ธรรมะอินเทรนด์
เรื่อง : ชนนี e-mail : [email protected]
เรื่องราวการก่อกรรมทำเข็ญอย่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ต่อพระภิกษุและประชาชนในภาคใต้ที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้จักจบสิ้นสร้างความหวาดกลัว และ บีบคั้นจิตใจผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สี่จังหวัดภาคใต้ อย่างยิ่ง และสร้างความสลดใจให้กับผู้มีใจเป็นธรรม ทั่วโลกอย่างรุนแรง
การล่วงเกินหรือทำอันตรายต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งปราศจากอันตรายต่อผู้ใด ถือเป็นกรรมหนัก เป็นทางมาแห่งอัปมงคลและความย่อยยับของชีวิต ผู้ทำจะต้องได้รับอันตราย และความทุกข์อย่างแสนสาหัสเป็นการตอบแทนตามกฎแห่งกรรม ดังตัวอย่างเรื่องราวของพระเจ้า สุปปพุทธะ ในพระไตรปิฎก (มก.เล่ม ๔๒ หน้า ๖๒)
ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าสุปปพุทธะผูกอาฆาต ในพระบรมศาสดาด้วยเหตุที่เจ้าชายสิทธัตถะได้เสด็จออกผนวชและทอดทิ้งพระมเหสี คือ พระนางพิมพา ผู้เป็นพระธิดาของพระองค์
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าสุปปพุทธะทรงหาทางแกล้ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเสด็จมาประทับเสวย น้ำจัณฑ์อยู่กลางถนน เพื่อขัดขวางการเสด็จบิณฑบาต ของพระพุทธ องค์ เมื่อพระพุทธองค์ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้าสุปปพุทธะก็ทรงทราบเจตนาจึงเสด็จกลับ ไปยังพระวิหารและตรัสว่า "พระเจ้าสุปปพุทธะทรงขัดขวางการดำเนินออกโปรดสัตว์ของตถาคต นับว่าทำกรรมหนักมาก อีก ๗ วันหลังจากนี้จะถูก ธรณีสูบที่เชิงบันได ภายใต้มหาปราสาทของพระองค์"
เมื่อพระเจ้าสุปปพุทธะทรงทราบถึง พุทธพยากรณ์ ก็ทรงหวั่นพระทัยมาก เพราะทรงทราบว่าพุทธพยากรณ์ย่อมเป็นจริงทรงดำริว่า "พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เราจะถูกธรณีสูบที่เชิงบันไดในวันที่ ๗ เราจะทำให้วาจานี้คลาดเคลื่อน โดยไม่เข้าไปใกล้เชิงบันได"จากนั้น ทรงย้ายไปประทับอยู่บนปราสาทชั้น ๗ และทรงคัดเลือกทหารร่างกายใหญ่โต แข็งแรงให้มาเฝ้าที่ประตูปราสาททุกๆ ชั้น เพื่อกันมิให้พระองค์เสด็จลงไปจากปราสาทได้
เมื่อภิกษุทั้งหลายทราบความเคลื่อนไหวในพระราชวัง ก็ไปกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า พุทธพยากรณ์จะยังคงเป็นจริงอยู่หรือไม่ พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า "อย่าว่าแต่จะขึ้นไปอยู่บน ปราสาทชั้น ๗ ที่มีทหารกำยำล่ำสันเฝ้ารักษาประตูอยู่จำนวนมากเช่นนี้เลย แม้จะเหาะไปในอากาศ จะหนีไปทางมหาสมุทร หรือจะหนีเข้าไปในซอกเขา ก็จะต้องถูกแผ่นดินสูบที่เชิงบันไดของปราสาท เพราะถ้อยคำของตถาคตไม่เป็นสอง เรากล่าวอย่างไร ย่อมเป็นอย่างนั้น"
อีกเจ็ดวันต่อมา ในเวลาเดียวกับที่พระเจ้าสุปปพุทธะขัดขวางทางเสด็จของพระบรมศาสดา ม้าพระที่นั่งเกิดพยศขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตลอดเวลา นอกจากพระเจ้าสุปปพุทธะแล้วไม่มีใครปราบม้าตัวนี้ได้ พระองค์จึงทรงกระวนกระวายพระทัยยิ่งนัก จนทรงลืม ทุกสิ่งทุกอย่าง คิดแต่จะไปปราบม้าพยศเท่านั้น จึงเสด็จออกจากที่ประทับ กรรมได้บันดาลให้ประตูทุกบานเปิดออก ทหารต่างลืมหน้าที่ของตนพระองค์เสด็จลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อใกล้ถึงเชิงบันไดมหาปฐพีส่งเสียงดังสนั่นทันทีที่พระบาท ของพระองค์แตะพื้นดิน แผ่นดินก็แยกออกเป็นสองส่วนสูบเอาร่างของพระองค์ลงไปยังอเวจี มหานรกทันที
นี่แหละอำนาจของกรรม !
การทำร้ายพระสงฆ์ด้วยเจตนาที่จะบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นตัวแทนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือว่าเป็นการล่วงเกินพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นกัน ผู้ทำจะได้รับกรรมหนักแสนสาหัส และเมื่อถึงคราวที่กรรมตามทันจะหนีไปไหนก็หนีไม่พ้น ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า "บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ แม้จะหนีไปในอากาศ หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทรหรือหนีไปยังซอกเขา ก็ไม่อาจพ้นจากกรรมชั่วของตนได้"
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพระภิกษุใน ๒๖๖ วัด ภาคใต้นั้น สิ่งที่เราควรทำนอกจากการอุปัฏฐากและถวายจตุปัจจัยไทยธรรมที่ทำกันอยู่เป็นประจำแล้ว เรายังควรหมั่นทำทาน รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ทำสมาธิภาวนาให้มากยิ่งขึ้นและตั้งจิตประกอบด้วยเมตตาว่าทุกสรรพชีวิต คือ เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น และอธิษฐานจิตให้อำนาจบุญกุศลจงดลบันดาลให้พระภิกษุและพี่น้องประชาชนใน ๔ จังหวัดภาคใต้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงให้เหตุการณ์รุนแรงยุติลงโดยเร็ว ให้ประเทศของเราสงบสุขดังเดิม
ถ้าเราพร้อมใจกันทำเช่นนี้เป็นประจำ กระแสแห่งความบริสุทธิ์จากใจของมหาชนก็จะผสาน รวมกัน บังเกิดเป็นอานุภาพอันไพศาลแผ่ออกไปสู่สังคมและประเทศชาติ ซึ่งจะช่วยให้ความขัดแย้งต่างๆ บรรเทาลงไปได้
ขอให้เรามาร่วมกันสร้างกระแสแห่งความ ดีงามให้บังเกิดขึ้นในประเทศของเรา และให้เชื่อมั่นว่าทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่วไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร กรรมดีกรรมชั่วที่ทำไว้ก็จะติดตามไปส่งผลได้เสมอ เพราะ..
อำนาจกรรมอยู่เหนือกาลเวลา และอยู่เหนืออำนาจทั้งปวง
กาลเวลา เป็นสิ่งที่ทรงอานุภาพ สามารถกลืนกินสรรพสิ่งทั้งปวงได้โดยมิอาจขัดขืน แต่...มีสิ่งที่กาลเวลาไม่สามารถทำลายได้สิ่งนั้น คือ กรรม และกรรมหนักที่ให้ผลรุนแรงเกินคาด ก็คือ กรรมที่ทำกับผู้บริสุทธิ์