คอลัมน์ท้ายเล่ม
เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์
"สส." สงสัย
บรรยากาศบ้านเมืองในประเทศไทยช่วงนี้รณรงค์ให้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ส่งผลมาถึงบรรยากาศการสร้างบารมีของผู้ที่อยู่ในบุญเช่นกัน
หลวงพ่อได้ประกาศงานบุญอาทิตย์ต้นเดือนกรกฎาคมเลื่อนเข้ามาเร็วขึ้น ๑ สัปดาห์ ทำให้เดือนมิถุนายนนี้ เป็นครั้งแรกที่มีพิธีบูชาข้าวพระ ๒ ครั้งด้วยกัน เพื่อเอื้อเวลาให้วันอาทิตย์ที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันเต็มที่
กระแสการหาเสียงที่คึกคัก เมื่อฟังโดยรวม ๆ แล้ว ผู้สมัครทุกท่านล้วนแต่เป็นผู้มีความรู้รอบรู้ลึก รู้หมดทุกอย่าง รู้ปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหา จนเกิดความรู้สึกว่า หากเรามีความสามารถและเก่ง ๆ เช่นนี้บ้างคงดี
มีพี่ที่สนิทกันท่านหนึ่ง ซึ่งผมได้จัดลิสต์ในใจให้อยู่ลำดับต้น ๆ ของผู้ที่รู้รอบและรอบรู้เช่นเดียวกับผู้สมัคร สส.
เวลาที่มีปัญหา เมื่อไปปรึกษาก็จะได้รับความช่วยเหลือกลับมาทุกครั้ง ผมเคยปรึกษาเรื่องงานก็ได้รับความช่วยเหลือและคำแนะนำเป็นประจำอยู่เสมอ ส่วนเรื่อง วิชาการเรื่องเศรษฐกิจ และประวัติศาสตร์นั้น เป็นสิ่งที่ผมมักจะได้รับเป็นของแถมตามมา ครั้นลองหารือปรึกษาปัญหาสุขภาพก็ได้ความกระจ่าง ลองถามเรื่องการเมืองก็เข้าทางที่พี่ท่านถนัด และที่ถนัดที่สุดคือเรื่องหลักธรรมและระบบการบริหาร รวมไปถึงด้านศิลปะ จนฉงนใจว่ากระบวนการทางความคิดของผู้ที่รู้รอบเช่นนี้ เขามีที่มาที่ไปอย่างไร
เมื่อสอบถามจึงทราบว่า แรกเริ่มก็ต้องสมัครใจที่จะเป็น "สส" เสียก่อน
"สส" ของพี่ท่านนี้ไม่ใช่หมายถึง สมาชิกสภาผู้แทน แต่อย่างใด
แต่หมายถึงต้องเริ่มต้นที่การเป็นคนช่าง "สงสัย"
ทุกครั้งที่เกิดความสงสัย ความคิดเราจะวิ่งเข้าไปยังคลังข้อมูลในสมองเพื่อค้นหาคำตอบ ถ้าไม่พบก็จะเก็บจดจำความสงสัยนั้นไว้ เมื่อใดที่ความสงสัยนี้มีความเข้มข้นมากพอ มันจะเป็นแรงกระตุ้นให้เราค้นคว้าหาความกระจ่างเพื่อให้คลายความสงสัย เมื่อนั้นความรู้ต่าง ๆ จากที่ค้นคว้าก็จะหลั่งไหลเข้ามาสะสมไว้ในคลังข้อมูลของสมอง ทำให้เราค่อย ๆ เริ่มเป็นผู้รอบรู้มากขึ้น ๆ
แต่ถึงแม้มีใจที่จะเป็น "สส" แล้ว ก็ใช่ว่าจะต้องสงสัยไปเสียทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องสงสัยไปก็ป่วยการ นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังไม่เกิดประโยชน์ใดแก่ชีวิต แถมยังจะมีสารสีหม่น ๆ มาเคลือบจิตใจให้หมองเศร้าลงไปอีกด้วย
ดังนั้น เราจึงต้องรู้จักพิจารณาคุณสมบัติ "สส" ให้ดีก่อนที่จะเลือก
ผมเริ่มทดลองสงสัย โดยเริ่มต้นที่เรื่องใกล้ ๆ ตัวไปเรื่อย ๆ จนมาสงสัยถึงโครงการงานบุญต่าง ๆ ที่เราทุ่มเททำกันแบบไม่มีเว้นวรรคเช่นนี้ เราเหน็ดเหนื่อยทำกันไปทำไม ทำเพื่ออะไร และที่มาที่ไปเริ่มเกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อย้อนกลับไปแล้วก็พบว่า หลายปีก่อนมีข้อมูลถึงยอดวัดร้างว่ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
จากข้อมูลนี้คงไม่ทุกคนที่จะเกิดคำถามและความสงสัย แต่มันกลับมีผลกับใครบางคน ซึ่งในบรรดาผู้ที่สงสัยนั้นมีหลวงพ่อรวมอยู่ด้วย
หลังจากที่เกิดคำถามและเริ่มความสงสัยแล้ว ก็เกิดการขยายผลแห่งความสงสัยต่อไปเรื่อย ๆ ทำไมพุทธศาสนิกชนถึงปล่อยให้มีวัดร้างเกิดขึ้น วัดที่ร้างเกิดจากสาเหตุใด ไล่เรื่อยไปจนทำไมปัจจุบันสาธุชนถึงไม่ค่อยเข้ามาทำบุญที่วัด และสาเหตุที่คนเข้าวัดน้อยลง ๆ
เพราะเหตุใด
ในที่สุดสิ่งที่ผมสงสัยถึงที่มาของโครงการงานบุญก็เริ่มกระจ่าง เมื่อหลวงพ่อลุยชักชวนทุกคนให้มาทำบุญในโครงการตักบาตรพระ ๑ ล้านรูปทั่วไทย ลุยชวนเด็ก ๆ เยาวชนให้มาเป็นผู้นำฟื้นฟูศีลธรรมโลกในโครงการเด็กดีวีสตาร์ ลุยชวนผู้ปกครองและผู้ใหญ่ใจดีให้มาช่วยสนับสนุนเด็ก ๆ ชักชวนชายแมนแมนให้มาร่วมโครงการบวชพระแสนรูปในรุ่นต่าง ๆ ชวนพลังสตรีผู้หญิงทุกคนมาร่วมบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ฯลฯ
จากโครงการหนึ่งที่เริ่มขึ้น โครงการต่าง ๆ ก็ทยอยเกิดขึ้นตามมา วัดที่ร้างเพราะไม่มีพระ เมื่อจัดการบวช มีพระเข้าไปอยู่จำพรรษา ไปพัฒนาวัดก็หายร้าง ศีลธรรมที่เสื่อม เมื่อช่วยกันฟื้นฟู กระแสความดีก็แผ่ขยายอย่างรวดเร็วในวงกว้างไปทั่วทั้งประเทศ จนปัจจุบันได้แผ่ออกไปยังต่างแดนทั่วโลก
เมื่อนึกย้อนทบทวนที่ผ่านมา ก็ทำให้หายสงสัยว่า บางความสงสัยเมื่อเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้น ตามมาหลังจากนั้น เป็นประโยชน์และเป็นบุญกุศลทั้งต่อตัวเอง ต่อส่วนรวมทั้งประเทศ และต่อพระพุทธศาสนา
แต่ในขณะที่เราไม่สงสัยในสิ่งที่กำลังทุ่มเททำ เพราะเรามีเป้าหมายและรู้จุดประสงค์ที่ชัดเจนว่าเราทำไปทำไม เพื่ออะไร แต่กลับกลายเป็นความสงสัยของใครต่อใครไม่น้อยว่า ทำไมต้องทุ่มทำชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันเช่นนี้ เพราะอะไร
คนเราต่างมีสิทธิ์ "สส" สงสัยด้วยกันทั้งนั้น แต่การพิจารณาคุณสมบัติ "สส" แต่ละความสงสัยให้ดีเสียก่อนที่จะตัดสินใจเลือกนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ตลอดช่วงชีวิตแต่ละคนนั้นล้วนมีความสงสัยเกิดขึ้นมากมาย
บัณฑิตที่ฉลาดย่อมสนใจแต่ความสงสัยที่จะช่วยนำพาบุญกุศล ความมั่นคง และความปลอดภัย ในวัฏสงสารมาสู่ชีวิต ทำไมคนเราเกิดมาแล้วถึงแตกต่างกัน บางคนทำไมถึงเกิดมายากจน ลำบาก หรือสุขสบายแตกต่างกัน ทำอย่างไรถึงจะร่ำรวย หากอยากสวยและฉลาดจะต้องทำอย่างไร
โชคดีที่เรารู้ว่า แหล่งข้อมูลที่จะตอบความสงสัยเหล่านี้ได้ล้วนมีอยู่ในพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น และโชคดียิ่งขึ้นอีก ที่เราสามารถรู้คำตอบแบบไม่ต้องค้นคว้าให้เหนื่อย เมื่อหลวงพ่อสอนความรู้ทุกอย่าง ที่อยากรู้ให้แล้วผ่านทางโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
โลกเรานี้มีความรู้มากมาย เราอาจไม่รอบรู้ในทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยเรื่องความจริงของชีวิต เรื่องของเป้าหมายและทิศทางที่จะมุ่งไปนั้น แจ่มชัดอยู่กลางใจของเรา ก็ไม่สูญเปล่าแล้วที่เราได้เกิดมา
ในเมื่อวันเวลาของชีวิตเราทุกคนนั้นมีจำนวนจำกัด จะปล่อยให้เวลาผ่านไปทำไมเล่า ในเมื่อเรา ต่างก็รู้แล้วว่า เราทุกคนล้วนเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เพื่อแสวงบุญ และเพื่อการสร้างบารมี ดังนั้นเราจึงควรใช้เวลาและความแข็งแรงที่มีมาทุ่มชีวิตสร้างบารมีไม่ดีกว่าหรือ
อย่าได้เสียเวลา หรือมัวแต่มาลังเล...สงสัย!