ฉบับที่ ๑๙๗ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒

ย้อนอดีต…ท่องประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ตอนที่ ๑๗ : ชฎิล ๑,๐๐๓ กับปาฏิหาริย์เพื่อการปราบทิฐิ

อ่านอดีต ขีดอนาคต
เรื่อง : พระมหาพงศ์ศักดิ์ ฐานิโย, ดร.

 

ย้อนอดีต…ท่องประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา

ตอนที่ ๑๗ : ชฎิล ๑,๐๐๓ กับปาฏิหาริย์เพื่อการปราบทิฐิ

       หลังจากพระพุทธองค์มีพระดำรัสเพื่อส่งพระอรหันต์ชุดแรก ๖๐ รูป ออกไปประกาศพระสัทธรรมแม้ตัวพระองค์เองก็หาได้อยู่นิ่งเฉยไม่ พระพุทธองค์ได้มุ่งหน้าไปสู่อุรุเวลาเสนานิคม ณ ที่แห่งนั้นมีชฎิล ๓ พี่น้องผู้เป็นคณาจารย์ใหญ่ของชาวอังคะและมคธ โดยมี “อุรุเวลกัสสปะ” ผู้เป็นพี่ ดูแลบริวาร ๕๐๐ มี “นทีกัสสปะ” และ “คยากัสสปะ” ผู้เป็นน้องทั้งสอง ดูแลบริวาร ๓๐๐ และ ๒๐๐ ตามลำดับ รวมทั้งสิ้น ๑,๐๐๓ ตน

         ครั้นเมื่อพระพุทธองค์เสด็จดำเนินไปถึงที่อยู่ของ “อุรุเวลกัสสปะ” ผู้เป็นพี่ใหญ่ ณ ที่นี้พระพุทธองค์ได้ทรงอาศัยปาฏิหาริย์ ๓ อันประกอบด้วย ๑. อิทธิปาฏิหาริย์ คือ การแสดงฤทธิ์ได้เป็นอัศจรรย์ ๒. อาเทสนาปาฏิหาริย์ คือ การดักทายใจและบอกอุปนิสัยได้เป็นอัศจรรย์ ๓. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ การสอนให้รู้เห็นไปตามความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อิทธิปาฏิหาริย์ และ อาเทสนาปาฏิหาริย์ดังมีเนื้อความโดยย่อดังนี้

        พระพุทธองค์ทรงเริ่มต้นด้วยการประทับอยู่ในโรงบูชาไฟ ณ ที่นั้นมีพญานาคผู้มีฤทธิ์มากอาศัยอยู่ เมื่อพญานาคบังหวนควันและพ่นไฟใส่พระพุทธองค์ พระองค์ทรงเข้าเตโชกสิณสยบพญานาคให้ขดลงในบาตร (อิทธิปาฏิหาริย์) หลังจากนั้น ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ท้าวสักกะ ท้าวสหัมบดีพรหมได้มาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของชฎิลทั้งปวง ต่อมาเมื่อถึงพิธีบูชายัญใหญ่ชาวอังคะและมคธต่างเตรียมเครื่องสักการะแก่เหล่าชฎิล “อุรุเวลกัสสปะ” ได้เกิดปริวิตก เกรงว่าสักการะทั้งหลายจะเสื่อมไป จึงไม่อยากให้พระพุทธองค์เสด็จมาในวันรุ่งขึ้น ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงทราบถึงความคิดดังกล่าวนั้น จึงมิได้เสด็จไป (อาเทสนาปาฏิหาริย์) และเสด็จไปยังอุตตรกุรุทวีปเพื่อบิณฑบาต (อิทธิปาฏิหาริย์) นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์เสด็จไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงบังดาลให้เหล่าชฎิลสามารถผ่าฟืน ก่อกองไฟ และดับกองไฟทั้ง ๕๐๐ ได้อย่างอัศจรรย์ และเหตุการณ์สุดท้ายที่ทำให้ “อุรุเวลกัสสปะ” ยอมลดทิฐิที่มีมาตลอด คือ เหตุการณ์ที่เกิดอุทกภัยใหญ่ เหล่าชฎิลต่างลอยคอ มีเพียงพระพุทธองค์เท่านั้นที่ทรงพ้นจากอุทกภัย และเสด็จจงกรมอยู่ท่ามกลางแม่นํ้าที่แหวกออกเป็นทาง (อิทธิปาฏิหาริย์)

          จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ที่ปรากฏอย่างละเอียดในพระวินัยปิฎก มหาวรรค (วิ.มหา. ๔/๓๗-๕๓/๔๗-๖๓ แปล.มจร) ทำให้เราเห็นว่า ปาฏิหาริย์ ๓ นี้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยพระพุทธองค์ทรงเริ่มต้นที่ อิทธิปาฏิหาริย์ และ อาเทสนาปาฏิหาริย์ ควบคู่กันไปจนกระทั่งทรงเห็นว่า “อุรุเวลกัสสปะ” คลายทิฐิลงได้ มีจิตนุ่มนวลควรแก่การฟังธรรม เมื่อนั้นพระพุทธองค์จึงทรงอาศัย อนุสาสนีปาฏิหาริย์ แสดงธรรมแก่ชฎิลทั้ง ๓ พี่น้อง รวมถึงบริวารอีก ๑,๐๐๐ จนกระทั่งบรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด จริงอยู่แม้ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ จะมีความสำคัญที่สุดและเป็นแก่นของพระพุทธศาสนา แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธความสำคัญในระดับที่รองลงมาของ อิทธิปาฏิหาริย์และ อาเทสนาปาฏิหาริย์ ได้โดยประการทั้งปวง

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล