วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ "SUPERMONK" พุทธบุตรผู้นำพัฒนา ๕ วัดร้างให้เป็น "วัดรุ่ง"

 

            กราบนมัสการพระคุณเจ้าและสามเณรที่เคารพ สวัสดีครับกัลยาณมิตรทุกท่าน พบกับคอลัมน์ SUPER MONK กันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อฉบับที่แล้วหลายท่านที่ได้อ่านคงปลาบปลื้มใจ ในความทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจของพุทธบุตร ผู้เกิดมาเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองด้วยดวงใจของผู้ให้อย่างแท้จริงไปแล้ว สำหรับฉบับนี้กระผมจะนำทุกท่านไปรู้จักกับยอดพุทธบุตรอีกรูปหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งท่านเป็นพระผู้นำพัฒนาสร้างวัดในอดีตที่เคยร้าง กลับมาให้รุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่งเป็นจำนวนถึง ๕ วัดด้วยกัน

           มีคำที่กล่าวเปรียบเปรยว่า นพบุรีศรีนครพิงค์ หรือจังหวัดเชียงใหม่เป็นดั่งเมืองสวรรค์ ด้วยเพราะผู้คนที่นี่มีอัธยาศัยที่ดี เปี่ยมด้วยปิยวาจา อีกทั้งยังอุดมด้วยศิลปะอันงดงามสง่า ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเกิดขึ้นได้ เพราะเหล่าบรรพชนได้รับการหล่อหลอมจิตใจ จากพระพุทธศาสนาต่อเนื่องมายาวนาน ณ วันนี้ เมืองแห่งนี้มีผู้ที่ได้เล็งเห็น คุณค่าของการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง โดยการเป็นผู้นำรื้อฟื้นวัดที่ร้างให้รุ่งอีกครั้ง จำนวนถึง ๕ วัด นั่นคือบุตรแห่งพระชินสีห์ นามว่า พระเดชพระคุณพระราชสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร รองเจ้าคณะ จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตั้งแต่ครั้งเป็นสามเณร หลังจากที่จบประถมศึกษาแล้ว และอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ ได้ครองเพศสมณะอันสง่างามนี้มาจนกระทั่งปัจจุบัน โดยจำพรรษาอยู่ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร และได้เล่าเรียนศึกษาภาคปริยัติธรรมจนจบเปรียญธรรม ๗ ประโยค


วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร

 

           ด้วยการนำของพุทธบุตร และความร่วมมือร่วมใจกันอย่างเข้มแข็ง ของเหล่าพุทธบริษัท ๔ จึงทำให้หลวงพ่อ และคณะสามารถพัฒนาวัด ที่อดีตเคยร้างมานานนับพันปีเหล่านั้น

กลับมารุ่งเรืองเป็นบุญสถานแหล่งสั่งสมบุญของสาธุชนอีกครั้ง ท่านได้กล่าวเปิดใจถึงความตั้งใจและแรงบันดาลใจในการพัฒนาวัดทั้ง ๕ ว่า

           "ก่อนที่จะรื้อฟื้นวัดต่างๆ ที่ร้างไปแล้วนั้น ต้องพูดคุยกับโยมที่อาศัยอยู่ให้เข้าใจก่อนว่าแผ่นดินตรงนี้มีความหมาย เป็นวัดที่เคยรุ่งเรืองมาก่อน เราน่าจะมาร่วมใจกันพัฒนาวัดในประวัติศาสตร์นี้ให้เป็นที่สร้างบุญ ให้คนมากราบไหว้ ให้เขามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ซึ่งกว่าจะสำเร็จก็ต้องใช้ความพยายามมากเช่นกัน อาตมานั้นนึกถึงบรรพชนที่เขามีจิตใจที่งดงาม ตั้งใจสร้างวัดวาอารามให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์ อาตมาไม่อยากเห็นคนในรุ่นปัจจุบันลืมประวัติศาสตร์ที่ดีเหล่านี้ จึงอยากต่อประวัติศาสตร์ไม่ให้ขาดตอน มิฉะนั้นเราจะไม่ทราบเลยว่าเมืองเชียงใหม่ เมื่อ ๗๐๐ ปีที่ผ่านมา มีคำสอนที่ดีๆ ในพระพุทธศาสนาและเคยเจริญรุ่งเรืองมาแล้ว ดังนั้นในปัจจุบันจึงต้องต่อประวัติศาสตร์ให้ติด และถ้าไม่รื้อฟื้นวัดเหล่านี้ ก็จะมีผู้ที่อยากนำที่ดินไปหาผลประโยชน์ต่างๆ ในปัจจุบันยังมีวัดร้างในจังหวัดเชียงใหม่เป็นร้อยวัด น่าเป็นห่วงมาก"

           วัดจำนวน ๕ วัด ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่พระราชสิทธาจารย์ ท่านตั้งใจพัฒนาจากวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง คือ วัดดอยสัพพัญญู วัดโลกโมฬี วัดเจ็ดลิน วัดเชียงโฉม และวัดพระธาตุสบฝาง ท่านเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาและการพัฒนาของแต่ละวัดอย่างย่อๆ ว่า

           ส่วนวัดโลกโมฬี อาตมาเริ่มต้นรื้อฟื้นในปี พ.ศ.๒๕๔๔ ซึ่งวัดนี้ร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีโบราณสถานที่หลงเหลือปรากฏอยู่คือพระเจดีย์ที่มีอายุประมาณ ๔๗๗ ปี ในอดีตวัดแห่งนี้เคยเป็นที่พักของกษัตริย์ราชวงศ์มังราย องค์ที่ ๑๒ ของนครพิงค์ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างมากๆ จึงถวายบ้านหัวเวียง ให้เป็นวัด วัดแห่งนี้พัฒนาไปพร้อมกับการเผชิญอุปสรรคอันมากมาย สาเหตุก็เพราะเมื่อวัดนี้ได้ร้างลง กรมศาสนาในสมัยนั้นให้เขาเช่าไปเป็นที่ตั้งของสถานพยาบาลสัตว์ ประมาณครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นที่ตั้งปั๊มน้ำมันในปัจจุบัน ซึ่งมีสัญญาเช่าถึง ๒๐ ปี ดังนั้นส่วนที่จะนำมาพัฒนาเป็นวัดได้ คือ ส่วนของอดีตสถานพยาบาลสัตว์ ซึ่งหมดสัญญาเช่าแล้ว แต่ก็มีผู้ที่จะเอาไปเป็นประโยชน์ในด้านอื่นต่อ จนกระทั่งได้รับความร่วมมือจากคนเชียงใหม่ทุกส่วนมาช่วยกัน จึงทำให้สามารถนำที่ดินส่วนนี้กลับมาสร้างวัดได้ดังเดิม และเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๘ ที่ผ่านมา ฯพณฯ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ท่านได้มาเป็นประธานยกยอดฉัตรมหาเจดีย์ให้

           สำหรับ วัดเจ็ดลิน เป็นวัดที่เกิดขึ้นมายาวนานสร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งราย มีอายุประมาณ ๕๐๐ ปี ก่อนขึ้นปกครองเมืองเชียงใหม่ อาตมาได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๖ โดยมีพื้นที่ ๗ ไร่กว่า มีปัญหาในเรื่องพื้นที่ คือมีผู้บุกรุกอยู่เป็นจำนวนมาก ก็คงค่อยๆ แก้ไขปัญหา และคงต้องทำกันต่อไป ปัจจุบัน มีพระภิกษุจำพรรษา ๑๐ รูป สามเณร ๒๕ รูป

           ในส่วนของวัดเชียงโฉม ได้ถูกพลิกฟื้นขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๔๗ ซึ่งวัดนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยพระยาเม็งราย พระองค์ทรงสร้างขึ้น แต่ถูกทิ้งร้างมาหลายร้อยปี ปัจจุบันมีเจดีย์ปล่องเหลืออยู่เป็นพยานทางหลักฐาน และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ซึ่งในขณะนี้ทางวัดมีพื้นที่เหลืออยู่เพียง ๓ งาน ตั้งใจว่าจะซื้อที่ดินขยายวัดเพิ่ม ปัจจุบันมีพระภิกษุจำพรรษา ๔ รูป สามเณร ๑๗ รูป

           วัดพระธาตุสบฝาง เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก ก่อนสร้างเมืองเชียงใหม่ ๔๐๐ ปี รวมระยะเวลาในปัจจุบันก็ประมาณ ๑,๐๐๐ ปี มีพระธาตุที่เก่าแก่ มีองค์เจดีย์ซึ่งก็ได้รับการดูแลมาอย่างต่อเนื่อง โยมเขาดีใจที่อาตมาได้มาพัฒนาวัดนี้ให้ เริ่มพัฒนาขึ้นในปีนี้เอง ซึ่งวัดแห่งนี้อยู่ไกลจากตัวเมืองถึง ๓ ชั่วโมง ใช้เวลานานกว่าจะไปถึง"


           การสร้างวัดที่ร้างให้ฟื้นกลับมาได้ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากอยู่แล้ว แต่การดูแลวัดเหล่านี้ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ให้เป็นบุญสถานที่ แท้จริงเป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า แต่ทว่าสำหรับยอดพุทธบุตรผู้มีนามว่า พระราชสิทธาจารย์แล้ว แม้ท่านจะมีภารกิจหนักในการปกครองคณะสงฆ์ อีกทั้งวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ก็เป็นวัดใหญ่ต้องดูแลอย่างมาก ท่านก็ยังสามารถบริหารเวลาในการบริหารวัดทั้ง ๕ วัดดังกล่าวได้อย่างดีเยี่ยม

           อาจารย์วีระศักดิ์ ขื่อนแก้ว ซึ่งเป็น ไวยาวัจกร ของวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เล่าให้ฟังว่า "ในวันพระ หลวงพ่อท่านถ้าไม่จำเป็นท่านจะไม่รับนิมนต์ ท่านจะไปดูงานและไปสวดมนต์ที่วัดเจ็ดลิน และต่อไปที่วัด โลกโมฬี หลังจากนั้นก็กลับมาสวดมนต์ที่วัด พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารอีก ท่านขยันมากชอบพัฒนา มีความตั้งใจสูงมาก"

           พระเดชพระคุณพระราชสิทธาจารย์ท่านได้เล่าถึงวิธีการทำงาน ประสานงานติดตามผลกับวัดทั้ง ๕ ที่ท่านพัฒนาขึ้นมาว่า "ทุกวันตอนตี ๕ ครึ่ง ก็จะโทรศัพท์ประชุมพร้อมกันทีเดียว ๓ สายไปที่วัดทั้ง ๕ ที่สะดวกในการติดต่อแล้ว สวดมนต์ทำวัตรเช้าพร้อมกัน เมื่อถึงคราวคุยงานก็พูดไปพร้อมๆ กัน ถามไถ่ทุกข์สุขกัน อาตมาต้องให้กำลังใจทีมงานพระที่ท่านไปอยู่รักษาวัดทั้ง ๕ วัดดังกล่าว ให้ท่านมีกำลังใจต่อไป ไม่ท้อถอย"

           ไม่เพียงแต่จะพัฒนาวัดร้างให้กลับมารุ่งเรือง จนมีสาธุชนเข้าวัดนับพันคนแล้วเท่านั้น ท่านยังจัดทำโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาคนให้เป็นคนดีของสังคมอีกด้วย หนึ่งในโครงการดังกล่าวคือ จัดเผยแพร่ธรรมะผ่านวิทยุกระจายเสียงทุกวัน ในหลายๆ สถานีของจังหวัดเชียงใหม่ ท่านเล่าให้ฟังว่า "อาตมาให้พระ ๘๐ รูป ออกมาเทศน์ผ่านวิทยุกระจายเสียงทุกวัน ทำเพื่อให้ชาวพุทธของเราได้ฟังธรรม เดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยมีเวลาไปวัด หากฟังวิทยุทำกิจอะไรอยู่ก็สามารถฟังธรรมะได้" และท่านได้เล็งเห็นถึงปัญหาเยาวชนที่ต้องรีบปลูกฝังศีลธรรมให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะต้องรีบสร้างศาสนทายาทคือสามเณร ให้มีมากๆ ท่านกล่าวว่า "อาตมาต้องทำให้พระพุทธศาสนาอยู่ในลมหายใจของทุกคน และต้องให้เห็นความสำคัญของสามเณร ที่ได้เข้ามาบวชศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนา เพราะท่านเป็นผู้ที่จะสืบทอดคำสอนต่อไป อาตมาจึงตั้งวันสามเณรขึ้นมา ซึ่งตรงกับวันที่สามเณรที่จังหวัดยะลาโดนลอบทำร้ายจนมรณภาพ"

           หากท่านใดได้เดินทางไปกราบนมัสการองค์พระธาตุดอยสุเทพ จะพบกับเครื่องรับโทรทัศน์ที่กระจายตามจุดต่างๆ ภายในวัด ซึ่งเปิดรายการธรรมะจากช่อง DMC เป็นประจำทุกวัน

           "อาตมาคิดว่าในปัจจุบันหลายๆ โรงเรียนขาดแคลนบุคลากรสอนพระพุทธศาสนา ซึ่งถ้ามีจานดาวธรรมก็จะช่วยแก้ไขปัญหาตรงจุดนี้ ได้มาก อีกทั้งจานดาวธรรมมีสาระที่เป็นประโยชน์ อาตมาได้ชมทุกวัน เช่นในช่วงของหลวงพ่อธัมมชโย ท่านได้ตอบปัญหาเรื่องกฎแห่งกรรม ตรงนี้ดีมาก เหมือนธรรมบทพระไตรปิฎก ทำให้ได้รู้บาปบุญคุณโทษ ถือว่าในยุคนี้เป็นบุญของพวกเราที่มีพระที่ดีเยี่ยมอย่างหลวงพ่อธัมมชโยเช่นนี้ ท่านเป็นที่น่าเคารพกราบไหว้ อาตมาก็ขอถวายกำลังใจให้ท่านได้เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป"

           พระเดชพระคุณพระราชสิทธาจารย์ ท่านคือพุทธบุตรที่แท้จริง สละทุกสิ่งเพื่อพระศาสน์ด้วยใจทุ่มเท เป็นพระแท้ที่น่าเลื่อมใส เป็นเนื้อนาบุญแห่งเมืองเชียงใหม่ แม้ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยดวงใจของผู้ให้ที่ยังคงเจิดจรัสตลอดเวลา ท่านพร้อมที่จะนำพาวัดร้างที่ยังมีอีกมากมายให้รุ่งเรืองจนหมดลมหายใจ
อ่านแล้วก็ต้องบอกว่าพุทธบริษัท ๔ ในยุคนี้โชคดีที่ได้มีพระแท้เกิดขึ้นเพื่ออยู่เป็นอายุของพระพุทธศาสนาและเป็นเนื้อนาบุญของโลก เราในฐานะพุทธบริษัท ๔ ก็จะไม่ดูดาย และจะคอยสนับสนุนค้ำจุนท่าน ให้สมกับคำกล่าวของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ที่ว่า "พุทธบริษัท ๔ ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว"

           สำหรับคอลัมน์ SUPER MONK ฉบับนี้ต้องขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป ส่วนฉบับหน้าจะพบกับพุทธบุตรรูปใดนั้น คงต้องคอยติดตามกันต่อไป หากท่านใดต้องการชมรายการ SUPER MONK ซึ่งได้นำเสนอในรายการอนุบาลฝันในฝันวิทยา ช่อง DMC ก็สามารถติดตามชมกันได้นะครับ

           สำหรับท่านใดต้องการนำเสนอข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับพุทธบุตรก็สามารถติดต่อมาได้ที่หมายเลข ๐-๑๔๘๑-๗๗๗๘ หรือส่งผ่านอีเมล์มาที่ [email protected] ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านล่วงหน้าครับ


พุทธบริษัท ๔ ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ ๓๓ ประจำเดือนกรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล