สร้างโลกแก้ว
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
ตำรับยารักษาใจ
ประเทศไทยของเรามีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย พืชพันธุ์ธัญญาหารก็อุดมสมบูรณ์ คนไทยจึงโชคดีที่ไม่ค่อยอดอยากขาดแคลน แม้เวลาเจ็บป่วยก็มีหมอคอยดูแลรักษา เวลาทุกข์ใจก็มีหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวบรรเทาทุกข์ ต่างจากผู้คนในอีก นับร้อยประเทศที่มีแค่การดูแลรักษากาย แต่ไม่มีหมอหรือยารักษาใจ…
ด้วยเหตุนี้ ทีมงานพีซเรฟโวลูชันจึงออกเดินทางอีกครั้ง เพื่อนำตำรับยารักษาใจไปมอบแก่ผู้คนในประเทศแถบยุโรป จะได้มีติดตัวไว้ใช้ดูแลตนเองในยามจำเป็น
๑
คราวนี้เราเดินทางไปยังประเทศสาธารณ-รัฐลิทัวเนียซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป เมืองหลวงชื่อวิลนีอุส (Vilnius) มีประชากร ๓ ล้านคน มีภาษาลิทัวเนียนเป็นภาษาประจำชาติ ประชากรราว ๗๗ เปอร์เซ็นต์ นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ สนามบินเล็ก ๆ ในเมืองวิลนีอุส พีซเอเจนต์ เยวา อุคนี อูเลียนสไกเต มาต้อนรับทีมงานพร้อมกับอังคา กลิกา ผู้ประสานงานภาคพื้นยุโรปของพีซเรฟโวลูชัน
เยวาเคยเดินทางมาอบรมค่าย Global Peace on the Move ครั้งที่ ๑๒ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่มุกตะวัน ประเทศไทย ตั้งแต่วันแรก ๆ ของการอบรม เธอแสดงเจตจำนงว่าอยากจะเชิญทีมงานพีซเรฟโวลูชันไปแนะนำการทำสมาธิที่ประเทศของเธอ และเมื่อกลับไปยังลิทัวเนีย เธอก็เตรียมงานโดยจัดหาอาสาสมัคร ประสานงานกับสถานที่ต่าง ๆ และทำประชาสัมพันธ์เพื่อให้การจัดปฏิบัติธรรมครั้งแรกในประเทศลิทัวเนียเกิดขึ้นดังที่ฝันไว้
๒
การจัดปฏิบัติธรรมในลิทัวเนียจัดขึ้น ๒ วัน ๔ รอบ ที่เมือง Panevezys
คุณแม่ของเยวาเป็นคุณหมอ ท่านมี คลินิกในเมือง Panevezys และกำลังจะจัดงาน Palliative Care Day ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย รวมทั้งจะเปิด Section พิเศษในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ด้วย
เยวาเล็งเห็นว่าการจัดงานของคุณแม่ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะแนะนำสมาธิแก่ผู้คนจำนวนมาก เธอจึงเชิญทีมงานพีซเรฟโวลูชันไปแนะนำการทำสมาธิเบื้องต้นในงานนี้ รวมทั้งที่ออฟฟิศคุณแม่ของเธอด้วย และด้วยความสามารถของเธอทำให้มีคนจองมาร่วมปฏิบัติธรรมเต็มทุกรอบ นอกจากนี้เธอยังติดต่อสื่อวิทยุจากเมืองหลวงวิลนีอุส และหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมือง Panevezys มาสัมภาษณ์พระอาจารย์อีกด้วย
๓
วันแรก คือ วันที่ ๑๐ ตุลาคม เราจัด ปฏิบัติธรรม ๒ รอบ
รอบแรก จัดที่ออฟฟิศของคุณแม่เยวา มีผู้ร่วมกิจกรรม ๓๕ คน ครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก มัธยมต้นที่ครูพามา เพราะอยากให้เด็กนั่งสมาธิและศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาจากพระภิกษุโดยตรง
รอบนี้พระอาจารย์นำนั่ง ๒ ครั้ง เนื่องจากครั้งแรกมีเด็กบางคนส่งเสียงรบกวน ครั้งที่สองส่วนใหญ่ปฏิบัติตามได้ดีขึ้น หลายคนนึกนิมิตเป็นดวงสว่างตามได้อย่างง่าย ๆ หลายคนรู้สึกผ่อนคลาย มีรอยยิ้มมากขึ้น
รอบที่ ๒ จัดที่ Music Theater ประจำเมือง มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมถึง ๓๒๐ คน
จากประสบการณ์รอบที่ผ่านมา ทำให้ พระอาจารย์ย้ำเรื่องความเงียบสงบเพื่อรักษาบรรยากาศในการทำสมาธิ รอบนี้พระอาจารย์นำนั่ง ๓๐ นาที แต่เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยัง ไม่เข้าใจว่าการทำสมาธิคืออะไร จึงมีคน กลุ่มหนึ่งเดินออกจากห้อง ทำให้มีเสียงรบกวนพอสมควร เมื่อคนเหล่านั้นเดินออกไปหมดแล้ว ทั้งห้องก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง มีแค่เสียงของพระอาจารย์ที่นำภาวนา “สัมมา อะระหัง ๆ ๆ” เท่านั้น
เมื่อพระอาจารย์บอกให้ลืมตา พวกเขาต่างก็ส่งเสียงอื้ออึงถึงความอัศจรรย์ของใจ ที่หยุดนิ่ง และต่างสนทนากันว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น จากการสอบถามของพระอาจารย์พบว่า ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ที่ดีในระดับที่ตัวเบา ราวขนนก ตัวขยาย บางคนตัวหายไปกับบรรยากาศ หลาย ๆ คนเห็นพระจันทร์สว่างที่ กลางกาย
๔
หลังจากนั้น พระอาจารย์ได้แสดง พระธรรมเทศนาเกี่ยวกับเป้าหมายของชีวิตว่าจริง ๆ แล้วทุกคนต่างแสวงหาความสุข แต่การที่เราไปแสวงหาความสุขจากคนอื่นหรือสิ่งอื่น ที่ไม่มีความสมบูรณ์ ไม่จีรัง ทำให้เป้าหมาย ของชีวิตคือการแสวงหาความสุขที่แท้จริงถูก ลืมเลือนไป เมื่อละเลยเป้าหมายที่ควรหวัง ความผิดหวังจึงเกิดขึ้น บัดนี้จึงถึงเวลาแล้วที่เราจะมองกลับเข้าไปในตัว เพื่อค้นพบความสุขที่เกิดขึ้นเองจากภายใน โดยไม่ต้องพึ่งพาคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ใด ๆ
เมื่อพระอาจารย์กล่าวจบก็มีเสียงปรบมือ ดังกึกก้องด้วยความประทับใจ พร้อมทั้งรู้สึกเสียดายว่าช่วงเวลาที่มีค่านี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
๕
วันที่ ๑๑ ตุลาคม จัดปฏิบัติธรรมอีก ๒ รอบ ที่ออฟฟิศของคุณแม่เยวา โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรอบละประมาณ ๓๐ คน
ทั้ง ๒ รอบนี้ เยวาและอังคารู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ เพราะมีคนเก่าตามมานั่งหลายคน แต่ละคนมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีขึ้น เช่น ตัวหาย ตัวขยาย ตัวเบาเหมือนขนนก บางคนรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ตัวคนเดียว หลายคนเห็นเป็นจุดสว่างเท่าดวงอาทิตย์ และเมื่อพระอาจารย์นำแผ่เมตตา หลายคนรู้สึกเหมือนมีพลังงานแผ่ขยายไปได้จริง ๆ
เมื่อการนั่งสมาธิสิ้นสุดลง พวกเขาก็ถามว่า "จะมีรอบต่อไปเมื่อไร?" และเมื่อทราบว่านี้คือรอบสุดท้าย คำถามก็เปลี่ยนไปเป็น "แล้วพวกคุณจะมาอีกเมื่อไร?"
๖
กิจกรรมของพีซเรฟโวลูชันครั้งแรกที่ ประเทศลิทัวเนีย แม้จะเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้น ๆ แต่คุณภาพไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะการจัดกิจกรรมในประเทศใหม่โดยมีคนมาร่วมงานถึง ๓๐๐ คนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายประเทศที่เคยจัดมาก่อนยังไม่สามารถชวนคนได้มากขนาดนี้
ส่วนหนึ่งที่งานนี้สำเร็จได้ด้วยดีก็เพราะ เยวาทุ่มใจให้งานนี้เกินร้อย เครือข่ายอาสาสมัคร ของเธอก็มาช่วยด้วยความเต็มใจ ทำให้เราเชื่อว่า ในอนาคตจะมีเยวา ๒ เยวา ๓...๔…๕...๖...? มาช่วยกันเผยแพร่ตำรับยารักษาใจไปสู่ชาว ลิทัวเนียให้หายทุกข์ โศก โรค ภัยโดยทั่วถึงกัน
ยาชนิดนี้เมื่อใช้เป็นประจำและถูกวิธี จะทำให้สนิมในใจ คือ กิเลสทั้ง ๓ ตระกูล ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งเป็นเครื่องกั้นความสว่างของใจ ค่อย ๆ หลุดร่อนออกไป และจะมีผล ให้ดวงจิตสว่างไสวเปี่ยมด้วยความสุข ร่างกายแข็งแรง สติปัญญาก็เฉียบแหลม นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงอีกมากมาย เช่น มองเห็นเพื่อนมนุษย์น่ารักมากขึ้น ท้องฟ้า ดอกไม้ ใบหญ้า สวยงามขึ้น โลกนี้ก็น่าอยู่มากขึ้น ดังนั้นตำรับ ยาวิเศษขนานนี้จึงจำเป็นต้องแพร่ขยายไป ให้ทั่วโลก เพื่อให้มนุษย์ทั้งโลกอยู่ร่วมกันได้ อย่างมีความสุขจริง ๆ เสียที