิ่งไม่ดี การละเล่นแบบผู้ไม่รู้ทั้งหลายก็ยังมีเกิดขึ้น

            นักวิทยาศาสตร์พยายามหาข้อพิสูจน์แต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ นอกจากบอกว่าเป็นปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติ มนุษย์ก็สร้างเรื่องราวว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นมาเองบ้าง แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น แต่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาต่อเนื่องยาวนาน ๒,๐๐๐ กว่าปี นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา และปีหนึ่งจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและแห่งเดียวเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่น่าศึกษากัน

            เพราะฉะนั้น เราจะได้ถือโอกาสนี้ ถ้าใครสะดวกในวันนั้นจะได้ไปสวดสรรเสริญเจริญพระพุทธคุณระลึกนึกถึงคุณของพระรัตนตรัย แล้วชาวต่างชาติก็จะได้เห็นวัฒนธรรมที่ดีงาม ของพี่น้องสองฝั่งไทยลาวตรงนั้น ซึ่งฝั่งพี่น้อง ชาวลาวยังคงรักษาวัฒนธรรมที่ดีงามตรงนั้นไว้ ก็อยากให้ทางพี่น้องฝั่งลาวรักษาวัฒนธรรมที่ดีนี้ไว้ให้แข็งแกร่งให้นานที่สุด ของไทยก็ควรจะย้อน ยุคถอยหลังลงคลองธรรม หันกลับมาฟื้นฟูขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมที่ดีงามดีกว่าที่จะ เรื่อยเปื่อยตามกระแสกันไป

            เพราะฉะนั้น ณ ตรงนั้นจะเป็นจุดเด่นทางด้านวัฒนธรรมที่ดีทีเดียว เพราะเป็นสิ่งที่โลกยังขาดแคลนอยู่ เมื่อภาพที่ดีนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เขาเห็นแล้วจะมีความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้น ใจจะสูงส่ง ซึ่งปีนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ขยายใหญ่กว่าทุกปี แล้วก็เริ่มเป็นงานที่เข้าสู่ระบบของวัฒนธรรมที่ ดีงามที่จะแตกต่างจากทุกๆ ปีที่ผ่านๆ มา

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล