การรักษาพระพุทธศาสนา
โดย หลวงพ่อทัตตชีโว
สืบเนื่องมาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านได้ตั้งหัวข้อให้หลวงพ่อมาช่วยขยายความให้พวกเรา ได้เห็นภาพรวมว่า "พระสงฆ์มีวิธีรักษาพระพุทธศาสนาอย่างไร" ซึ่งพวกเราบางคนอาจจะไม่ทราบว่าพระภิกษุอยู่วัดแล้วต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้พระพุทธศาสนาของเราอยู่รอดยืนยาวต่อไปได้ท่ามกลาง ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในแต่ละยุคสมัย
o พระเจ้าอชาตศัตรูทูลถามถึงผลแห่งความเป็นสมณะ
ในสมัยพุทธกาลพระเจ้าอชาติศัตรู โอรสของพระเจ้าพิมพิสาร ได้หลงผิดไปเชื่อพระเทวทัตทำปิตุฆาต ฆ่าพ่อของตัวเองแล้ว ชิงราชสมบัติ แต่เมื่อได้ราชสมบัติสมความปรารถนาแล้ว พระองค์ก็ไม่เคยนอนหลับตาลงได้เลย เพราะมีความหวาดระแวงว่าจะมีคนมาฆ่าตนตลอดเวลา
จนกระทั่งวันหนึ่งได้รับคำแนะนำจากหมอชีวโกมารภัจจ แพทย์ประจำตัวของพระองค์ ให้ไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์จึงตัดสินใจเสด็จไปสวนอัมพวัน
เมื่อพระเจ้าอชาติศัตรูได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำถามแรกที่ทรงทูลถามก็คือ "บวชพระแล้วได้อานิสงส์อย่างไร" ความจริงอยากจะถามไปว่า "พระอยู่ไปวันๆ ทำอะไร" ถามแค่คำถามเดียว แต่พระสัมมาลัมพุทธเจ้าต้องตอบถึง ๒ คำถาม คือ
๑. พระภิกษุบวชแล้วต้องฝึกตนเองอย่างไรบ้าง
๒. บวชแล้วได้ผลดีอะไรบ้าง สาเหตุที่พระเจ้าอชาติศัตรูทรงถามเช่นนี้ เพราะถูกพระเทวทัตซึ่งเป็นนักบวชในพระพุทธ ศาลนาหลอกให้ฆ่าพ่อ ต่อมาคิดได้ว่าเราทำผิดเสียแล้ว จึงเกิดความสงสัยดังกล่าว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงอธิบายจนกระทั่งเข้าใจ
จากนั้นพระเจ้าอชาติศัตรูจึงกราบขออภัยโทษพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ฆ่าพ่อของตัวเองซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระองค์ แล้วประกาศตนเป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนา ตั้งใจปฏิบัติธรรมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาตลอด จนกระทั่งได้เป็นประธานในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรก แม้จะทำบุญถึงขนาดนั้นก็ยังไม่สามารถบรรลุธรรมใดๆ ได้ เพราะทำกรรมหนักไว้แต่ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าต่อไปภายภาคหน้าจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
o หลักการรักษาพระพุทธศาสนา
พระภิกษุ-สามเณร เมื่อเข้ามาบวชแล้วต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า พระเณรเมื่อบวชใหม่ก็คือลูกชาวบ้านนี่แหละ ความรู้ทางธรรมะอะไรก็ยังมีไม่พอ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พระภิกษุจะต้องทำสิ่งแรกคือต้องรักษาตัวเองให้รอดอยู่ในธรรมวินัยก่อน จากนั้นจึงจะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้
๐ ทำอย่างไรพระจึงจะรักษาตัวเองให้รอดได้
ขั้นต้น สิงที่พระต้องทำคือต้องศึกษาว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนอะไรบ้างซึ่งมีถึง ๘๔,๐๐๐ ข้อ แต่โดยหลักการเหลือเพียง ๒ ข้อ คือธรรมะและวินัย
๑. ธรรมะ คือ ส่วนที่อธิบายให้เรารู้ว่า อะไรดี อะไรชั่ว อะไรผิด อะไรถูก อะไรควร อะไรไม่ควร เมื่อปฏิบัติแล้วจะดีกับตัวเอง อย่างไรไปตามลำดับจนกระทั่งหมดกิเลส
๒. วินัย คือ ในขณะที่กำลังศึกษาธรรมะอยู่นั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เราตกอยูในอำนาจกิเลส ทำความไม่ดีเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น ต้องมีวินัย มาตีกรอบเอาไว้ เหมือนเอาเสือมาขังเอาไว้พระภิกษุต้องรักษาวินัยอะไรบ้าง
๒.๑ วินัยที่เกี่ยวกับการดูแลปัจจัย ๔ ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม, อาหาร, ที่อยู่อาศัย และ การรักษาสุขภาพที่ต้องตีกรอบ ๔ เรื่องนี้ เพราะชีวิตเราอยู่ได้ด้วยปัจจัย ๔ พระภิกษุก็เช่นกันเพียง แต่ว่ามีกฎเกณฑ์ลงมา เพื่อไม่ให้เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อครั้งเป็นฆราวาส
๒.๒ วินัยที่จะละกรรมชั่ว ทำกรรมดี กลั่นใจให้ใส คนจะทำกรรมได้มี ๓ ทาง คือ ทางกาย วาจาและใจ ข้อนี้เป็นเรื่องของการตี กรอบไม่ให้เอาร่างกายคำพูด และความคิดที่ไม่ดีแพร่ออกมา และให้ทำ พูด คิดแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาแทนที่ โดยพระพุทธองค์ทรงให้หลักกับพระภิกษุไว้ ๒ ประเด็นใหญ่คือ
๑) สิ่งใดที่ทำแล้วเกิดความเสียหายทั้งตนเองและผู้อื่นสิ่งนั้นห้ามทำ
๒) สิ่งใดที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น สิ่งนั้นต้องทำ
o ทำอย่างไรพระจึงจะรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่รอดได้ ?
ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าพระพุทธศาสนาอยู่ที่ไหน คำตอบคืออยู่ในตัวของคนเรา เมื่อพระภิกษุศึกษาพระพุทธศาสนาจน กระทั่งเข้าใจ ก็ลงมือแกตนเองตามกรอบ พระธรรมวินัย เมื่อแกมากเข้า ๆ ใจจะเป็น สมาธิหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกาย เมื่อใจกับ ธรรมะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ธรรมะภายในก็ จะก้าวหน้าเข้าถึงดวงปฐมมรรค เห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม จน กระทั่งบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ถ้าแกได้ อย่างนี้พระพุทธศาสนาก็อยู่ในตัวพระเรา จึงเป็นพระพุทธศาสนาเคลื่อนที่ได้ จากนั้นก็เอาธรรมะในตัวของท่านมาเทศน์สอนให้เราฟัง
o ญาติโยมจะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ อย่างไร?
วัดที่สร้างขึ้นในสมัยพุทธกาล ความจริงพระไม่ได้เป็นผู้สร้าง แต่ญาติโยมเป็นผู้สร้างให้ เช่น พระเจ้าพิมพิสารสร้างวัดเวฬุวัน อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างวัดเชตวัน นางวิสาขามหาอุบาสิกาสร้างวัดบุปผาราม เป็นต้น
พระภิกษุมีหน้าที่มาอยู่มาศึกษาพระธรรมวินัย พอออกพรรษาก็แบกกลดเข้าป่าหาที่สงบไปแกตัวเองต่อพอถึงฤดูเข้าพรรษาก็กลับมาที่วัดเพื่อสอนให้ญาติโยมปฏิบัติธรรม
เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปสองพันห้าร้อยกว่าปี สภาพต่างๆ ความเอื้ออำนวยต่างๆ ได้ลดหายไป มาถึงวันนี้ภาระในการสร้างวัดจึงกลายเป็น เรื่องของพระภิกษุ ไม่ใช่ของญาติโยม เพราะฉะนั้น การร่ำเรียนศึกษาของพระเลยหย่อนไป บางวัดพบว่าการศึกษาแทบไม่เหลือ เพราะ หมดเวลาไปกับการสร้างวัด
หลวงพ่อจึงขอฝากให้พวกเราช่วยกัน เป็นอีกเรี่ยวแรงสำคัญของการรักษา พระพุทธศาสนา เพราะในขณะที่พระภิกษุต้องรับภาระ ทั้งศึกษาพระธรรมวินัยด้วย ฝึกตัวเองด้วย สร้างวัดด้วย พวกเราซึ่งอยู่ทางโลก แม้ว่าต้องทำมาหากิน แต่ก็ต้องเอาบุญมาสร้างวัดด้วย เพราะเมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว วัดก็จะกลายเป็นมหาวิทยาลัยสอนศีลธรรมสำหรับทั้งพระภิกษุ สามเณรและประชาชน เป็นศูนย์กลางในการ ปลูกฝืงพระพุทธศาสนาเข้าไปในใจคน อันเป็นการรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่รอด ปลอดภัยไปนานแสนนาน
ในโลกนี้มีประชากรหกพันกว่าล้านคน คนที่ได้รู้จักพระพุทธศาสนามีอยู่อย่างมากแค่ประมาณหนึ่งร้อยล้านคน ในจำนวนนี้มีที่ตั้งใจฝึกตัวเองเพียงไม่กี่คน ส่วนหนึ่งก็คือพวกเรา เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกตัวเอง เมื่อรู้ว่าตัวเองมีบุญมากแล้ว ช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาด้วยการไปทำหน้าที่กัลยาณมิตรชักชวนคนมาร่วมบุญและเร่งสร้างบุญให้กับตัวเองมาก ๆ เมื่อปฏิบัติธรรมจนได้ผลแล้ว ก็มาช่วยหลวงพ่อสอนคนอื่นต่อไป ธรรมะจะได้สว่างไสวเต็มบ้านเต็มเมือง