สร้างโลกแก้ว
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
ก้าวแรก Peace Revolution
ในเยอรมัน แดนคนจริง
มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่า สมัยที่พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านเคยปรารภว่า ในอนาคตอยากนำวิชชาธรรมกายไปเผยแผ่ที่ประเทศเยอรมนี เพราะท่านเล็งเห็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่จะเกิดแก่พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาของท่านเพิ่งมาสำเร็จในยุคหลังนี้ เมื่อคณะศิษยานุศิษย์ของท่านไปสร้างวัดและศูนย์สาขาหลายแห่งที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ทีมงานพีซเรฟโวลูชัน (Peace Revolution) ก็มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการทำความปรารถนาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ให้สำเร็จ ด้วยการไปจัดปฏิบัติธรรมในประเทศเยอรมนีเป็น ครั้งแรกที่กรุงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ และที่รัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลน
ในการเดินทางไปครั้งนี้ ทีมงานพีซเรฟโวลูชันค้นพบว่า การปักหลักจัดปฏิบัติธรรม ในเมืองใหญ่ ๆ ทำให้มีโอกาสพบปะผู้คนจากประเทศต่าง ๆ ทั่วยุโรปได้ง่ายขึ้น เพราะปัจจุบัน ชาวยุโรปสามารถย้ายถิ่นฐานการทำงานได้ อย่างอิสระ ในกรณีของกรุงเบอร์ลินถือว่าเจอชาวต่างชาติ (ที่ไม่ใช่ชาวเยอรมัน) ครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว ทีมงานจึงเข้าถึงผู้คนหลากเชื้อชาติได้ง่ายขึ้น และได้พีซเอเจนต์ (Peace Agent) ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นลู่ทางที่จะขยายวิชชาธรรมกายให้กว้างไกลออกไปทั่วยุโรปได้สะดวกขึ้น
๑
การปฏิบัติธรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยแบ่งออกเป็น ๒ ช่วง ช่วงแรกจัดที่กรุงเบอร์ลิน โดยมีพีซเอเจนต์อังคา โยกูเลสคู (ลิตเติลอังคา) ชาวโรมาเนีย เป็น ผู้ประสานงาน ช่วงที่สองจัดขึ้นที่รัฐนอร์ดไรน์เวสท์ฟาเลน มีพีซเอเจนต์ซานโตส กิริ ชาวเนปาล เป็นผู้ประสานงาน ส่วนผู้ควบคุมคุณภาพ (QC) ในการจัดงานครั้งนี้ คือ พีซเอเจนต์อังคา กลิกา ชาวโรมาเนีย ผู้ประสานงานภาคพื้นยุโรป
พีซเอเจนต์ซานโตส กิริ
พีซเอเจนต์อังคา โยกูเลสคู (ลิตเติลอังคา)
พีซเอเจนต์อังคา กลิกา (อังคา)
๒
การปฏิบัติธรรมรอบแรกจัดที่กรุงเบอร์ลินซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว ด้านประวัติศาสตร์ และเป็นที่ตั้งของกำแพงเบอร์ลินซึ่งแบ่งเยอรมนีออกเป็น ๒ ประเทศ หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒
ปัจจุบันกรุงเบอร์ลินมีประชากร ๓.๔ ล้านคน (มีคนไทยประมาณ ๖,๐๐๐ คน) ประชากรราว ๆ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ประกาศตนว่าไม่มีศาสนา อีก ๒๓ เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มโปรเตสแตนต์ ๙ เปอร์เซ็นต์ เป็นโรมันคาทอลิก และอีก ๖ เปอร์เซ็นต์ เป็นมุสลิม
การเดินทางไปกรุงเบอร์ลินครั้งนี้ ทีมงานพีซเรฟโวลูชันไปพักที่วัดพระธรรมกายเบอร์ลิน
โดยมีพระอาจารย์และเจ้าภาพให้การดูแลเป็นอย่างดี
ทีมงานจัดปฏิบัติธรรมที่กรุงเบอร์ลินทั้งหมด ๗ รอบ โดยมีลิตเติลอังคาเดินทางมารับทีมงาน ไปนั่งรถไฟใต้ดินเข้าไปทำกิจกรรมในเมืองทุกวัน
๓
รอบที่ ๑ จัดปฏิบัติธรรมที่บอยส์คลับ (Boys Club) บอยส์คลับจัดตั้งโดยกลุ่มนักศึกษาต่างชาติ พวกเขาเปิดพื้นที่ในตึกสำหรับเยาวชนต่างชาติให้มาทำกิจกรรมต่าง ๆ
ความประทับใจอย่างแรกของทีมงาน
ในการจัดปฏิบัติธรรมรอบนี้ ก็คือ ผู้ร่วมกิจกรรมต่างเดินทางมาก่อนเวลา ทำให้การปฏิบัติธรรม เริ่มได้ตรงเวลา ซึ่งถือเป็นเรื่องยากในหลาย ๆ ประเทศ
รอบนี้ นอกจากชาวเยอรมันแล้ว ผู้ร่วมกิจกรรมกว่าครึ่งมาจากประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศอาร์เจนตินา สเปน โคลอมเบีย อเมริกา ฝรั่งเศส ฯลฯ
หลังจากพระอาจารย์นำนั่งสมาธิไปเกือบ ๔๐ นาที เมื่อบอกให้ทุกคนลืมตา ปรากฏว่าเกือบทุกคนรู้สึกผ่อนคลายมาก บางคนรู้สึกเหมือนตัวหาย ตัวลอย บางคนเห็นแสงสว่างส่องขึ้นมา บางคนรู้สึกเหมือนตัวโยกไปมา
เมื่อต่างได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการ นั่งสมาธิ พวกเขาก็เริ่มสนใจในสิ่งที่พระอาจารย์แบ่งปัน แต่ชาวยุโรปตะวันตกโดยเฉพาะคนเยอรมันยังเก็บอาการ ไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่เห็นหน้านิ่ง ๆ แบบนี้ มีตั้ง ๑๐ กว่าคน ตาม พระอาจารย์ไปนั่งสมาธิต่อในรอบอื่น ๆ
๔
รอบที่ ๒ จัดปฏิบัติธรรมที่ซูเปอร์มักต์ (Super Makt) ซึ่งเป็น Co-working Space หรือพื้นที่ที่เปิดให้คนมาเช่าทำงานเป็นรายชั่วโมง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในสังคมตะวันตก และเนื่องจากลิตเติลอังคาใช้บริการนี้เป็นประจำ เธอจึงมีเครือข่ายคนรู้จักในกรุงเบอร์ลินมากมาย
การจัดปฏิบัติธรรมรอบที่ ๒ นี้ เริ่มขึ้น หลังจากรอบแรก ๑ ชั่วโมง ทีมงานเดินทางไปด้วยรถไฟใต้ดิน รอบนี้มีหลายคนจากรอบที่แล้ว ตามมาด้วย เมื่อไปถึงซูเปอร์มักต์ก็พบว่ามีคน ๔๐ กว่าคนนั่งรออยู่แล้ว ทำให้เริ่มนั่งสมาธิได้ตรงเวลา
บรรยากาศขณะปฏิบัติธรรมเงียบสงบดี ไม่มีแม้เสียงกระแอม ไอ หรือจาม หลาย ๆ คนรู้สึกสบายมาก บางคนก็ตัวหาย ตัวขยาย บอกว่านั่งแล้วรู้สึกดี มีความสุขมาก แต่หลาย ๆ คนไม่ค่อยเล่าประสบการณ์ โดยเฉพาะคนเยอรมันซึ่งไม่ชอบแสดงออก
๕
ในการจัดปฏิบัติธรรมรอบที่ ๓, ๔, ๕ นั้น เนื่องจากลิตเติลอังคากว้างขวางใน Co-working Space หลายแห่ง เธอจึงสามารถขอใช้สถานที่ชื่อเบตาเฮาส์ (Beta Haus) ได้ฟรี ๆ ทั้ง ๓ รอบ
การปฏิบัติธรรม ๓ รอบนี้ ลิตเติลอังคาใช้เฟซบุ๊กประชาสัมพันธ์กิจกรรม ประกอบกับ ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมตั้งแต่รอบแรกมีผลการปฏิบัติ- ธรรมที่ดี และพระอาจารย์ก็อธิบายเรื่องสมาธิเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่แตกต่างกันในแต่ละรอบ หลายคนจึงสนใจตามมาร่วมกิจกรรมอีก ทำให้มีคนมานั่งสมาธิเกือบเต็มห้องทั้ง ๓ รอบ
สมาชิกของเว็บไซต์พีซเรฟโวลูชัน ชาวสเปนคนหนึ่ง ซื้อตั๋วเครื่องบินมานั่งสมาธิตั้งแต่รอบแรก และเข้าร่วมกิจกรรมทุกวัน เขาบอกว่า “ฉันมีความสุขมากๆ ตัวฉันขยายออกไปทุกทิศทาง” อีกคนหนึ่งมาจากตุรกี เขาบอกว่า “ฉันทำสมาธิกับพีซเรฟโวลูชันอยู่แล้ว วันนี้นั่งแล้วมีความสุขมาก ฉันจะทำบันทึกความดีออนไลน์ให้จบ เพื่อที่จะไปร่วมการอบรมที่เมืองไทยให้ได้” ส่วนบางคนนั่งสมาธิแล้วเห็น แสงสว่าง บางคนบอกว่า ตอนแรกนึกนิมิตเป็นพระจันทร์ ต่อมาพระจันทร์กลายเป็นพระอาทิตย์ส่องสว่าง
ในแต่ละรอบเมื่อพระอาจารย์ถามว่า นั่งกันเป็นอย่างไรบ้าง คนที่ตอบมักไม่ใช่ ชาวเยอรมัน มีชาวเยอรมันคนหนึ่งเป็นเพื่อน ของลิตเติลอังคา เขาทำหน้าเฉย ๆ ตั้งแต่ ก่อนนั่ง กำลังนั่ง และหลังจากนั่งแล้ว ตอนหลังเขามาบอกลิตเติลอังคาว่า “รู้สึกประทับใจมาก พระอาจารย์อธิบายดีมาก ไม่เคยคิดว่าสมาธิจะดีอย่างนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่รู้สึกว่าสุดยอดมาก นั่งไปก็เห็นเป็นดวงลอยอยู่ตรงหน้า กลมใสสว่างมาก” ทีมงานฟังแล้วก็คิดว่า คนแบบนี้น่าจะเป็นประเภท “รักนะแต่ไม่แสดงออก”
หลังจากเสร็จสิ้นรอบการปฏิบัติธรรม พวกเขาปรบมือให้พระอาจารย์และทีมงาน แล้วเดินมาขอบคุณ เหมือนจะบอกให้ชื่นใจว่า “ชอบนะ แต่ขอแสดงออกแค่นี้แหละ”
๖
รอบที่ ๖ ปฏิบัติธรรมที่เรนเมคกิงลอฟต์ บูตแคมป์ (Rainmaking Loft Boot Camp) ซึ่งเป็นศูนย์รวมของบริษัทขนาดเล็กที่เปิดใหม่ หรือ Start-up Company
ภาพที่พระภิกษุไปสอนสมาธิในกลุ่ม Start-up คงไม่ชินตา ทำให้มีพนักงานที่นั่น ขอมานั่งสมาธิด้วย และเนื่องจากคนส่วนใหญ่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พระอาจารย์จึงอธิบายเปรียบเทียบคอมพิวเตอร์กับใจว่า ร่างกายของคนเราประกอบด้วยใจ เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ถ้าซอฟต์แวร์ติดไวรัสก็ยากที่จะ รีดประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ออกมาได้สูงสุด ใจของคนเราก็เช่นกัน จะต้องทำความสะอาด ให้ปราศจากไวรัส คือ ความโลภ โกรธ หลง จึงจะทำให้ใจมีพลัง ซึ่งดูเหมือนว่า การ เปรียบเทียบอย่างนี้ช่วยดึงดูดความสนใจของ มนุษย์คอมพิวเตอร์พวกนี้ได้เป็นอย่างดี
รอบนี้ พระอาจารย์นำนั่งสมาธิ ๔๐ นาที แต่ทุกคนรู้สึกเหมือน ๒๐ นาทีเท่านั้น หลาย ๆ คนบอกว่า ความเครียดที่มีมาเมื่อสักครู่หายไปจนหมดสิ้น บางคนเห็นแสงสว่าง บางคนตกศูนย์และรู้สึกตกใจ มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากนี้ หลาย ๆ คนยังสนใจการนั่งสมาธิออนไลน์ และบอกลิตเติลอังคาว่า คงจะวิเศษไม่น้อยถ้าจะมีการนั่งสมาธิออนไลน์กันที่นี่เป็นประจำ
๗
รอบที่ ๗ จัดปฏิบัติธรรมกับกลุ่มทุดกูด (Tut gut) รอบนี้เป็นรอบสุดท้ายในกรุงเบอร์ลิน กลุ่มคนเหล่านี้มีความสนใจด้านสุขภาพและ จิตวิญญาณเป็นพิเศษ
รอบนี้มีผู้ร่วมปฏิบัติธรรมกว่า ๓๐ คน ซึ่งล้วนมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดี คนหนึ่งกล่าว ว่า รู้สึกง่วงในตอนแรก แต่เมื่อนั่งไป ๆ ตัวก็เบาเหมือนลอยได้ จนกระทั่งตัวหายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับบรรยากาศ อีกคนหนึ่งบอกว่า เขาไม่เข้าใจว่าศูนย์กลางกายอยู่ตรงไหน แต่เมื่อ ใจนิ่ง ภาพแอปเปิลที่เขานึกอยู่ก็เปลี่ยนเป็น สิ่งกลม ๆ ที่ส่องสว่าง และเป็นประกายมันวาวคล้าย ๆ กระจกส่องหน้า (เขาใช้คำว่า Metal Ball) แล้วศูนย์กลางกายก็ปรากฏขึ้นเองอย่างชัดเจน ทำให้รู้สึกสงบและปราศจากความกังวล อีกคนเดินมาขอบคุณพระอาจารย์ บอกว่านั่งสมาธิมาเกือบ ๒๐ ปีแล้ว ไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้ มาก่อนเลย
๘
เมื่อเสร็จภารกิจที่กรุงเบอร์ลินแล้ว ทีมงานไปจัดปฏิบัติธรรมต่อที่รัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลน พักค้างที่วัดพุทธนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลน และได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากพระอาจารย์และโยมอุปัฏฐาก
การจัดปฏิบัติธรรมที่นี่มีพีซเอเจนต์ ซานโตส กิริ นักศึกษามหาวิทยาลัย Rhein-Waal, Nordrhein-Westfalen เป็นผู้ประสานงาน
ซานโตสทำประชาสัมพันธ์ในมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่ ทำให้มีผู้มาร่วมปฏิบัติธรรมกว่า ๒๐ คน รอบนี้นักศึกษาหญิงชาวเยอรมันคนหนึ่งบอกว่า เธอไม่เคยเชื่อมาก่อนว่า เธอจะสามารถหยุดความคิดได้ หลังจากนั่งสมาธิแล้ว เธอกลับประหลาดใจว่า เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น ตัวเธอหายไปไหน สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะไปร่วมปฏิบัติธรรมสุดสัปดาห์ ๓ วันด้วย
เพื่อนของซานโตสคนหนึ่งรู้สึกประทับใจที่ซานโตสมีความสุขในการแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับสันติสุขภายในให้ผู้อื่น ซึ่งกลายเป็น แรงบันดาลใจให้เขาสนใจเรื่องสมาธิและมา ช่วยจัดกิจกรรม เมื่อเขาลองนั่งสมาธิดู เขาบอกว่า ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นยากจะอธิบาย เขารู้สึก ว่ามีพลังบางอย่างแผ่ขยายออกมาจากบริเวณ หน้าผาก (พระอาจารย์แนะนำว่าสบายตรงไหน ให้วางใจตรงนั้นไปก่อน) จนกระทั่งความรู้สึก แผ่ซ่านครอบคลุมหลอมร่างกายให้หายไป ทุกสิ่ง ทุกอย่างดูโล่งไปหมด และความรู้สึกนี้ค่อย ๆ เคลื่อนลงสู่บริเวณกลางท้อง ทำให้รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย และหายเครียด
๙
หลังจากนี้ ทีมงานไปจัดปฏิบัติธรรม สุดสัปดาห์ ๓ วัน ที่เมืองเคฟเวลาห์ในรัฐ นอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลน สถานที่จัดปฏิบัติธรรมครั้งนี้ชื่อ World House
เนื่องจากช่วงที่จัดปฏิบัติธรรมเป็นช่วงที่ตรงกับเทศกาลอีสเตอร์ ทำให้นักศึกษาหลายคนต้องกลับบ้าน มาร่วมกิจกรรมไม่ได้ ซานโตสจึงต้องทำงานหนัก ทั้งทำโปสเตอร์ ติดต่อโฆษณาในหนังสือพิมพ์ แต่ก็มีผู้ลงทะเบียนมาเพียง ๑๖ คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย
ในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องรับผิดชอบเรื่องค่าที่พักและอาหารเอง แต่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Rhein-Waal สามารถเบิกงบสวัสดิการจากมหาวิทยาลัยได้ ซึ่งถือว่าซานโตสไม่ธรรมดาเลยที่สามารถดึงมหาวิทยาลัยให้มาร่วมด้วยช่วยกันได้
ในรอบนี้ ผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมต่างบอกว่าไม่เคยคิดว่าสมาธิจะเป็นเรื่องง่าย และไม่เคยนั่งสมาธิมากขนาดนี้มาก่อน นอกจากนี้ยัง ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผลการปฏิบัติธรรมดีขนาดนี้ ยิ่งนั่งก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ บางคนบอกว่า เมื่อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก็รู้สึกเหมือนลมหายใจช้าลง หัวใจก็เต้นช้าลง บางคนบอกว่าเหมือนฝันไป เห็นภาพนิมิตค่อนข้างชัด บางครั้งมี ความสุขมาก ไม่อยากจะลืมตาเลย แต่ที่ทีมงานสังเกตเห็นก็คือ หลายคนดูยิ้มง่ายและมีความสุขมากขึ้น
นอกจากสมาธิ สิ่งที่ทุกคนสนใจมากก็คือ หลักอริยมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเมื่ออธิบายควบคู่กับสมาธิ และหลักในการสร้างนิสัยดี ๆ ผ่านบทฝึก ๕ ห้องชีวิต เนรมิตนิสัย และความดีสากลของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวแล้ว หลายคนถึงกับพูดว่า สิ่งนี้เหมือนจะเป็นกุญแจที่ไข ความลี้ลับแห่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนเลยทีเดียว
๑๐
ตราบจนถึงวันนี้ หลายคนก็คงยังไม่ทราบว่า พระเดชพระคุณหลวงปู่เล็งเห็นอะไรเกี่ยวกับคนเยอรมันหรือประเทศเยอรมนี แต่ที่แน่ ๆ ปัจจุบันเยอรมนีมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก ๔ ปีซ้อน (จากนิตยสาร Forbes) และที่สำคัญคนเยอรมันมีคุณสมบัติพิเศษ อย่างหนึ่งที่ห่างไกลจากคำว่า “ไอ้ขี้ไต้” (คำที่หลวงปู่ใช้เรียกคนที่ไม่มีความตั้งใจจริงและ ไม่มีความสม่ำเสมอในการปฏิบัติธรรม) เพราะคนเยอรมันเป็นคนทำอะไรทำจริง และมีระบบระเบียบในชีวิตมาก หากสนใจการปฏิบัติธรรมก็จะทำจริงและสม่ำเสมอ ดังจะเห็นได้จากเว็บไซต์พีซเรฟโวลูชันที่มีสมาชิกชาวเยอรมันมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่า อีกไม่นานแสงแห่งธรรมจะส่องสว่างกลางใจชาวดอยช์ (Deutsch) อย่างแน่นอน..