มหาสังฆทาน ๓,๐๐๐ วัด
เปิดศักราชการสร้างบารมี ยุคหัวใจไร้ขีดจำกัด
โดย สุพรรณภูมิ
ปีพุทธศักราช ๒๕๔๕ ที่กำลังจะผ่านพ้นไป นี้นับเป็นปีทองของการสร้างมหาทานบารมีโดยแท้ เริ่มจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอดกัลยาณมิตรทั้งหลาย ได้มีโอกาสถวายมหาสังฆทานแด่คณะสงฆ์นับแสนรูปทีเดินทางมาจาก ๓๐,๐๐๐ วัด ทั่วประเทศ ในพิธีสลายร่างคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ติดตามด้วยการถวายมหาสังฆทานแด่คณะสงฆ์ ๓,๐๐๐ วัด ๒,๐๐๐ วัด และ ๓,๕๐๐ วัดทั่วประเทศเป็นลำดับมา ซึ่งล้วนสร้างความปีติเบิกบานแก่ยอดกัลยาณมิตรทั่วโลก เป็นอย่างยิ่ง
ในวันอาทิตย์ต้นเดือนที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ นี้ นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญอีกวาระหนึ่ง ที่คณะสงฆ์จากทั่วประเทศกว่า ๓,๐๐๐ วัด ได้เมตตาเดินทางมาเป็นเนื้อนาบุญให้แก่เหล่าพุทธคาสนิกชนได้ถวายมหาสังฆทานร่วมกัน ณ วัดพระธรรมกาย ถือเป็นการส่งท้ายปีทองของพระพุทธศาสนา ที่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญให้ชาวโลก ได้ชื่นชมอนุโมทนาตราบนานเท่านาน
ทานอันมีผลมาก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการเลือก ให้ทานในบุญเขตที่มีผลมาก ดังความในพระบาลี ที่ว่า
"วิเจยฺย ทานํ ทาตพฺพํ วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสฏฺธํ" ความว่า "พึงเลือกให้ทาน การเลือกให้ทาน พระตถาคตเจ้าทรงสรรเสริญไว้แล้ว" นอกจากนี้พระพุทธองค์ยังได้ตรัสเปรียบเทียบการให้ ทานกับการหว่านพืชลงในผืนนาที่แตกต่างกันว่า
"พืชแม้มากที่บุคคลหว่านแล้วในนาดอนย่อม ให้ผลไม้ไพบูลย์ ทั้งไม่ยังชาวนาให้ปลื้มใจฉันใด ทานมากมายอันบุคคลให้แล้วในผู้ทุศีล ย่อมไม่มีผลไพบูลย์ ทั่งไม่ยังทายกให้ปลาบปลื้มฉันนั้น ส่วนพืชแม้น้อยอันบุคคลหว่านแล้วในนาดี เมื่อ ฝนหลั่งสายน้ำโดยสม่ำเสมอ ผลย่อมยังให้ชาวนาปลาบปลื้มฉันใด ทานแม้น้อยอันบุคคลบริจาคแล้วในผู้มีศีลมีคุณความดี ย่อมมีผลมากฉันนั้น"
ด้วยเหตุนี้เอง ตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาลเป็นต้นมา ชาวพุทธของเราจึงเลือกที่จะถวายทานในบุญเขตของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นทานที่แม้ทำน้อยก็มีผลมาก ถ้าทำมากก็มีผลมากยิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งนับเป็นบุญลาภอันประเสริฐของมวลมนุษยชาติที่หาได้ยากยิ่ง เพราะกว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราจะเสด็จอุบัติขึ้นในโลก จนสามารถประกาศพระพุทธศาสนาให้สืบทอดยืนยาวมาจนถึงยุคของเรานี้ พระพุทธองค์ทรงต้องใช้เวลาในการสั่งสมบารมีมาอย่างยาวนานถึง ๒๐ อสงไขยกับ อีกแสนมหากัป และที่สำคัญก็คือ การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาส้มพุทธเจ้านั้นมิใช่ว่าจะ เกิดขึ้นได้ในทุกยุคทุกสมัย เพราะในบางกัป (คือ ระยะเวลาตั้งแต่โลกถือกำเนิดขึ้น จนกระทั่งแตกสลายไป) บางครั้งก็ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบังเกิดขึ้นเลย เรียกกันว่า "สูญกัป" ส่งผลให้ผู้ที่บังเกิดในยุคนี้ไม่สามารถที่จะทำทานในบุญเขตของพระพุทธศาสนาได้
ตรงข้ามกับพวกเราทั่งหลายในยุคนี้ที่โชคดี เป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้จะไม่ทันได้พบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แตกยังอยู่ในยุคที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง มีโอกาสได้ถวายทานกับเนื้อนาบุญอันเลิศ ไม่มีเนื้อนาบุญอื่นยิ่งกว่า คือ คณะพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งเป็นทานที่มีผลมาก อันจะแปรเปลี่ยนเป็นอริยทรัพย์คือ "บุญ" ที่จะติดตามตัวของเราไปทุกภพทุกชาติ และบุญนี้เองที่จะช่วย ให้เรามีความสุขสบายในทุกที่ทุกสถานที่ไปบังเกิด ตราบกระทั่งหมดกิเลสเข้าสู่พระนิพพาน
มหาสังฆทานที่เกิดขึ้นได้โดยยาก
ในพระไตรปิฎกปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับการสร้างมหาทานบารมีในสมัยพุทธกาลมากมาย เช่น การสร้างมหาทานบารมีอย่างสุดกำลังของอนาถบิณฑิกเศรษฐีและมหาอุบาสิกาวิสาขา ที่ได้รับยกย่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เป็นอุบาสก และอุบาสิกาผู้เป็นเลิศในการถวายทาน และอีกตัวอย่างหนึ่งที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆ คือการถวาย อสทิสทาน คือทานที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือน ใครของพระเจ้าปเสนทิโกศล ที่ทำทานแข่งกับชาวเมือง และผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะถึง ๖ ครั้ง พอครั้งที่ ๗ จึงได้รับคำแนะนำในการถวายทานอันทำได้ยากจากพระนางมัลลิกา จนกระทั่งสามารถเอาชนะชาวเมืองได้ในที่สุด เป็นต้น
ทว่าในยุคปัจจุบัน การสร้างมหาทานบารมีครั้งยิ่งใหญ่ที่ปรากฏขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในโลก แม้จะบังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็เป็นสิ่งที่ประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาจะต้องจารึกไว้ ครั้งแรกคืองานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐o ซึ่งในครั้งนั้นรัฐบาลไทยได้จัดงานเฉลิมฉลองและจัดพิธีกรรมทางศาสนาขึ้น ณ ปะรำพิธีท้องสนามหลวง โดยได้นิมนต์คณะสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์และ ถวายไทยธรรมจำนวน ๒,๕๐๐ รูป เป็นเวลา ๓ วัน นอกจากนี้รัฐบาลในสมัยนั้นยังได้อุทิศที่ดินแปลงใหญ่ที่ตำบลศาลายา อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ให้จัดสร้างเป็นพุทธมณฑล ดังปรากฏในปัจจุบัน
ครั้นจำเนียรกาลผ่านไป ๔๕ ปีให้หลัง มหาสังฆทานก็ได้บังเกิดขึ้น ในพิธีสลายร่างคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๕ ที่ผ่านมา โดยหลวงพ่อธัมมชโยได้นิมนต์คณะสงฆ์จากทั่วประเทศ กว่า ๓๐,๐๐๐ วัด จำนวนรวมกว่า ๑๐๐,๐๐๐ รูป มาเป็นเนื้อนาบุญให้ญาติโยมกัลยาณมิตรทั่วโลก ได้ร่วมกันถวายภัตตาหารและปัจจัยไทยธรรมกัน อย่างเต็มอิ่มเต็มใจอีกครั้ง
ในงานทอดกฐินสามัคคี เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลวงพ่อธัมมชโยมีความปลาบปลื้มใจอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นลูกๆ ชายหญิงทุกคน ทุ่มเทสร้างมหาทานบารมีกันแบบหัวใจไร้ขีดจำกัด ดังนั้นท่านจึงได้ปรารภเหตุ นี้แจ้งข่าวบุญใหญ่ คือ การถวายภัตตาหารและการ ถวายปีจจัยไทยธรรมเป็นมหาสังฆทานแด่คณะ สงฆ์จาก ๓,๐๐๐ วัดทั่วประเทศ ในวันอาทิตย์ต้นเดือนที่ ๑ ธันวาคม ซึ่งนับเป็นบุญลาภอันประเสริฐอีกครั้งหนึ่งของยอดนักสร้างบารมีทั้งหลาย ที่จะได้ถวายสังฆทานแด่เนี้อนาบุญอันประเสริฐนับหมื่นรูป ซึ่งเป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยากยิ่งในยุคปัจจุบัน
จริงอยู่ แม้ว่าขณะนี้พวกเรายังอยู่ในยุคที่พระพุทธศาสนายังคงเจริญรุ่งเรือง แต่ทว่าการจะนิมนต์คณะสงฆ์เพื่อมาเป็นเนื้อนาบุญให้แก่ญาติโยมคราวละมากๆ นั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำได้โดยง่าย ต้องอาศัยความพร้อมในหลายๆ ด้าน ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลากร อาคาร สถานที่ ภัตตาหาร ยานพาหนะ ตลอดจนการ วางแผนต้อนรับต่างๆ ซึ่งปัจจุบันวัดพระธรรมกาย ของเรามีความพร้อมที่จะรองรับงานตรงจุดนี้ได้ แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับการมีผู้นำในการสร้างบารมีที่มีความเข้มแข็ง และมีหัวใจประดุจพระบรมโพธิสัตว์ ที่มุ่งมั่นนำพาหมู่คณะสั่งสมมหาทานบารมีตามรอยบัณฑิตในกาลก่อน ซึ่งก็คือ หลวงพ่อธัมมชโยของพวกเรานั่นเอง
พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมีมโนปณิธาน อันแน่วแน่ที่จะแผ่ขยายพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก และมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการคณะสงฆ์ไทยให้เข้มแข็งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนั้นกิจกรรมของวัดพระธรรมกายที่ผ่านมาจึงมุ่งสนองงานการคณะสงฆ์ไทยอย่างเต็มกำลังเสมอมา การถวายมหาสังฆทานในครั้งนี้ก็เช่นกัน ถือเป็นโอกาสดีที่คณะสงฆ์จะได้มาประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เป็นการเปิดวิสัยทัศน์ให้ทุกรูปได้มีโอกาสมาศึกษารูปแบบของการจัดงานบุญใหญ่ที่มีระเบียบแบบแผน ทั้งยังช่วยให้คณะสงฆ์ที่มาเกิดความภูมิใจ และมีกำลังใจที่จะบำเพ็ญสมณกิจให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นนิมิตหมายของความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ดังนั้นการถวายมหาสังฆทาน ๓,๐๐๐ กว่าวัด ในวันที่ ๑ ธันวาคมนี้ จึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่างานบุญใหญ่ทุกๆ งานที่ผ่านมา เพราะความสำเร็จของงานนี้ ย่อมหมายถึงความสำเร็จโดยรวมของพระพุทธศาสนาและการคณะสงฆ์ไทย นอกจากนี้ยังถือเป็นงานบุญใหญ่ปิดท้ายปีพุทธศักราช ๒๕๔๕ ซึ่งเป็นปีทองของการสร้างมหาทานบารมี ที่กระทำกันมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ของการสร้างมหาทานบารมี แบบหัวใจไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง...