เรื่องที่หลวงพ่อจะบรรยายให้ฟังวันนี้ คือเรื่องความเข้าใจถูกในการสร้างบารมี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้พวกเราเข้าใจในเรื่องของการสร้างบารมี ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และถือโอกาสประเมินว่า ๑ ปีที่ผ่านมา หรือตลอดระยะเวลาที่เข้าวัดมานี้ บุญบารมีของพวกเราแก่กล้าขนาดไหนแล้ว จะได้วางแผนที่จะสร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังหลายครั้งแล้วว่า เย็นวันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อ เดินตรวจดูความเรียบร้อยภายในวัด ผ่านไปทางหน้ากุฏิของคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งตอนนั้นท่านอายุประมาณ ๗๕ ปี
หลวงพ่อเห็นท่านกำลังนั่งพรวนดินรอบๆ ต้นไม้ที่หน้ากุฏิของท่าน รู้สึกว่าท่านเพลินกับการพรวนดิน เหลือเกิน หลวงพ่อจึงเข้าไปถามว่า
"ยาย ขณะที่ยายพรวนดินอยู่นี้ยายนึกถึงอะไร"
คุณยายตอบว่า "ยายไม่ได้นึกอะไร พรวนดินไปก็ระลึกชาติไป ไปดูว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต ท่านทรงสร้างบารมีของท่านมาอย่างไร จะได้เอาตัวเองไปเทียบ ไปตรวจสอบ ว่ามีอะไรที่ยังบกพร่องอยู่ก็จะได้ปรับปรุง รีบตามท่านไปให้ทัน"
"แล้วยายไม่เหนื่อยหรือ"
"ไม่เหนื่อยหรอก เพราะว่าใจยายอยู่ที่ศูนย์กลางกายตลอด"
ขนาดคุณยายของเราท่านสามารถมองทะลุปรุโปร่งไปแล้ว ทั้งนิพพาน ภพ ๓ โลกันตร์ ยังต้องมานั่งทบทวนการสร้างบารมีของตัวเอง แม้ขณะที่กำลังพรวนดินต้นไม้ แสดงว่าการสร้างบารมี เป็นเรื่องที่จะต้องทบทวนกันอยู่ตลอดเวลาทีเดียว
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หลวงพ่อจึงย้อนกลับมาพิจารณาการสร้างบารมีของตัวเองใหม่ว่า ความเข้าใจถูกในเรื่องการสร้างบารมีของเราเป็นอย่างไร ปีนี้กับเมื่อปีที่แล้ว เหมือนกันหรือไม่ ซึ่งแต่ละปีก็จะพบว่า มีความแตกต่างกันไป
บารมีคืออะไร
คำจำกัดความโดยย่อของคำว่า "บารมี" มีอยู่ ๒ ประการ
ประการที่ ๑ บารมี คือ บุญที่มีคุณภาพพิเศษ ซึ่งเกิดจากการสร้างบุญที่มีองค์ประกอบ ๓ ประการ ได้แก่
๑. ทำอย่างถูกวิธี คือ สร้างบุญอย่างถูกหลักวิชชา ไม่ใช่ทำแบบสะเปะสะปะ และไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องด้วย
๒. ทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน คือ ในการทำบุญแต่ละครั้ง ไม่ใช่ทำแบบเหยาะๆ แหยะๆ แต่ว่าทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันทีเดียว
๓. ทำอย่างต่อเนื่อง คือ ทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่นานๆ ถึงจะทำสักครั้งหนึ่ง หรือไม่ใช่ทำเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น
ถ้าเป็นนักมวยก็ต้องบอกว่า ตั้งแต่ยกแรกจนถึงยกสุดท้าย มีแต่หมัดน็อคทั้งนั้นเลย ประเภทหมัดแย็บ หรือว่าเต้นฟุตเวิร์คไปรอบๆ เวทีไม่มีหรอก
บุญคืออะไร
บุญ คือ พลังงานบริสุทธิ์ชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นมาในใจทุกครั้ง เมื่อเราตั้งใจจะละชั่ว ตั้งใจทุ่มเททำความดี และตั้งใจกลั่นใจให้ใสเป็นแก้ว ใส เป็นเพชร
ทำนองเดียวกับการที่เรากินอาหารนั่นแหละ คือ เมื่อกลืนข้าวเข้าไป ก็จะเกิดการย่อยขึ้นภายในตัว แล้วเกิดเป็นพลังงานขึ้นมาหล่อเลี้ยงร่างกายของเรา ให้เจริญเติบโต
แต่ว่าพลังงานที่เกิดจากอาหาร กับพลังงานที่เกิดจากการตั้งใจละความชั่ว ทุ่มเททำความดี และกลั่นใจให้ใส ซึ่งท่านเรียกว่า " บุญ " นั้นเป็นพลังงานคนละรูปแบบกัน
อานุภาพของบุญ
บุญมีอานุภาพพิเศษที่สำคัญ คือ สามารถชำระใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ ยิ่งกว่านั้น บุญที่สั่งสมมาดีแล้ว ยังส่งผลพิเศษๆ ได้อีกมากมาย
เช่น ไม่ว่าจะเป็นมหาเศรษฐี เป็นพระราชา เป็นพระอรหันต์ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตาม ย่อมเกิดจากบุญที่สร้างเอาไว้ทั้งนั้น
แม้กระทั่งขอทานก็ยังต้องมีบุญเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสเกิดเป็นคนกับเขาหรอก ป่านนี้คงเกิดเป็นหมู หมา กา ไก่ไปแล้ว
เพราะฉะนั้น ความสำเร็จ ความสมหวัง ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกประการ ล้วนเป็นผลมาจากบุญทั้งสิ้น
คุณสมบัติของบุญ
คุณสมบัติของบุญที่ชาวพุทธคุ้นเคยกันดี มีอยู่ ๒ เรื่องใหญ่ๆ คือ
๑. เก็บสะสมเอาไว้ได้ บุญสามารถเก็บสะสมเอาไว้ในใจของคนเรา เหมือนอย่างกับกระแสไฟฟ้า ที่สามารถชาร์จเก็บสะสมเอาไว้ในแบตเตอรี่นั่นเอง
๒. อุทิศให้กับผู้ที่ละโลกไปแล้วได้ บุญมีคุณสมบัติคล้ายกับน้ำ คือ สามารถที่จะไหลไปได้ไกลๆ
อุปมาเหมือนน้ำจากภูเขา ไหลลงไปสู่ทะเลที่อยู่ไกลแสนไกลได้ฉันใด บุญก็สามารถที่จะอุทิศให้กับผู้ที่ละโลกไปแล้ว แม้อยู่กันคนละโลกได้ฉันนั้น
ประการที่ ๒ บารมี คือ นิสัยเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างบุญ สร้างกุศล เพื่อที่จะละชั่วให้ขาดจากใจได้เด็ดขาด แล้วก็รักในการทำความดี รักในการกลั่นใจให้ใสยิ่งๆ ขึ้นไป
นิสัยคืออะไร
นิสัย คือ พฤติกรรมที่เคยชินทั้งทางกาย วาจา และใจ จะเรียกว่าเป็นโปรแกรมประจำตัวของแต่ละคนก็ได้
โดยตอนเล็กๆ มีพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ลุงป้าน้าอา ช่วยเป็นโปรแกรมเมอร์ให้ พอโตขึ้นมา ตัวเองนั่นแหละก็จะทำหน้าที่เป็นโปรแกรมเมอร์ให้กับตัวเอง
นิสัยเกิดขึ้นได้อย่างไร
นิสัยเกิดจากการคิด การพูด การกระทำ ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งกลายเป็นความเคยชิน พอมีโอกาสก็กระทำอย่างนั้นอีก
เช่น ผู้ที่มีนิสัยดี มีโอกาสเมื่อไหร่ก็ชอบที่จะเลือกทำแต่กรรมดี บุญที่เกิดขึ้นจึงส่งผลให้มีแต่ความสุขความเจริญ
ส่วนคนที่มีนิสัยไม่ดี มีโอกาสเมื่อไหร่เป็นต้องทำความชั่วทุกทีไป บาปที่เกิดขึ้นมาก็จะไปเผาผลาญใจ ทำให้มีแต่ความทุกข์ ความเดือดร้อนอยู่ร่ำไป
เพราะฉะนั้น ความสุข ความเจริญ ความทุกข์ ความเสื่อมของมนุษย์ ล้วนขึ้นอยู่กับนิสัยของตัวเองทั้งสิ้น
พฤติกรรมในการทำความดีและความชั่วของมนุษย์
พฤติกรรมในการทำความดี หรือทำความชั่วของมนุษย์นั้น พบว่าเวลามนุษย์ทำความชั่ว มักจะทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เช่น รู้ว่าการดื่มเหล้าไม่ดี จะทำให้เป็นโรคตับแข็งถึงตายได้ แต่ว่าก็ยังไปดื่มมันอีก
รู้ว่าการลัก การขโมย เป็นสิ่งไม่ดี ถ้าหากถูกเขาจับได้จะต้องติดคุกติดตะราง หรือเขาอาจจะฆ่าเอาได้ แต่ว่าก็ยังไปลัก ไปขโมยของเขาอีก เป็นต้น
ความชั่วที่ทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันเหล่านี้ จะกลายเป็นโปรแกรมที่ฝังลึกอยู่ภายในใจมนุษย์ มีโอกาสเมื่อไหร่ก็มักจะทำความชั่วกันได้ง่ายๆ ในปัจจุบันเราจึงได้เห็นคนที่ชอบทำความชั่วอยู่เกลื่อนเมือง
ส่วนเวลามนุษย์ทำความดีทั้งๆ ที่รู้ว่าการทำทาน การรักษาศีล การนั่งสมาธิเป็นสิ่งที่ดี แต่จะมีใครสักกี่คนในโลกนี้ ที่ทำทานโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
มีใครบ้างที่รักษาศีลโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ชนิดใครเอามีดมาจ่อคอ เอาปืนมาจ่อหัว บังคับให้ทำความชั่ว ก็ไม่ยอมทำ
มีใครบ้างที่นั่งสมาธิโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เห็นมีแต่เอาหมอนเป็นเดิมพันกันทั้งนั้นแหละ
เมื่อเป็นอย่างนี้ก็เท่ากับบอกว่า มนุษย์กำลังตกอยู่ในภาวะอันตรายเสียแล้ว เพราะว่านิสัยที่ดีๆ มักจะเกิดจากการทำความดีเป็นครั้งคราว และทำอย่างไม่ค่อยจะเต็มที่นัก ส่วนนิสัยที่ไม่ดีกลับทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
การที่จะแก้ไขนิสัยไม่ดีเหล่านี้ให้หมดไป จึงมีอยู่วิธีเดียว คือ ในเมื่อเวลาทำความชั่วก็ทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพราะฉะนั้น เราจะต้องฝืนใจเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ในการทำความดีเช่นเดียวกันด้วย ยิ่งกว่านั้นยังต้องทำให้มากกว่า โปรแกรมที่ดีๆ จึงจะสามารถไปลบล้างโปรแกรมชั่ว ให้เด็ดขาดลงไปได้ การเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ในการทำความดีให้ยิ่งกว่านี้ เรียกว่า "การสร้างบารมี" นั่นเอง
และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องสร้างบารมี ส่วนการสร้างบารมีจะมีอะไรบ้างนั้น เอาไว้คราวหน้าเราค่อยมาศึกษากัน
ปีใหม่นี้ขอให้ลูกพระธัมฯ หลานคุณยายทุกท่าน สามารถสร้างบารมีได้เต็มที่ เต็มอิ่ม เต็มใจ เต็มมือ เข้าถึงพระธรรมกาย เข้าถึงธรรมะ ซึ่งเป็น ธาตุบริสุทธิ์อยู่ในตัว เป็นธาตุที่สามารถฆ่ากิเลส เป็นธาตุบริสุทธิ์ที่ทำให้เรายิ่งด้วยปัญญา ยิ่งด้วยมหากรุณา พร้อมที่จะไปรื้อวัฏฏะเบื้องหน้า ให้สิ้นซากไปได้โดยง่าย จงเป็นนักกู้ธาตุกู้ธรรม ให้พ้นจากอำนาจของพญามาร ได้เป็นอัศจรรย์ไปทุกภพทุกชาติ ตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญ