โดย : พระสมศักดิ์ ปิยสีโล |
|
คุณธรรมของคุณยายประการหนึ่งซึ่งสะดุดใจแล้วก็ทันสมัยล้ำหน้ากว่าใครๆ ในโลก ที่ประทับใจหลวงพี่มากเหลือเกิน สิ่งนั้นคือคุณธรรมที่ยายอยู่กับปัจจุบัน มีข้อความในพระสูตรอยู่บทหนึ่ง ชื่อว่า ภัทเทกรัตตสูตร ว่าด้วยความเป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
อตีตํ นานฺวาคเมยฺย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ
ยทตีตมฺปหีนนฺตํ อปฺปตฺตญฺจ อนาคตํ
ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสตีติฯ
โดยความเบื้องต้นนั้น ภาษาไทยจะแปลออกมาว่า บุคคลไม่พึงคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใดที่ล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว สิ่งใดยังไม่มาถึง สิ่งนั้นก็เป็นอันยังไม่ถึง ก็บุคคลใดพึงเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถอะ พึงทำความเพียรเสียแต่ในวันนี้ ใครจะรู้เล่าว่าความตายจะมีในวันพรุ่ง
พระมุนีผู้ประเสริฐกล่าวสรรเสริญบุคคลผู้มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน บุคคลนั้นคือผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ
คุณยายมีคุณสมบัติที่เด่นที่สุด แม้แต่คนในยุคปัจจุบันยังตามไม่ทัน นั่นคือคุณยายอยู่กับปัจจุบันเสมอ เทียบกับพวกเรา เราไม่ได้ มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันเท่าที่ควร มักจะกังวลในเรื่องอดีต มีความทุกข์เมื่อหลายสิบปีที่แล้วยังอยู่ในความทรงจำ อนาคตแท้ๆ ยังมาไม่ถึงก็วิตกกังวลจนไม่ต้องทำอะไร อย่างเช่น เวลา เราอยู่บนรถนี่ รถติดบนถนน เราก็ทุกข์อยู่บนรถ ได้แต่บ่นในใจว่าเมื่อไรจะหลุดไปจากตรงนี้เสียที แสดงว่าปัจจุบันของเราได้สูญหายไป ถูกทำลายไป หรือเวลาเรารับประทานอาหาร เราก็จะรีบๆ รับประทานให้มันหมดๆ ไป เพื่อที่ ว่าจะได้ไปทำอย่างอื่น หรือเวลาทำกิจส่วนตัวต่างๆ ก็จะรีบๆ ทำให้เสร็จๆ ไป เรากำลัง สูญเสียความสุขในปัจจุบันนั้นไปนั่นเอง
คุณธรรมของคุณยาย ที่เกี่ยวกับ ปัจจุบันธรรมหลักๆ ที่เห็นอยู่ ซึ่งหลวงพี่จะนำมาเล่ามีอยู่ประมาณ ๓ เรื่องด้วยกัน
เรื่องที่ ๑ คุณยายบอกว่า "ยายอยู่กับปัจจุบัน" อดีตที่ผ่านมาไม่เคยเก็บมาคิด คิดแต่จะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตจะได้แต่ของดีๆ น่าทึ่งว่า ตั้งแต่คุณยายเป็นชาวนา คุณยายไม่เคยเสียใจเลยว่า ไปเกิดในตระกูลชาวนา พอยายออกจากบ้านก็ลืมอดีต ถึงแม้แม่จะร้องไห้คุณยายก็ไม่ร้องไห้ตาม เมื่อมาเป็นคนรับใช้เขา ก็ทำตรงนั้นให้ดีที่สุด พอเข้าวัดปากน้ำได้ทำวิชชา ก็ลืมทุกเรื่อง เมื่อหลวงปู่วัดปากน้ำท่านสิ้น ก็อยู่บ้านธรรมประสิทธิ์ฺิ์ ก็ลืมความทุกข์ในอดีต ทำบ้านธรรมประสิทธิ์ให้ดีที่สุด พอย้ายมาศูนย์พุทธจักรฯ (วัดพระธรรมกาย) คุณยายบอกว่า ยายไม่เคยนึกถึงบ้านธรรมประสิทธิ์เลย แม้แต่ป้ายบ้านธรรมประสิทธิ์ที่ทำด้วยไม้ เห็นในรูปถ่ายทุกวันนี้ไม่รู้ว่าป้ายนั้นอยู่ไหน คุณยายไม่ได้เอามาด้วย อยู่ตรงไหน ทำตรงนั้นให้ดีที่สุด นี่คือปรัชญาการใช้ชีวิตของคุณยาย ผู้ที่ไม่รู้หนังสือเลย
"
ชาตินี้ยายกลัวอยู่อย่างเดียว กลัวว่าจะได้บุญน้อย
บุญจะแพ้คนอื่นเขา เพราะว่าถ้าเรามีบุญมากแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรารถนาก็สำเร็จ
ที่จะทำก็สำเร็จทุกๆ อย่าง ใครมาขวางไม่ได้
ด้วยอำนาจบุญ เพราะฉะนั้น การมีบุญมากเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
จะทำสิ่งใดก็ทำได้ทุกๆ อย่าง แล้วก็สำเร็จทุกอย่างด้วย
"
คุณยายอาจารย์
มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย
เรื่องที่ ๒ ชื่อเรื่องว่า "รบไปอย่างนั้นแหละ" คุณยายมักจะรบกับความสกปรก ความสกปรกอยู่ที่ไหน คุณยายจะเข้าไปรบ ไปจัดการไปบอกคนโน้นคนนี้ ไปสอน ไปทำให้เรียบร้อย ท่านใช้คำว่า รบกับหยาบ แล้วคุณยายก็มาเฉลยในตอนท้ายว่า รบไปอย่างนั้นแหละ พอเ้ข้ากุฏินั่งเข้าที่ ยายก็ทิ้งทุกเรื่อง เหลือแต่ธรรมะอย่างเดียว เรื่องนี้คุณยายแบ่งเวลาเป็นพอคุณยายอยู่กับปัจจุบัน นาทีนั้นคุณยายหลับตา ทิ้งทุกเรื่องแล้วเหลือแต่ข้างใน
เรื่องที่ ๓ ชื่อว่า "ตามหาพ่อ" พออายุประมาณ ๑๑-๑๒ ปี ความที่คุณยายเคยถูกคุณพ่อแช่งด้วยความเข้าใจผิดให้หูหนวก ๕๐๐ ชาติ ซึ่งทุกท่านรู้กันดี คุณยายบอกว่า ยายคิดแต่จะไปขอขมาพ่ออย่างเดียว เรื่องอื่นไม่ได้คิดเลย คุณยายมุ่งมั่นจะทำ ทำทีละเรื่อง อยู่กับปัจจุบัน จนเหลือทีละเรื่องเท่านั้น ถ้าทำไปพร้อมๆ กัน หลายๆ เรื่องอย่างคนในปัจจุบันนี้ จะไม่ได้เรื่องสักเรื่องเดียว แต่เพราะคุณยายทำทีละเรื่อง ท่านจึงสร้างวัดพระธรรมกายได้จนทุกวันนี้ สรุปย่อๆ ได้ว่าคุณธรรมหลักทั้ง ๓ เรื่องของคุณยาย ก็คือ
เรื่องที่ ๑ ยายอยุ่กับปัจจุบัน
เรื่องที่ ๒ รบไปอย่างนั้นแหละ
เรื่องที่ ๓ ตามหาพ่อ
หลวงพี่ก็ขอจบการแสดงธรรมเรื่องปัจจุบันธรรม ซึ่งเป็นคุณธรรมที่แม้แต่ฝรั่งเองเพิ่งจะตื่นตัว เขียนตำราออกมาว่าให้ทำทีละอย่าง แต่คุณยายนั้นไม่ได้อ่านพระไตรปิฎก แต่ว่ารู้ข้อความในภัทเทกรัตตสูตร และยังปฏิบัติตนให้ลูกหลานได้ดูเป็นตัวอย่างอีกว่า ยายนั้นทำทีละอย่าง แล้วสุดยอดของการทำทีละอย่างก็คือ การนั่งหลับตา