ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : ผู้เห็นประโยชน์ในโลกหน้า


ธรรมะเพื่อประชาชน : ผู้เห็นประโยชน์ในโลกหน้า

Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน
 
DhammaPP161_01.jpg
ผู้เห็นประโยชน์ในโลกหน้า
(วิธีตอบแทนคุณของญาติโยมอย่างอริยะ)
               เวลาในโลกมนุษย์ช่างแสนสั้น เดี๋ยววันเดี๋ยวคืน เดี๋ยวก็หมดเวลาแล้ว จากวัยเด็กก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาว และไม่นานก็ก้าวเข้าสู่วัยกลางคน และวัยชราตามลำดับ ต้องนับเวลาถอยหลังกันแล้ว แม้ช่วงชีวิตของมนุษย์จะเป็นระยะเวลาที่แสนสั้น แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าและสำคัญที่สุด ที่เราจะได้สั่งสมบุญกุศลให้ได้มากที่สุด เพราะชีวิตหลังความตายยาวนานกว่าในโลกมนุษย์นี้มาก  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างบารมีเพื่อจะได้มีสุคติภูมิเป็นที่ไป โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกภายใน จะทำให้เราเกิดความมั่นใจในการเดินทางสู่สัมปรายภพ เพราะพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันอบอุ่นและปลอดภัยที่สุด ที่จะนำเราไปสู่สุคติได้ทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะหมดกิเลสเข้าสู่นิพพานกันทุกคน
 
                            พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน วุฎฐิสูตร ความว่า
 
                            “พีชํ อุปฺปตตํ เสฏฺฐํ        วุฏฺฐิ นิปตตํ วรา
                             คาโว ปวชมานานํ         ปุตฺโต ปวทตํ วโรติ
                             วิชฺชา อุปฺปตตํ เสฏฺฐา     อวิชฺชา นิปตตํ วรา
                             สงฺโฆ ปวชมานานํ         พุทฺโธ ปวทตํ วโร
 
               บรรดาสิ่งที่งอกขึ้นมา วิชชาเป็นสิ่งประเสริฐ บรรดาสิ่งที่ตกไป อวิชชาเป็นสิ่งประเสริฐ บรรดาสิ่งที่เดินด้วยเท้า พระสงฆ์เป็นผู้ประเสริฐ บรรดาชนผู้แถลงคารม พระพุทธเจ้าเป็นผู้ประเสริฐสุด”
 
               วิชาเป็นทรัพย์อันประเสริฐ เพราะไม่มีใครสามารถมาแย่งชิงจากเราไปได้ และเป็นสิ่งที่ติดตัวเราอยู่ตลอดเวลา สามารถนำออกมาใช้ได้ทุกเมื่อ โบราณกล่าวไว้ว่า มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน เพราะปัญญาเป็นทางมาของทรัพย์ และทำให้เราดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ถ้ามีวิชชา คือ ความรู้ยิ่ง ความรู้อันวิเศษ อันเป็นเหตุให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ถือว่าได้อริยทรัพย์อันประเสริฐ ที่จะทำให้เราเดินไปบนเส้นทางมรรคผลนิพพานตลอดไป จะไม่หลงพลัดตกไปในอบายภูมิ
 
               วิชชาในทางพระพุทธศาสนามีหลายอย่าง ตั้งแต่วิชชา ๓ วิชชา ๘ เป็นวิชชาขั้นสูงที่มีไว้เพื่อปราบกิเลส ทำให้เป็นผู้มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพ ตั้งแต่มีหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้วาระจิต มีฤทธิ์ทางใจ แสดงฤทธิ์ได้ สามารถทำอาสวกิเลสให้หมดสิ้นไปได้ เป็นต้น ความเจริญงอกงามของวิชชา พระพุทธองค์ตรัสว่าประเสริฐที่สุด เพราะงอกเงยเพิ่มพูนขึ้นมามากเพียงไร ย่อมสามารถขจัดอกุศลธรรมและบาปกรรมทุกอย่างให้มลายหายสูญไปได้มากเพียงนั้น กระทั่งสามารถขจัดอวิชชา คือ ความไม่รู้ให้หมดสิ้นไป ตกไป ไม่ให้ค้างคาอยู่ในใจ คงเหลือไว้แต่คุณงามความดี วิชชา ความรู้แจ้ง และความบริสุทธิ์ล้วนๆ ดังนั้น วิชชาจึงเป็นอริยทรัพย์อันประเสริฐ ที่ต้องศึกษาและกระทำให้มากขึ้น
 
               ในบรรดาสิ่งที่เดินด้วยเท้า พระสงฆ์เป็นผู้ประเสริฐสุด ที่พระพุทธองค์ตรัสเช่นนี้ เพราะพระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก ท่านบำเพ็ญเนกขัมมบารมี มุ่งที่จะชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ ฝึกฝนตนเองให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ แสวงหาความสุข และความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ไม่ข้องเกี่ยวในเบญจกามคุณ ที่ชาวโลกส่วนใหญ่มักจะหลงยึดติดกัน พยายามที่จะสลัดออกจากภพทั้งสาม เพื่อไปสู่อายตนนิพพาน  เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้ทำบุญกับพระสงฆ์ด้วยจิตเลื่อมใสกันจริงๆ อานิสงส์อันเลิศย่อมบังเกิดขึ้นทันตาเห็น
 
               *ดังเช่นในสมัยพุทธกาล มีชายเข็ญใจคนหนึ่งปรารถนาที่จะถวายทานแก่พระภิกษุสงฆ์ แต่เนื่องจากความยากจน จึงนำอาหารตามมีตามได้ของตนน้อมเข้าไปถวายพระ ด้วยเหตุที่ภัตตาหารนั้นไม่ประณีตเท่าที่ควร ภิกษุรับมาแล้วจึงไม่ได้ฉัน เพราะในสมัยนั้นสาธุชนถวายแต่อาหารที่ประณีต พระภิกษุก็ไม่ลำบากในเรื่องการขบฉัน ชายเข็ญใจเห็นดังนั้นก็ไม่ตำหนิพระภิกษุสงฆ์ แต่กลับหันมาพิจารณาตนเอง นี่เป็นคุณธรรมประการหนึ่งของบัณฑิต แม้ขัดสนแต่ดวงปัญญาไม่มืดมน
 
               ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าว่า จะถวายทานอันประณีตสักครั้งหนึ่ง จึงตัดสินใจนำลูกสาวของตนไปวางประกันแลกกับทรัพย์ได้ ๑๒ กหาปณะ  จากนั้นเขานำเงินไปซื้อแม่โคนมเพื่อนำน้ำนมมาประกอบอาหารอันประณีต แล้วได้น้อมนำเข้าไปถวายสลากภัตแด่พระภิกษุสงฆ์ ชายเข็ญใจเห็นพระสงฆ์รับไปฉันก็ปีติดีใจ ปลื้มใจว่า ภัตตาหารของตนนั้นได้ถวายไว้ดีแล้ว ในพระสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศของโลก จากนั้นก็ปรึกษากับภรรยาว่า จะเดินทางไปต่างเมือง เพื่อทำงานหีบอ้อย จะได้นำเงินมาไถ่ตัวลูกสาว
 
               ชายเข็ญใจใช้เวลาทำงานอยู่ถึงครึ่งปี จึงได้เงินครบ ๑๒ กหาปณะ และตั้งใจจะรีบนำเงินกลับมาไถ่ตัวลูกสาว ในระหว่างทางได้พบพระเถระรูปหนึ่งซึ่งกำลังจะเดินทางไปนมัสการพระเจดีย์ ได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระเถระ เมื่อเขารู้ว่าชีวิตนี้เกิดมาทำไม ทำอย่างไรจึงจะมีเสบียงติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ จะได้ไม่ต้องอัตคัดขัดสนเช่นชาตินี้ จึงคิดอยากสั่งสมบุญข้ามชาติทันที
 
               โชคดีมีคนเดินถืออาหารผ่านมา เขาจึงขอซื้ออาหาร เริ่มตั้งแต่เงินเพียง ๒ กหาปณะ ชายผู้นั้นก็ไม่ยอมขาย เขาเพิ่มเงินเป็น ๓ กหาปณะ เพิ่มขึ้นจนกระทั่งหมดเงินที่มี  ๑๒ กหาปณะ  เมื่อเงินไม่พอซื้ออาหารอันประณีตนั้น เขาบอกบุญชายหนุ่มผู้ถืออาหารว่า “ท่านผู้เจริญ กหาปณะของเราหมดแล้ว เราไม่ได้ซื้อเพื่อประโยชน์ตนเลย แต่ซื้อเพื่อไปถวายพระซึ่งท่านนั่งพักอยู่ที่โคนไม้โน่น ถ้าท่านขาย ท่านก็จะมีส่วนแห่งบุญในภัตตาหารนั้นด้วย” ชายผู้นั้นจึงยอมขายอาหารให้
 
               เมื่อชายเข็ญใจน้อมภัตตาหารไปถวายพระเถระ ท่านรับเพียงครึ่งเดียวเพื่อให้เขาได้รับประทานอาหารด้วย แต่เขากราบเรียนพระเถระว่าเขาต้องการบุญมากกว่า ขอให้พระเถระอนุเคราะห์เขาด้วย พระเถระจึงยอมรับอาหารทั้งหมดมาฉัน หลังจากนั้น ทั้งพระและชายเข็ญใจได้เดินทางไปพร้อมกัน พระเถระได้ไต่ถามความเป็นมา เขาจึงได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดถวายพระเถระ
 
               พระเถระฟังแล้วสลดใจว่า ชายเข็ญใจผู้ใจบุญท่านนี้ ได้ทำในสิ่งที่ทำได้ยาก จึงรู้สึกว่าตนเป็นหนี้ชายเข็ญใจ เมื่อแยกทางกันแล้ว พระเถระรีบเข้าไปพักที่มหาวิหารเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ด้วยความคิดว่า จะเป็นเนื้อนาบุญให้กับชายเข็ญใจ คืนนั้นจึงตั้งใจมั่นว่า “แม้เนื้อเลือดจะแห้งเหือดหายไป หากไม่บรรลุธรรมก็จะไม่ลุกจากที่เด็ดขาด” ตลอดทั้งคืน ท่านยังไม่สามารถทำใจให้หยุดนิ่งได้ รุ่งเช้าจึงไม่ยอมออกบิณฑบาต ท่านได้ทุ่มเทปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้
 
               ล่วงไปวันที่สองและวันที่สาม ใจของท่านค่อยๆ สงบไปตามลำดับจนกระทั่งลุถึงวันที่เจ็ด พระเถระทำใจหยุดใจนิ่งอย่างสมบูรณ์ ในที่สุดก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ท่านรู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้าเหลือเกิน จึงพิจารณาอายุสังขาร รู้ว่าจะไม่สามารถดำรงอัตภาพอยู่ได้ จึงได้เล่าเรื่องราวความเป็นมาของตัวท่านเองให้เหล่าพระภิกษุสงฆ์ฟัง พระเถระปรารถนาให้ชายเข็ญใจพ้นจากความทุกข์ยาก อีกทั้งอยากให้เขารู้ว่า เขาได้ทำบุญกับเนื้อนาบุญอันเลิศจริงๆ จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า ในการประชุมเพลิงของท่าน หากชายเข็ญใจไม่มาในงานนี้ ก็ขออย่าให้เพลิงลุกขึ้นได้
 
               เมื่อพระราชารู้ข่าวก็เสด็จมาร่วมประชุมเพลิง แต่ก็ไม่สามารถประชุมเพลิงได้ เมื่อรู้ว่าต้องรอชายเข็ญใจก่อน จึงรับสั่งให้เรียกหา เมื่อชายเข็ญใจเดินทางมาถึง พระราชาทรงมอบทรัพย์สมบัติมากมายให้ชายเข็ญใจนั้น หลังจากชายเข็ญใจได้เข้าไปกราบพระเถระด้วยความเลื่อมใสแล้ว สรีระของพระเถระได้ลอยขึ้นไปประดิษฐานบนเชิงตะกอน จากนั้นก็มีเปลวไฟลุกขึ้นมาเอง นำความปลื้มปีติ และอัศจรรย์ใจมาสู่ชายเข็ญใจ รวมทั้งพระราชาและมหาชนที่มาร่วมงานนั้นยิ่งนัก
 
               นี่เป็นตัวอย่างของพระสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า ในบรรดาสิ่งที่เดินด้วยเท้า พระสงฆ์ประเสริฐที่สุด ยิ่งหากทำบุญกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ มหัคคตกุศลอันจะนับจะประมาณมิได้ ก็ย่อมจะบังเกิดขึ้น ขอให้ตระหนักว่า ที่เราทำบุญกับพระสงฆ์นั้น ทำด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในความเป็นผู้มีศีล มีสมาธิ และปัญญาที่สามารถช่วยตน และหมู่สัตว์ให้หลุดพ้นจากทุกข์ในอบายภูมิ ไม่ใช่ทำเพราะความเมตตาสงสาร โสมนสฺสสหคตํ จิตฺตํ คือ จิตที่ประกอบด้วยความโสมนัส การทำด้วยความศรัทธา และการทำด้วยความเมตตาจึงแตกต่างกัน บุญที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างกันมาก ความบริสุทธิ์ของเนื้อนาบุญ คือ ทางมาแห่งบุญกุศล ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งเข้าสู่นิพพาน
 
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
มก. เล่ม ๓๓ หน้ ๒๔๙
 
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล