วิธีการเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน

วันที่ 30 สค. พ.ศ.2559

วิธีการเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน

      วิธีการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวคือ การปฏิบัติตามหลักมรรคมีองค์ 8 เมื่อบุคคลปฏิบัติตามหลักนี้ย่อมทำให้กิเลสอาสวะคือ โลภะ โทสะ โมหะ ที่ห่อหุ้มจิตอยู่เบาบางไปเรื่อยๆ เมื่อกิเลสเบาบางไปแล้วก็จะได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวในที่สุด และพระรัตนตรัยนี้แหละที่จะทำหน้าที่ละกิเลสอย่างละเอียดให้หมดสิ้นไปได้

     ถามว่า การปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 นั้นต้องทำอย่างไร  วิธีการที่ลัดที่สุดคือ การเจริญภาวนานั่นเองดังพุทธดำรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุหมั่นเจริญภาวนา แม้จะไม่พึงเกิดความปรารถนาอย่างนี้ว่า 'โอหนอ ขอจิตของเราพึงหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น' ก็จริง แต่จิตของภิกษุนั้น ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ข้อนั้นเพราะเหตุไร พึงกล่าวได้ว่า เพราะเจริญสติปัฏฐาน 4 ฯลฯ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8"

       สติปัฏฐาน 4 คือสัมมาสติในอริยมรรคมีองค์ 8

       จากพุทธดำรัสนี้จะเห็นว่า การเจริญภาวนา ก็คือ การได้ปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ 8 นั่นเอง

     อีกนัยหนึ่ง การเจริญภาวนาคืออะไร การเจริญภาวนาก็คือ การทำสมาธิ ดังในอรรถกถาที่ว่า "ธรรมชาติใด อันพระโยคีบุคคลอบรมอยู่ เจริญอยู่ ฉะนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า ภาวนา, ภาวนาคือสมาธิชื่อว่าสมาธิภาวนา"

      สมาธิในที่นี้ คือสัมมาสมาธิในอริยมรรคมีองค์ 8 จึงกล่าวได้ว่าเมื่อปฏิบัติสัมมาสมาธิแล้ว ก็เท่ากับได้ปฏิบัติมรรคองค์อื่น ๆ ไปด้วยสัมมาสมาธิจึงเป็นศูนย์กลางขององค์มรรคทั้งปวง ดังพระดำรัสที่ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็ 'สัมมาสมาธิ' ที่เป็นอริยะอันมีเหตุ มีองค์ประกอบคือสัมมาทิฏฐิสัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งประกอบแล้วด้วยองค์ 7 เหล่านี้แล เรียกว่าสัมมาสมาธิที่เป็นอริยะ อันมีเหตุบ้าง มีองค์ประกอบบ้าง"

     พระดำรัสนี้ขยายความได้ว่า องค์มรรคทั้ง 7 ตั้งแต่สัมมาทิฏฐิสัมมาสติ จะเป็นองค์ประกอบของสัมมาสมาธิ เมื่อปฏิบัติสัมมาสมาธิก็เท่ากับได้ปฏิบัติมรรคอีก 7 องค์ที่เหลือไปด้วย กล่าวคือ เมื่อจิตเป็นสมาธิเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้มีสัมมาทิฏฐิเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีสัมมาสังกัปปะเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีสัมมาวาจาเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีสัมมากัมมันตะเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีสัมมาอาชีวะเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีสัมมาวายามะเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีสัมมา ติเพิ่มขึ้นด้วย เมื่อปฏิบัติสัมมาสมาธิมากเข้า ๆ จะทำให้จิตบริสุทธิ์จากกิเลสยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนบริสุทธิ์หลุดพ้นในที่สุด

    หลวงปู่วัดปากน้ำสอนไว้ว่า ในเวลาทำสมาธินั้นให้เรานำใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 อย่างสบาย ๆ และต่อเนื่อง จนถูกส่วนก็จะตกศูนย์คือ ใจหยุด เมื่อตกศูนย์แล้วก็จะเข้าถึง "ดวงปฐมมรรค" เป็นดวงธรรมเบื้องต้นที่จะนำไปสู่การบรรลุมรรคผลนิพพาน เมื่อเข้าถึงดวงปฐมมรรคแล้วก็หยุดใจไว้ในกลางดวงปฐมมรรคนั้นอย่างสบาย ๆ และต่อเนื่อง จนถูกส่วนก็จะเข้าถึงดวงธรรมอื่น ๆ อีก 5 ดวงคือดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ รวมทั้งหมดเป็น 6 ดวง จากนั้นก็เอาใจหยุดนิ่งไว้กลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะนั้น พอถูกส่วนก็จะเข้าถึง "กายมนุษย์ละเอียด" หรือกายฝัน

    ขั้นต่อไปก็เจริญสมาธิภาวนาด้วยเอาใจหยุดนิ่งไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ของกายมนุษย์ละเอียดพอถูกส่วนก็จะเข้าถึงดวงธรรม 6 ดวงดังกล่าวคือ ดวงปฐมมรรค ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติดวงวิมุตติญาณทัสสนะ จากนั้นก็เอาใจหยุดนิ่งไว้กลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะนั้น พอถูกส่วนก็จะเข้าถึง "กายทิพย์หยาบ"

      ขั้นต่อไปก็เจริญสมาธิภาวนาด้วยเอาใจหยุดนิ่งไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ของกายทิพย์หยาบ พอถูกส่วนก็จะเข้าถึงดวงธรรม 6 ดวงเช่นกัน แล้วก็จะเข้าถึงกายทิพย์ละเอียด ... กายรูปพรหมหยาบ...กายรูปพรหมละเอียด... กายอรูปพรหมหยาบ... กายอรูปพรหมละเอียด ... ธรรมกายโคตรภูหยาบ ...ธรรมกายโคตรภูละเอียด... ธรรมกาย กทาคามีหยาบ... ธรรมกายสกทาคามีละเอียด... ธรรมกายอนาคามีหยาบ... ธรรมกายอนาคามีละเอียด... ธรรมกายอรหัตหยาบ... ธรรมกายอรหัตละเอียด ในแต่ละกายเหล่านี้จะมี ดวงธรรม 6 ดวงคั่นอยู่เป็นชั้น ๆ ตามลำดับคือดวงปฐมมรรค ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ

    เมื่อเข้าถึงพระธรรมกายแล้วก็ได้ชื่อว่าเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว เพราะพระธรรมกายเป็นบ่อเกิดแห่งรัตนะทั้งหลายดังได้กล่าวแล้วว่า

     พุทธรัตนะ คือ ธรรมกายหยาบ

     ธรรมรัตนะ คือ ดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกายหยาบอยู่ ณ ศูนย์กลางธรรมกายนั้น

     สังฆรัตนะ คือ ธรรมกายละเอียดที่อยู่อยู่ที่ศูนย์กลางธรรมรัตนะนั้น

     พระรัตนตรัยนั้นมีหลายระดับตั้งแต่ธรรมกายโคตรภูจนถึงธรรมกายอรหัต

    ตลอดเส้นทางของการปฏิบัติสัมมาสมาธิเพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องทำมีเพียงอย่างเดียวคือ การหยุดใจอย่างสบาย ๆ และต่อเนื่องไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เมื่อหยุดใจได้ถูกส่วนแล้ว ใจก็จะเคลื่อนเข้าไปภายในเรื่อย ๆ จนเข้าถึงพระธรรมกายในที่สุด

    แต่การที่ใครจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นพระอริยสงฆ์หรือพระอริยบุคคลระดับต่าง ๆ ได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับบารมีที่สั่งสมมา หากมีบารมีเพียงพอก็สามารถจะบรรลุเป็นพระอริยบุคคลในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปได้ ถ้าบารมียังไม่มากพออย่างน้อย ๆ ก็จะได้เป็นโคตรภูบุคคล คือเข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมกายโคตรภูได้ ซึ่งหลวงปู่วัดปากน้ำยืนยันอยู่เสมอว่า หากเอาจริงคือตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจังแล้วจะเข้าถึงได้ทุกคน

   ดวงปฐมมรรค แปลว่า หนทางเบื้องต้นมรรคผลนิพพาน คำว่า "ปฐมมรรค" เป็นคำที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์โบราณทางพระพุทธศาสนาชื่อ "คัมภีร์มูลกัจจาย"ส่วนในพระไตรปิฎกเรียกดวงปฐมมรรคว่าธัมมานุปัสสนา สติปัฏฐาน หรือ เอกายนมรรค แปลว่า ทางเอกสายเดียว คือ เป็นทางสายเดียวที่จะนำไปสุ๋มรรคผลนิพพานส่วนทางอื่นไม่อาจไปสู่มรรคผลนิพพานได้

    ดวงปฐมมรรคนี้เกิดขึ้นจาก "การประชุมพร้อมกันของมรรคมีองค์ 8 หรือ เรียกว่ามรรค มังคี"ผู้ที่ทำให้มรรคทั้ง 8 องค์รวมกันเป็นหนึ่งเรียกว่า "บุคคลผู้พรั่งพร้อมมรรคสมังคี" หรือ หากเป็นผู้ที่เข้าถึงมรรคศมังคีในระดับโลกุตระก็จะเรียกว่า "อริยมรรค มังคีบุคคล"

    ขนาดดวงปฐมมรรคของแต่ละคนจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับบารมี กล่าวคือ อย่างเล็กจะมีขนาดเท่ากับดวงดาวที่เราเห็นอยู่บนท้องฟ้า อย่างกลางจะมีขนาดเท่าดวงจันทร์ และอย่างใหญ่จะมีขนาดเท่าดวงอาทิตย์ ที่บอกว่าขนาดเท่าดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์นั้น เป็นขนาดตามที่เรามองเห็นจากโลกไม่ใช่เป็นขนาดจริง ๆ ของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ดวงปฐมมรรคนี้ใสบริสุทธิ์เหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้าส่วนขนาดของดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ และดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ก็มีขนาดเท่า ๆ กับดวงปฐมมรรค

 


หนังสือ GB 101 ความรู้พื้นฐานทางพระพุทธศาสนา
กลุ่มวิชาความรู้ทั่วไปทางพระพุทธศาสนา

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.025588703155518 Mins