ไม่ได้หมดตัว..แต่ตั้งตัวได้เพราะมาวัดนี้
เสียงย่ำระฆังกังวานขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณแจ้งว่า เราสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรผ่านไปอีก 5 รอบแล้ววันนี้เป็นวันพระใหญ่ เราจะสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรกันให้ได้ 11,111,111 จบ หลายคนมาปักหลักสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรกันได้นานนับเดือนแล้วบางคนก็ไป ๆ กลับ ๆ คือ เลิกงานตอนเย็นรีบเข้าวัดมาสวดมนต์ พอรุ่งเช้าก็อาบน้ำอาบท่าแต่เช้าตรู่แล้วออกไปทำงาน
หลายคนอุ้มลูกน้อย ๆ มาสวดมนต์ด้วยมากันทั้งพ่อแม่ทั้งลูก ยกมาทั้งครอบครัวข้าพเจ้า เคยเข้าไปนั่งสนทนาและสอบถาม..
หอบลูกน้อยมาอย่างนี้ไม่ลำบากเหรอ ?
“ไม่ลำบากเลย มีแต่ความสุขด้วยซ้ำ ลูกหลับปุ๋ย เขามีบุญกว่าเรา ได้ฟังเสียงสวดมนต์ตั้งแต่เล็ก ๆดีด้วยนะ แบบว่า เราไม่ต้องกล่อม เพราะเสียงสวดมนต์ของคนเป็นหมื่นมากล่อมให้ แปลก..ฟังเสียงสวดมนต์แล้วไม่งอแง เขาเข้าวัดตั้งแต่อยู่ในท้อง วัดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต”
พี่เข้าวัดมาไม่กลัวหมดเนื้อหมดตัวเหรอ ?
“เฮ้อ..เอาอะไรมาพูดน้อง ใครเป็นยังไงไม่รู้นะพี่ไม่ฟังใคร พี่เชื่อตามที่พี่เห็นเองสิ่งที่พี่เห็นก็มีแต่คนที่เขาสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ก็เพราะวัด ยกตัวอย่าง ถ้าพ่อบ้านกินเหล้า ภรรยานั่งเล่นไพ่ น้องลองคิดดูว่า ชีวิตเขาจะเป็นยังไง มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะน้อง”
น้องรู้มั้ย..บางคนที่พี่รู้จักเนี่ยะ อดีตขี้เมาชนิดเดินกลับบ้านไม่ถูกสักวันก็มี แต่เขามาเปลี่ยนได้ก็เพราะโครงการบวชของหลวงพ่อ ทีนี้มีผู้นำบุญสงสารก็เลยเข้าไปชวนบวช ชนิดวันที่มาสมัครบวช แทบจะหิ้วปีกกันมาเลย พอบวชแล้ว เปลี่ยนเป็นคนละคน
พี่ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เล่าเสริมขึ้นมาว่า..
"มาถามพี่นี่น้อง แต่ก่อนรายได้ไม่คุ้มตัว ทำงานเป็นลูกจ้างเขา บ้านก็เช่า ข้าวซื้อ แล้วเรื่องความเสเพลของชีวิตนะ ศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา นั่นแหละ คือ นิยามการใช้ชีวิตเลย แต่มาเปลี่ยนได้ก็เพราะหลวงพ่อนี่แหละ..แต่ก่อนเพื่อนชวนมาวัด คิดยังไงรู้ไหม ขออภัยที่ต้องใช้คำในตอนนั้นว่า กูไม่ไปหรอกวัดคนรวย แต่ต่อไปต่อมาวัดก็มีข่าวดังเรื่อย ๆ ไง ก็เลยลองมาดูหน่อยสิ มันเป็นยังไง
"พอมาวัดนะน้อง ไม่ได้ตั้งใจมาทำบุญมาจับผิด แล้วสรุปว่าไงรู้ไหม พี่ได้ข้อสรุปอย่างนี้ วัดนี้ไม่ใช่วัดคนรวยนะ แต่เป็นวัดเพื่อคนจน ถ้าพี่พูดอะไรผิดถือว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ วัดนี้เป็นวัดเพื่อคนจนจริง ๆ ทำไมรู้มั้ยน้อง..ไม่มีตังค์ก็มาวัดได้ มีรถบริการฟรี ข้าววัดก็กินฟรี น้ำก็ฟรี คือ มาวัดไม่ได้แค่ให้เรารู้สึกว่า มาทำบุญอ่ะ มาวัดคือมาเพื่อเอาบุญ มาสวดมนต์ มานั่งสมาธิ มาฟังธรรม แล้วก็สอนอย่างจริง ๆ จัง ๆ ชนิดแทงใจดำเลย
"หลวงพ่อสอนทีนี้มันบาดลึกเข้าไปถึงกิเลสในตัว มันตรงดี จากนั้นพี่ก็ยังไม่ทำบุญนะ แต่มาเพราะลึก ๆแล้วเริ่มสนใจ นั่งรถฟรี กินฟรี ไม่ลำบากนี่ ไม่เสียอะไร แต่สิ่งที่ได้คือ พี่เริ่มคิดได้ เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เลิกเที่ยว ทั้งที่ทำงานที่เดิม เงินเดือนเท่าเดิม แต่เงินพี่เหลือ พอมาวัดบ่อย ๆ เพื่อนที่มันชอบชวนไปกินเหล้าก็ห่าง ๆ ไปโดยปริยาย อะไรต่าง ๆ มันดีขึ้น ก็เลยเริ่มทำบุญล่ะ กินข้าวหลวงพ่อฟรีมาเยอะล่ะ ถือว่าใช้หนี้สงฆ์ ก่อนกลับบ้านก็เอาเหรียญหยอดตู้ ไม่ใช่เหรียญสิบด้วยน้อง เหรียญบาท อาทิตย์ละบาทสองบาท เพิ่มมากขึ้นเป็นเหรียญสิบ แบงค์ 20 มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แล้วมันก็แปลก เจ้านายก็รักเรามากขึ้น ต่อมาเงินเดือนก็ขึ้น ตำแหน่งก็ขึ้น จนตอนนี้พี่ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใครล่ะ มีบ้าน มีรถยนต์ มีกิจการเป็นของตัวเอง น้องก็คิดดูแล้วกัน แล้วอย่างนี้จะให้เชื่อเหรอว่ามาวัดแล้วหมดเนื้อหมดตัว คนพูดน่ะเลอะเทอะมากกว่า ไม่ใช่ศิษย์ที่ทำตามที่หลวงพ่อสอน มีแต่มาวัดแล้วตั้งเนื้อตั้งตัวได้ เขาก็เลยมากัน เอาลูกเอาหลานมาให้หลวงพ่อสอน"
แล้วพี่ไม่กลัวเขาว่า เอาลูกตัวเองมาเป็นโล่ให้หลวงพ่อเหรอ..?
“น้องเอ๊ย..พี่ว่ามันมโนกันไปเอง ถ้าไม่เลวจริงคิดไม่ได้นะอย่างนั้นน่ะ เอาลูกเอาหลานเข้าวัด มาสวดมนต์ มาฟังพระสวด มาเห็นผ้าเหลือง เห็นคนสวมชุดขาวนั่งสมาธิ ซึมซับแต่อะไรที่ดี ๆ เข้าไปในความทรงจำเขา จริง ๆ แล้วทุกวันนี้ พวกเราเอาหลวงพ่อเป็นโล่ให้ต่างหาก ไม่ใช่เราที่เป็นโล่ให้หลวงพ่อ สิ่งที่หลวงพ่อได้สอนพวกเรา พาพวกเราทำ มันเป็นโล่ป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาทำร้ายลูกหลานเรา และที่เราได้ดิบได้ดีไม่เป็นสวะสังคมทุกวันนี้มันก็เพราะหลวงพ่อ ดังนั้นพี่และครอบครัวไม่ได้เป็นโล่ให้หลวงพ่อ แต่เรามาเป็นลูกที่ดีของหลวงพ่อ ตอนนี้หลวงพ่อไม่สบาย เหมือนถ้าพ่อแม่เจ็บไข้ไม่สบาย ลูกก็ต้องมาอยู่ใกล้ ๆ จำไว้นะน้อง พี่ไม่ได้มาเป็นโล่ แต่พี่มาเป็นลูก มาทำหน้าที่ลูก มาสวดมนต์ มานั่งสมาธิ มาเอาบุญให้หลวงพ่อชื่นใจ พ่อที่สอนเรา อบรมเรา จนเราสามารถตั้งเนื้อตั้งตัวได้มันผิดตรงไหน ไปน้องไปสวดมนต์กันต่อดีกว่า คุยมากเดี๋ยวใจหมอง วันนี้ต้อง 11,111,111 จบ ชิตัง เม!”
Cr : การบูร เจได
dhamma-media.blogspot.com