บทความพิเศษ
เรื่อง : พระครูวิเทศสุธรรมญาณ วิ. (สุธรรม สุธมฺโม) และคณะนักวิจัย DIRI
หลักฐานธรรมกาย
ในคัมภีร์พุทธโบราณ
(ตอนที่ ๑)
“การบังเกิดขึ้นของดวงอาทิตย์ย่อมขจัดความมืดมิดให้หมดสิ้นไปได้ฉันใด การบังเกิดของเอกบุรุษ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติ ในอันที่จะขจัดมลทิน คือ ความมืดบอดในใจ ให้หมดสิ้นไปได้ฉันนั้น เพราะความรู้อันบริสุทธิ์ที่เกิดจากการประพฤติธรรมตามคำสั่งสอนของพระองค์จะนำพาให้มวลมนุษย์มีดวงปัญญาบริสุทธิ์ ดำเนินชีวิตไม่ผิดพลาด และอยู่รอดปลอดภัยอย่างผู้มีชัยชนะในวัฏสงสาร”
วันเพ็ญวิสาขปุรณมีบูชานี้ ถือว่าเป็นวันดีที่สุดในโลกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่ทำให้เรา ได้น้อมรำลึกถึงพระคุณอันสูงส่งของพระพุทธองค์ ผู้ทรงสั่งสมบุญบารมีมายาวนานถึง ๒๐ อสงไขยกับแสนมหากัป จนมีบุญบารมีเต็มเปี่ยม ได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เมื่อราว ๒,๖๐๐ ปีก่อน
ตามคติของชาวพุทธเถรวาท พระพุทธองค์ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ตรงกันในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ซึ่งต่อมาชาวพุทธเรียกวันนี้ว่า “วันวิสาขปุรณมีบูชา” จึงกล่าวได้ว่า วันเพ็ญวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงอุบัติด้วยพระกายทั้งสอง คือ ในวันประสูติทรงอุบัติด้วย พระรูปกาย ณ สวนลุมพินี และในวันตรัสรู้ทรงอุบัติด้วยพระธรรมกาย ณ โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์1 เป็นวันที่ “ธรรมกาย” คือกายแห่งการตรัสรู้ธรรมบังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในพุทธันดรนี้
การบังเกิดขึ้นของพระพุทธองค์ผู้ทรงรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง ทั้งวิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ วิโมกข์ ๘ และจรณะ ๑๕ เป็นต้นนั้น มีความหมายและทรงคุณค่าอย่างจะนับประมาณมิได้ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นในการกำจัดอวิชชา คือ ความไม่รู้ ที่เป็นอันตรายและมหันตภัยของทุกชีวิต
พระพุทธองค์ผู้ทรงบริบูรณ์ด้วยองค์คุณทั้ง ๓ ประการ คือ พระมหากรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ทรงสอนให้เราละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส ด้วยการประพฤติธรรม ซึ่งจะเป็นทางนำไปสู่การพ้นทุกข์ได้ในที่สุด ทรงสอนให้เราทราบว่า ในกายของเรา คือ อัตภาพอันมีขนาดกว้างศอก ยาววา หนาคืบนี้ มีอริยมรรค คือ หนทางสายกลางที่จะนำไปสู่การตรัสรู้ธรรมภายในด้วยธรรมจักษุ คือ ตาแห่งธรรมกาย ที่เห็นแจ้งทุกอย่างได้ตามความเป็นจริง และญาณทัสนะ คือ ความรู้แจ้งของธรรมกายที่เป็นเครื่องส่องนำทางสู่การตรัสรู้ แล้วจะก่อให้เกิดความเข้าใจว่า คนเราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายและแก่นสารของชีวิต อันจะนำไปสู่การดับกิเลสและดับทุกข์โดยสิ้นเชิง
คัมภีร์พุทธโบราณอันล้ำค่าอายุราว ๒,๐๐๐ ปี ที่รอคอยการศึกษาจากนักวิจัยสถาบันดีรี
ดังที่มีอธิบายไว้ในฎีกาพระวินัย ชื่อ สารัตถทีปนี ภาค ๑ ข้อ ๑๕๔ หน้า ๓๒๖ ว่า “พระพุทธเจ้าทรงบังเกิดด้วยพระรูปกายที่สวนลุมพินี และทรงบังเกิดด้วยพระธรรมกายที่ควงต้นโพธิ์”
ตลอดระยะเวลากว่า ๒,๕๐๐ ปี ที่ผ่านมา พระพุทธศาสนาได้แผ่ขยายไปสู่ดินแดนต่าง ๆ ผ่านยุคเฟื่องฟู และถดถอยไปตามกาลเวลา หลายประเทศกลายเป็นอดีตเมืองพุทธ ในขณะที่ บางประเทศยังสามารถรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ได้อย่างมั่นคง ด้วยเหตุนี้คำสอนในพระพุทธศาสนาจึงกระจัดกระจายอยู่ตามดินแดนต่าง ๆ และมีความแตกต่างกันบ้างตามความผันแปรของสังคมชาวพุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจที่สมบูรณ์ในนิยามของคำว่า “ธรรมกาย” และการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึง “พระธรรมกาย” ได้เลือนรางไป ก่อให้เกิดความคลุมเครือหรือคลาดเคลื่อนจาก คำสอนดั้งเดิม
“ สถาบันดีรีได้ทำสัญญาความร่วมมือกับ
มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในต่างประเทศเพื่อการศึกษา
คัมภีร์เก่าแก่ในพระพุทธศาสนา ”
ความร่วมมือทางวิชาการของสถาบันดีรีกับมหาวิทยาลัยออสโล ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
โดยท่านศาสตราจารย์เจนส์ บราวิค (คนที่สามแถวหลังนับจากขวามือ) เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่ม
โครงการศึกษาคัมภีร์โบราณที่มีอายุเกือบ ๒,๐๐๐ ปี
พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี วิ. (หลวงพ่อธัมมชโย) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการรักษาและสืบทอดคำสอนดั้งเดิมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงดำริให้จัดตั้ง สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (Dhammachai International Research Institute - DIRI สถาบันดีรี) ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ณ ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เพื่อทำหน้าที่ในการค้นคว้าหาหลักฐานคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนา ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามนิกายและประเทศต่าง ๆ โดยให้ศึกษาค้นคว้าวิจัยความเป็นมา จนกระทั่งสามารถย้อนยุคไปถึงสมัยพุทธกาล และจะได้เก็บรักษาหลักฐานคำสอนเหล่านั้นไว้สำหรับเผยแพร่สืบต่อไป เพื่อยืนยันสัจธรรมของธรรมะที่เป็น “อกาลิโก” คือนำสมัยตลอดกาลโดยไม่จำกัดเวลา และเพื่อเป็นพยานยืนยันว่า ทุกคนที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะสามารถเข้าถึง “พระธรรมกาย” ที่มีอยู่ภายในตัว และเข้าถึงความสุขแท้จริงที่มีอยู่ภายใน
ความร่วมมือทางวิชาการของสถาบันดีรีกับมหาวิทยาลัยเคลานียา ประเทศศรีลังกา
สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) ได้ดำเนินงานในการแสวงหาความร่วมมือกับองค์กรและนักวิชาการในระดับนานาชาติ ที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกับคัมภีร์พุทธโบราณหรือคำสอนดั้งเดิม ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งการพัฒนานักวิชาการและนักวิจัยของสถาบันฯ เพื่อการวิจัยค้นคว้าและการเผยแผ่ควบคู่กันไป
“พิธีลงนามสัญญาความร่วมมือทางวิชาการ (ล่าสุด) ของสถาบันดีรีกับศูนย์พุทธศาสตร์ศึกษา
แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ โดยศาสตราจารย์ ดร. ริชาร์ด กอมบริช
นักวิชาการทางพระพุทธศาสนาระดับโลก ร่วมลงนามในพิธี เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘”
การลงนามสัญญาความร่วมมือทางวิชาการของสถาบันดีรีกับมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ในโครงการศึกษาคัมภีร์พระพุทธศาสนายุคต้น
การลงนามสัญญาความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันดีรี
กับมหาวิทยาลัยโอทาโก นิวซีแลนด์
สถาบันดีรีได้ทำสัญญาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในต่างประเทศเพื่อการศึกษาคัมภีร์เก่าแก่ในพระพุทธศาสนา การฝึกอบรมนักวิจัยเกี่ยวกับการอ่านอักษรและภาษาโบราณที่ใช้บันทึกคัมภีร์พุทธ และการสนับสนุนการศึกษาวิจัยระดับปริญญาโทและปริญญาเอกทางพระพุทธศาสนาเพื่อพัฒนาทีมงานวิจัย เป็นต้น สถาบันการศึกษาดังกล่าวได้แก่ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน กรุงซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยออสโล ประเทศนอร์เวย์ มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ มหาวิทยาลัยโคตมะ ประเทศอินเดีย เป็นต้น รวมทั้งสนับสนุนการศึกษาอักษรและภาษาโบราณที่ใช้จารึกคัมภีร์พุทธในประเทศไทยด้วย การดำเนินงานของสถาบันฯ ได้นำมาซึ่งการค้นพบหลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณในหลายภาษาจากหลายภูมิภาค เป็นเครื่องรับรองความรู้อันบริสุทธิ์ในการเข้าถึงพระธรรมกาย ดังจะได้นำเสนอต่อเนื่องในฉบับต่อ ๆ ไป