เรื่องที่ ๓๗๑เมื่อถึงวันเกณฑ์
ลูกชายก็ได้เอื้อมมือไปจับฉลากด้วยท่าทีที่มั่นใจ เสียงตะโกนจากรอบๆ บริเวณศาลาประชาคมดังขึ้นว่า แดงๆ ๆ ๆ ๆ
ด.ต.เกรียงศักดิ์ ทองสมบัติ
|
ด.ต.เกรียงศักดิ์ ทองสมบัติ อาชีพข้้าราชการบำนาญ อยู่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เข้าวัดทั้งครอบครัวซึ่งมีทั้งหมด ๔ คน ตั้งแต่วันวิสาขบูชา ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ทุกคนในบ้านหมั่นทั้งทำทาน รักษาศีลและเจริญภาวนาตลอดมา ด.ต.เกรียงศักดิ์ ได้เล่าถึงอานุภาพบุญที่ประสบเกี่ยวกับบุตรชายคนโตที่ืชื่อ เกียรติเดชา ทองสมบัติซึ่งจะเข้าคัดเลือกการเกณฑ์ทหาร ในวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๒ ที่ผ่านมา
ก่อนจะถึงวันคัดเลือก ในคืนของวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒ ด.ต.เกรียงศักดิ์และลูกชายได้ทำสมาธิอธิษฐานจิต ซึ่งลูกชายมีความจำเป็นต้องทำงานอื่น พอถึงตอนเช้าวันคัดเลือก ลูกชายก็ได้เอาพระทั้งหมดที่รับมาจากวัดพระธรรมกาย มารวมกันแล้วอธิษฐานต่อหน้าพระบรมพุทธเจ้าขอให้สมปรารถนาและสวดบทสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุแล้วโบกธงท่อง ชิตังเม เสร็จแล้วจึงเดินทางไปที่ศาลาประชาคม อำเภอสะเดาซึ่งเป็นสถานที่คัดเลือกทหาร ส่วนทางด้าน ด.ต. เกรียงศักดิ์ได้ทำสมาธิอธิษฐานจิต และสวดบทสรรเสริญช่วยลูกอยู่ที่บ้าน เป็นเวลาร่วม ๒ ชั่วโมง จนถึงเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. จึงได้เลิกทำสมาธิ ในขณะที่เดินจะไปเข้าห้องน้ำนั้นเอง ได้มองเห็นรูปหลวงพ่อสดทองคำลอยอยู่บนหลังคาศาลาประชาคมและมองเห็นผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นด้วย เห็นชัดเจนมาก ซึ่งศาลาประชาคมกับบ้านของ ด.ต.เกรียงศักดิ์ อยู่ห่างกันเกือบ ๕๐๐ เมตร จึงรีบไปหาลูกชายที่ศาลาประชาคม และก็บอกให้ลูกชายทราบว่าก่อนที่จะมาได้เห็นหลวงพ่อสด ท่านลอยอยู่บนศาลาประชาคม รีบบอกให้ลูกทราบก่อนที่จะไปวัดตัวตรวจร่างกายและจับใบดำใบแดง เพื่อให้ลูกมีกำลังใจ ซึ่งด.ต.เกรียงศักดิ์ก็ได้นึกอธิษฐานว่า ขอให้เขาวัดตัวลูกทุกอย่างอย่าให้เข้าหลักเกณฑ์ที่เขาต้องการ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะต้องจับฉลากใบดำใบแดง ก็เกิดความเป็นห่วงลูกอีกว่าจะจับฉลากได้ใบแดง จึงได้นั่งลงข้างเสาริมประตูในศาลาประชาคมซึ่งเป็นที่ไม่ค่อยสะดวกในการนั่งสมาธิเท่าไร แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกจึงได้นั่งลงไปโดยไม่ได้สนใจใคร ทำสมาธิไปแล้วก็นึกถึงพระมหาสิริราชธาตุและอธิษฐานว่าขอให้ลูกจับฉลากได้ใบดำ เมื่ออธิษฐานเสริ็จก็ลืมตาขึ้น จากนั้นก็สวดบทสรรเสริญคุณของพระมหาสิริราชธาตุในใจ ซึ่งขณะนั้นลูกชายก็กำลังจะจับฉลากพอดี ช่วงนั้นเองเหตุการณ์ที่ ด.ต.เกรียงศักดิ์ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งคือ ระหว่างที่สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุนั้น เขาได้เห็นรูปหลวงพ่อลอยอยู่บนหัวของผู้ที่ประกาศผลการจับฉลาก ตนเองรู้สึกปีติมากต่อภาพที่เห็นแต่ไม่กล้าบอกใครเพราะคนแถวนั้นไม่มีคนที่รู้จักเลย ขณะที่มองเห็นหลวงพ่ออยู่นั้นลูกชายกำลังลุกขึ้นเดินไปจับฉลากพอดี พลันก็ได้ยินเสียงแว่วๆ พูดขึ้นว่า "หลวงพ่อไม่ชอบสีดำนะ แต่จะให้สักครั้ง" ลูกชายก็ได้เอื้อมมือไปจับฉลากด้วยท่าทีที่มั่นใจ จากนั้นภาพของหลวงพ่อก็ค่อยๆ กลืนหายไปกับบรรยากาศ เสียงตะโกนจากรอบๆบริเวณศาลาประชาคมดังขึ้นว่า แดง ๆๆๆๆ แต่เมื่อลูกชายนำฉลากที่จับได้ไปให้ผู้ประกาศผล ผู้ประกาศผลก็กล่าวด้วยถ้อยคำอันดังว่า "ดำ" ด.ต.เกรียงศักดิ์และลูกชายดีใจมากที่คำอธิษฐานเป็นผลสำเร็จ และได้กล่าวในตอนท้ายว่า "เสียงที่ผมได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงหลวงพ่อแน่เพราะผมจำเสียงท่านได้ แต่เสียงที่ได้ยินอาจจะเป็นเสียงของเทวดาที่อยู่กับพระมหาสิริราชธาตุ"
|
ศาลาประชาคมที่คัดเลือกทหาร |
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด.ต.เกรียงศักดิ์ก็ยิ่งเชื่อมั่นในอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุมาก ปัจจุบันยิ่งทั้งนั่งสมาธิ และทั้งสวดสรรเสริญท่านมากกว่าเดิมหลายเท่า และมาที่วัดไม่เคยขาดถีึงแม้จะมีข่าวต่างๆ ที่บิดเบือนเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายก็ไม่เคยหวั่นไหวเพราะตนเองได้ประสบอานุภาพบุญมากับตัว จึงยึดมั่นและศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยกันทั้งครอบครัว
ความจริงเรื่องนี้ เนื้อเรื่องไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีนัก เป็นเรื่องลูกชายไม่อยากถูกเกณฑ์ทหาร พ่อก็ไม่อยากให้ลูกเป็นทหาร ถ้าพลเมืองของเราคิดแบบนี้กันหมด ประเทศชาติก็แย่ แต่ความจริงผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดทำนองนี้กันทั้งนั้น คงเป็นเพราะชีวิตทหารเกณฑ์ของประเทศเรามีสวัสดิการและรายได้ ตลอดจนการศึกษาอื่นๆ ไม่เป็นที่นิยม
ถ้าไม่พูดกันเรื่องเนื้อหาของเรื่อง พูดเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ หรืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุก็นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์เหลือเชื่อ
ลูกชายนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่รับไปจากวัด นำมาอธิษฐานขอพร ฝ่ายผู้เป็นพ่อก็สวดสรรเสริญ ทำสมาธิจิตช่วยอยู่ที่บ้านราว ๒ ชั่วโมง จนเห็นที่ศาลาประชาคมซึ่งใช้เรียกชื่อเกณฑ์ทหารนั้น มีรูปหลวงพ่อสดทองคำลอยอยู่บนหลังคา จึงรีบไปบอกลูกชายให้มีกำลังใจว่า หลวงพ่อมาช่วยแล้วเท่านั้นยังไม่พอ พ่อยังนั่งสมาธิในสถานที่แห่งนั้นอย่างไม่อายใคร เอาใจช่วยลูกเต็มที่ สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุในใจเรื่อยไป จนมองเห็นรูปหลวงพ่อลอยอยู่บนหัวกรรมการผู้ประกาศผลการจับฉลาก กระทั่งได้ยินคำพูดของหลวงพ่อด้วย
|
ภายในบริเวณที่จับฉลากคัดเลือกทหาร |
อันที่จริงเข้าใจว่า หลวงพ่อทั้งสองรูปท่านคงไม่ได้ไปช่วยแน่นอน เพราะเป็นเรื่องไม่น่าช่วยเหลือสักนิดเดียว แต่อำนาจสมาธิจิต อำนาจการอธิษฐานจิต ขออานุภาพพระรัตนตรัยนั้นมั่นคงมาก จิตปักสนิทแน่วแน่จนเป็นอุคคหนิมิต คือนิมิตติดตา ภาพหลวงพ่อทั้งสองจึงเกิดขึ้น
ปกติตามหลักพระอภิธรรม รูปต่างๆ เกิดขึ้นได้จาก กรรม จิต อุตุ และอาหาร ภาพที่ ด.ต.เกรียงศักดิ์เห็น คงเป็นภาพจากพลังจิตของตนเองสร้างขึ้นจากพลังจิตที่เกิดจากการระลึกถึงพระรัตนตรัยอย่างมั่นคงนั่นเอง
จิตที่มีพลังขนาดสร้างภาพให้เห็นได้นั่นย่อมมีอานุภาพทำความสำเร็จ ให้เกิดตามความปรารถนาของเจ้าของได้ ไม่ว่าจะเป็นความปรารถนาผิดหรือถูก
การทำสมาธิจิต แม้จะเป็นมิจฉาสมาธิ อย่างพวกโจรผู้ร้ายสมัยโบราณ หรือพวกเล่นคุณไสยกระทำกัน พลังจิตก็เกิด ทำให้มิจฉาชีพเหล่านั้นทำงานสำเร็จ
สำหรับรายนี้เป็นสมาธิจิตที่เป็นสัมมาสมาธิ นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธศาสนา อานุภาพย่อมนับประมาณไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นด้วยอานุภาพพระรัตนตรัยโดยแน่นอน
ส่วนที่เจ้าตัวเชื่อว่า เทวดาผู้รักษาพระมหาสิริราชธาตุเปล่งเสียงพูดในภาพของหลวงพ่อ ก็อาจเป็นไปได้ และกลับเป็นผลดี ทำให้เจ้าตัวมีศรัทธาเต็มเปี่ยม เชื่อมั่นยิ่งขึ้น ขยันสวดสรรเสริญมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่า
การสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย ที่จริงแล้วคือการทำสมาธิจิตระดับหนึ่งเมื่อสวดอยู่ ย่อมมีแต่คำเป็นสิริมงคลเกิดขึ้นในใจตลอดเวลา ถ้าสวดออกเสียง หูก็พลอยได้ยินถ้อยคำดีๆ เหล่านั้นเพิ่มอีก จิตใจย่อมเบิกบานผ่องใสเปี่ยมด้วยความยินดีเป็นโสมนัส มหากุศลจิตที่ประกอบด้วยโสมนัสและปัญญามีผลานิสงส์กว้างขวางเกินกว่าประมาณได้
ดังนั้นจึงไม่ควรเบื่อหน่ายการทำความดีในเรื่องนี้ โดยไปคิดว่าเป็นเรื่องงมงายไร้เหตุผลเป็นอันขาด