ก่อนแต่งงานกัน คู่รักควรเตรียมความพร้อมให้กับตนเองที่จะเป็นพ่อและแม่ของลูก เช่น พิจารณาว่า เรามีธรรมะในใจ และมีคุณสมบัติเพียงพอ ที่จะเป็นพ่อแม่แล้วหรือยัง เราประพฤติปฏิบัติตนพร้อมที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกแล้วหรือไม่ เป็นต้น ถ้าคำตอบของเราทั้งสองคนคือ ยังไม่มีความพร้อม เพราะเรายังนำพาตนเองไม่รอด ยังแก้ไขปัญหาของตนเองไม่ได้ ยังไม่สามารถเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่คนอื่นได้ ลูกที่จะเกิดมาในอนาคตก็จะมีปัญหา
เพราะฉะนั้น ควรมีการเตรียมตัวก่อนแต่งงาน เช่น ฝ่ายชายควรบวชก่อน ส่วนฝ่ายหญิงควรเข้าอบรม
ศึกษาธรรมะช่วงสั้นๆก่อน เป็นต้น ยกตัวอย่างการเข้าอบรมกิจกรรมดีๆ อย่า 5 ห้องชีวิต ซึ่งเป็นการฝึกนิสัยทั้งชายหญิงอีกทั้งยังเป็นพื้นฐานไว้สอนลูกได้ในอนาคตด้วยสถิติการหย่าร้างในประเทศไทยสูงมากขึ้นเรื่อยๆ มีการหย่าร้างของคู่แต่งงานมากถึง 35% ของคนที่จดทะเบียนกันทั้งหมด แล้วเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับปัญหาพ่อแม่ทะเลาะกันนั้นมักจะมีนิสัยก้าวร้าวและมีทัศนคติเชิงลบการแก้ไขปัญหาครอบครัว แยกออกเป็น 2 ประเด็นใหญ่ๆ คือ เราควรจัดการความขัดแย้งภายในครอบครัวอย่างไร และ เราควรปรับตัวหลังจากเกิดปัญหาการหย่าร้างอย่างไร
เริ่มจากการแก้ไขปัญหาครอบครัวประเด็นที่ 1 คือ การจัดการความขัดแย้งภายในครอบครัวโดยเราควรมองภาพรวมก่อนว่า ความขัดแย้งภายในครอบครัวส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะอะไร สาเหตุของความขัดแย้งภายในครอบครัวประการแรก คือ นิสัยและความเคยชิน เวลาที่เราคบหาดูใจกันใหม่ๆ เราและเขามักจะเก็บข้อบกพร่องของตนเองไว้และดูแลเอาใจใส่ อีกฝ่ายสารพัดโดยเฉพาะฝ่ายชาย แต่พอแต่งงานอยู่กินกันไปแล้ว นิสัยจริงของทั้งสองฝ่ายจะค่อยๆถูกเผยออกมาจนหมด จนพบว่าเราอยู่ด้วยกันไม่ได้
ความจริงพอแต่งงานกันไปแล้ว นิสัยส่วนตัวะต้องหารกันคนละครึ่ง คือส่วนหนึ่งเป็นส่วนของเรา อีกส่วนหนึ่งเราต้องยกให้อีกฝ่าย ถ้าแบ่งกันคนละครึ่งแล้วเราจะพบว่า ชีวิตเรายังไม่เสียความเป็นส่วนตัวไปทั้งหมด เรายังเหลือพื้นที่ส่วนตัวอยู่อีกครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งเรามอบให้คู่ชีวิตและครอบครัวไป เพราะฉะนั้นในการใช้ชีวิตคู่ เราจำเป็นจะต้องถอดตนเองลงครึ่งหนึ่งเพื่อหาจุดที่พอดีร่วมกัน ที่สำคัญควรมีกติกาใหม่ของคู่แต่งงาน
-----------------------------------------------------------------------------------------
" หนังสือ Secret of Love รักลูกอย่างไรไม่ให้เสียน้ำตา "
โดย พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ