บทความพิเศษ
เรื่อง : ชนิกา
เหตุการณ์ที่พระภิกษุใน ๔ จังหวัดภาคใต้ถูกทำร้าย มานับครั้งไม่ถ้วน รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นในจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม ที่ผ่านมานี้ สร้างความสะเทือนใจให้ชาวพุทธ ครั้งแล้วครั้งเล่า และทำให้ชาวพุทธส่วนหนึ่ง หันกลับมาทบทวนว่า ในฐานะพุทธบริษัท ๔ เราควรจะมีบทบาทอย่างไรบ้างต่อปัญหานี้
สำหรับพุทธบุตรใจเพชร ๔ จังหวัดภาคใต้ แม้จะมีเรื่องสะเทือนขวัญซึ่งอาจมีอันตราย ต่อชีวิตได้ทุกเมื่อเกิดขึ้นหลาย ต่อหลายครั้ง แต่ท่านก็ยังคงยินดีที่จะยืนหยัดสู้ ณ ผืนดินแห่งนี้ต่อไป
ย้อนไปวันเกิดเหตุ เวลาเช้าตรู่ของวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ พระภิกษุทั้งห้ารูปของวัดพรหมนิวาส อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ออกเดินบิณฑบาต ปฏิบัติกิจของสงฆ์ด้วยความสงบสำรวม เพื่อเป็นเนื้อนาบุญแก่ญาติโยม โดยมีทหารจากหน่วยนาวิกโยธิน ชุดช่วยราชการภาคใต้ ๕ นายให้ความคุ้มครอง
ขณะที่เดินมาตามถนนจำรูญนรา คนร้ายได้กดโทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ ๕ กิโลกรัมบรรจุอยู่ในกล่องเหล็ก ทันใดนั้น เสียงระเบิด บึ้ม! ก็ดังกัมปนาทขึ้นอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมกว้างประมาณ ๑ เมตร ลึก ๑ ฟุต รอบๆ มีสะเก็ดระเบิด ตกอยู่เป็นจำนวนมาก
พระและทหารกระเด็นไปคนละทิศละทาง บาตรพระกระจายเกลื่อนถนน พระบาดเจ็บทั้ง ๕ รูป มีเลือดอาบที่จีวร ทหารบาดเจ็บ ๔ นาย เสียชีวิต ๑ นาย และมีชาวบ้านบาดเจ็บอีก ๔ ราย ผู้บาดเจ็บทุกท่าน ถูกนำส่งโรงพยาบาล ประจำจังหวัดนราธิวาส ซึ่งต่อมาทางโรงพยาบาล ได้ส่งผู้ที่บาดเจ็บสาหัสไปรักษาตัว ที่โรงพยาบาล สงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็น โรงพยาบาลที่ใหญ่กว่า
เมื่อทางวัดพระธรรมกายทราบข่าวนี้ ในวันรุ่งขึ้น พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ได้มอบหมายให้พระครูปลัดภูเบศ ฌาณาภิญโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยคณะพระภิกษุ และคณะกัลยาณมิตรทางภาคใต้ เดินทางไปเยี่ยมพระภิกษุ และทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดนราธิวาส และได้มอบเงินค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งเหรียญกันภัยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
เนื่องจากพระ ๑ รูป และทหารอีก ๑ นาย ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล สงขลานครินทร์ พระครูปลัดภูเบศ ฌาณาภิญโญ พร้อมด้วยคณะ จึงได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อเข้าเยี่ยมและมอบเงินค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งเหรียญกันภัยให้
รายนามพระภิกษุที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง ๕ รูป มีดังนี้ คือ พระครูสังฆรักษ์สมชาย โชติวโร เจ้าอาวาสวัดพรหมนิวาส และพระลูกวัดอีก ๔ รูป คือ พระวิชา ฐิตธมฺโม พระก่อเกียรติ ฉนฺทธมฺโม พระณัฐวุฒิ ฐิตเปโม และ พระสมพงษ์ จนฺทชโร ขณะนี้พระทุกรูปพ้นขีดอันตรายแล้ว เมื่อหายดีก็จะเดินทางกลับวัดต่อไป
เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ พระครูสังฆรักษ์สมชาย โชติวโร เจ้าอาวาสวัดพรหมนิวาส กล่าวว่า
"ทีแรกโดนตูมลงไป มันมืดไปหมดเลย สายตารับรู้อะไรไม่ได้ ประคองสติลุกขึ้นมาทำสมาธิ มองไปรอบข้างจึงเห็นว่า พระที่เดินอยู่ข้างหลัง รูปที่สอง ที่สาม กระเด็นแซงหน้าออกไป แต่ตัวเอง รู้สึกว่าเจ็บที่หัวนิดหน่อยเท่านั้นเอง ที่หน้าแข้งก็ยังไม่รู้สึก เพราะตัวเองนั่งสมาธิอยู่ ก็เลยยังมองไม่เห็นว่าตัวเองมีเลือด แต่รูปอื่นมีเลือดทั้งนั้นเลย เพิ่งมารู้ตอนที่เขาเอกซเรย์ว่า มีเหล็กสองหุน ยาวประมาณ ๑ ซม. ฝังอยู่ในศีรษะ เดชะบุญที่ไม่ทะลุกะโหลกเข้าไป"
พระก่อเกียรติ ฉันทธัมโม กล่าวว่า ท่านยินดีตายในผ้าเหลือง และจะไม่ย้ายไปไหน เพราะไม่อยากทิ้งชาวบ้านไป
"สู้ยันตายครับผม ไม่ยอมถอย เรามาเพื่อทำประโยชน์ให้กับชาวพุทธ ที่เขาต้องการเรา ถ้าเกิดว่าเราเจออย่างนี้ปุ๊บแล้วเราถอย ชาวบ้านจะใจฝ่อครับ อีกหน่อยเค้าจะกราบแต่รูปกับพระพุทธเท่านั้นเอง พระสงฆ์เราต้องสู้ ตายอย่างมีประโยชน์ ดีกว่า"
นอกจากนี้ พระเทพศีลวิสุทธิ์ วัดประชุมธารา เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส ยังได้กล่าวขอบคุณที่พระเดชพระคุณ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้ให้ความช่วยเหลือว่า
"รู้สึกดีใจที่หลวงพ่อเป็นห่วง บรรดาญาติโยม ก็เป็นห่วง มาเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมาก ก็ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย ที่ได้เมตตาอนุเคราะห์ ให้ความช่วยเหลือ ให้กำลังใจกับพระที่บาดเจ็บ ขอขอบคุณมาก"
คุณสวัสดิ์ และคุณสุวรรณา วิภาวัตตันติ โยมพ่อโยมแม่ของ พระณัฐวุฒิ ฐิตเปโม กล่าวว่า
"มีความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกชาย เพราะท่านได้ทำทุกอย่าง เพื่อตัวเองและครอบครัว มีมานะ อดทน ได้บวชเรียนในพระพุทธศาสนาของเรา ก็ขอขอบคุณทุกท่าน และคณะที่มาให้กำลังใจกับพระณัฐวุฒิ"
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ทำร้ายพระใน ๔ จังหวัด ภาคใต้ พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ได้คอยให้กำลังใจ และให้ความช่วยเหลือ โดยการถวาย สังฆทานแด่คณะสงฆ์ทั้ง ๒๖๖ วัดอย่างต่อเนื่อง ตลอดมาทุกเดือน จนถึงขณะนี้ก็รวมได้ ๑๗ ครั้งแล้ว และจะยังคงให้ความช่วยเหลือต่อไปจนกว่าเหตุการณ์จะสงบลง
เมื่อเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ได้ส่งผู้แทนไปให้ความช่วยเหลือ ในทันทีโดยไม่รอช้า และมอบความช่วยเหลือให้จนถึงมือ เนื่องจากท่านมีความห่วงใยพุทธบุตรใน ๔ จังหวัดภาคใต้เป็นอย่างยิ่งตลอดมา เพราะท่านตระหนักดีว่า พระภิกษุทั้ง ๒๖๖ วัดเป็นผู้บริสุทธิ์ เปี่ยมด้วยเมตตา ไม่เคยเบียดเบียนทำร้ายใคร และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ในแต่ละวันท่านก็ปฏิบัติศาสนกิจของท่าน ตั้งใจทำพระนิพพานให้แจ้ง และสอนญาติโยมให้เป็นคนดี แม้มีอันตรายรอบตัว แต่ท่านก็ไม่หวั่นไหว ยังคงยืนหยัดอยู่เป็นเนื้อนาบุญ และเป็นกำลังใจแก่ญาติโยม
ภายใต้ผืนฟ้าอันกว้างใหญ่นี้ มนุษย์เรามีทางมากมายให้เลือกเดิน แต่พุทธบุตรในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะเดินบนเส้นทางแห่ง การเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ไว้ให้คงอยู่คู่แผ่นดินนี้ โดยไม่หวั่นไหวกับปัญหาใดๆ ท่านไม่ย้ายวัด ย้ายจังหวัด หรือลาสิกขาไปอยู่ที่อื่นเพื่อเอาตัวรอด ถ้าใครได้อ่านคำสัมภาษณ์ของท่านแล้ว ก็จะเห็นว่าแม้ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ท่านก็ยังลุกขึ้นมาทำสมาธิ ใจของท่านสูงส่ง งดงาม จดจ่ออยู่แต่เรื่องบุญเรื่องกุศล แต่ก็ยังมีคนคอยจ้องจะทำร้ายท่าน เพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตนเองปรารถนา โดยไม่ได้คำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิตของท่านเลย
ขณะนี้พระภิกษุสงฆ์ ๔ จังหวัดภาคใต้ ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างระแวดระวังภัย เราจะไม่ปล่อยปละละเลยให้ท่านเผชิญกับภยันตรายอยู่ตามลำพัง เพราะพระพุทธศาสนา ของเรา จะสถิตสถาพรอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้ได้ต่อไปหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่า พุทธบริษัท ๔ จะคอยดูแลช่วยเหลือกันอย่างเหนียวแน่นเพียงใด สำหรับวัดพระธรรมกายนั้น เราพร้อมที่จะร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ กับพุทธบุตรทุกท่าน ในการปกป้องดูแลพระศาสนา อย่างเต็มกำลังตลอดไป