ผู้นำแห่งความสุข
ทุกคนตระหนักดีว่า “กำลังใจ” คือสิ่งสำคัญ แต่จะทำอย่างไรให้เราเป็นคนที่เข้มแข็งไม่ท้อถอยง่าย ๆ และมีกำลังใจมากมายไม่สิ้นสุด
เราคงเคยได้ฟังคำแนะนำในประเด็นนี้มาพอสมควร คราวนี้มาดูภาพรวมกันว่าเราต้องทำอย่างไรบ้างให้เกิดกำลังใจ และตรวจสอบตัวเองว่า ที่เรารู้สึกว่ายังขาดกำลังใจอยู่นั้นเพราะยังขาดอะไรอีก ควรจะเสริมประเด็นไหนให้กำลังใจเราสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
สร้างกำลังใจให้ตนเอง
การสร้างกำลังใจให้ตนเองนั้นอาศัยหลักความจริงเรื่อง “มรรคมีองค์ 8” ถ้าฝึกตัวเองตามหลักมรรคมีองค์แปดแล้วกำลังใจของเราก็จะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ มรรคมีองค์ 8 ประกอบ ไปด้วย
สัมมาทิฐิ
สัมมาทิฐิ คือมีปัญญาเห็นชอบ มีความเห็นถูก ได้แก่ ใครก็ตามที่ปลูกฝังความเห็นถูกให้เกิดขึ้นในตัวเอง โดยมีความเชื่อมั่นเรื่องกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ก็มักจะมีกำลังใจเวลาเจอกับอุปสรรคหนัก ๆ ก็ไม่ท้อแท้ เพราะรู้ว่าเป็นวิบากกรรมที่เราเคยทำไว้ในอดีต ถือว่าตอนนี้เราได้ชดใช้หนี้กรรมเก่าหนี้ก็ลดไปส่วนหนึ่งแล้ว แล้วทำอย่างไรเราจะสร้างต้นทุนใหม่ ทุ่มเททำความดีให้มากขึ้นไปอีก เพื่อความดีที่เราทำจะได้ไป
เจือจางวิบากกรรมเก่าให้อ่อนกำลังลง พอถึงคราวมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นมาในชีวิตเราก็จะไม่หลงระเริงเกินไป มีสติแล้วทำความดีได้อย่างต่อเนื่อง
คนที่มีสัมมาทิฐิ คือคนที่มีความกตัญญ และระลึกถึงพระคุณพ่อแม่ ก็มักจะมีกำลังใจ ไม่ทำอะไรที่ไม่ดีเพราะกลัวว่าพ่อแม่จะเสียใจ พอถึงคราวจะทำอะไรดี ๆ ก็จะตั้งใจทำ เพราะอยากให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ
คนที่มีสัมมาทิฐิ จะมีบุคคลต้นแบบอยู่ในใจ คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แบบ ส่งให้เรามีพลังขับเคลื่อนตัวเองไปสู่ความเป็นต้นแบบนั้น ทำให้เรามีหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือ “สัมมาทิฐิ” ความเห็นถูก
สัมมาสังกัปปะ
สัมมาสังกัปปะ คือดำริชอบ ความคิดถูก คิดเชิงบวกเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งที่จะดึงให้เราคิดลบได้นั้นเกิดจาก 3 เรื่อง ได้แก่
(1) “คิดหมกมุ่นในกาม” มัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องกามารมณ์
(2) “คิดพยาบาทปองร้าย” คิดร้ายเขา อยากจะฆ่าเขาให้ตาย อยากจะแก้แค้นเขาให้หนำใจ
(3) “คิดเบียดเบียน” มีความคิดลบเกิดขึ้นในใจ ไม่ชอบเขา จึงคิดอยากให้เขาย่ำแย่ คิดแต่จะกลั่นแกล้งเขา อยากให้เขาตกต่ำไปกว่าที่เขาเคยเป็นอยู่
ความคิดเหล่านี้ เพียงเริ่มต้นคิดเราก็จะสัมผัสได้ทันทีว่า คุณภาพใจของเราตกต่ำลง แต่ถ้าเราเลี่ยงความคิดลบทั้ง 3 ข้อนี้ได้ เราก็จะคิดออกจากกาม คิดไม่พยาบาท และคิดไม่เบียดเบียน นี่เองจะเป็นพลังเกื้อหนุนให้ความคิดเชิงบวก และความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นมา พลังใจเราจะเพิ่มพูนขึ้นมาทันที แล้วเกิดความเชื่อมั่นในตัวเองว่า “เราทำได้”
สัมมาวาจา
สัมมาวาจา คือเจรจาชอบ พอเราพูดเป็นและคิดบวกก็จะเกิดกำลังใจ แต่ถ้าเราคิดลบก็บั่นทอนคุณภาพใจของตัวเอง
คำพูดติดลบที่บั่นทอนกำลังใจตัวเอง คือพูดเรื่องไม่จริง พูดคำหยาบ พูดส่อเสียดยุยงให้เขาทะเลาะกัน พูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไร้สาระ และอวดโอ่ตัวเอง เป็นต้น ถ้าพูดอย่างนี้เมื่อใดคุณภาพใจก็ตกต่ำ
โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ที่มีสื่อใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น สื่อออนไลน์ ที่พอพูดหรือพิมพ์ออกไปแล้วคนฟังคนอ่านไม่เห็นตัวผู้พูดทำให้ขาดความยับยั้งชั่งใจ
จริง ๆ แล้วเมื่อใดที่เราใช้คำหยาบคุณภาพใจเราก็จะตกต่ำทันที เพราะฉะนั้น เราจึงควรหลีกเลี่ยงคำพูดติดลบ บั่นทอนกำลังใจไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ให้พูดแต่สัมมาวาจา เจรจาชอบเท่านั้น
สัมมากัมมันตะ
สัมมากัมมันตะ คือทำการงานชอบ มีความประพฤติดีงาม ได้แก่ “ไม่ทำผิดศีล” คือไม่รังแกเขา ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต “ไม่ลักขโมยเขา” ไม่ยักยอกทรัพย์ของเขา และ “ไม่ประพฤติผิดในกาม”
ถ้าเราเผลอทำผิดศีล เช่น ไปลักขโมยเขา หรือประพฤติผิดในกามเมื่อใด ก็เหมือนมีรอยแผลฝังอยู่ในใจ กลายเป็นวัวสันหลังหวะ แค่อีกาบินผ่านก็เสียวสันหลังวูบ ความอาจหาญ ความเชื่อมั่นและกำลังใจในตัวเองจะตกต่ำลงทันที แต่ถ้าเราทำการงานชอบไม่ว่าจะไปที่ไหนก็แกล้วกล้าอาจหาญในที่ประชุมชน กำลังใจและความเชื่อมั่นก็เกิดขึ้นตามมา
สัมมาอาชีวะ
สัมมาอาชีวะ คือเลี้ยงชีพชอบ มีอาชีพการงานที่สุจริต เป็นรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตตัวเองที่ได้มาด้วยความถูกต้องชอบธรรมจึงเกิดความอาจหาญและเกิดกำลังใจ
แม้เราจะไม่ได้ร่ำรวยมากมาย แต่ทุกอย่างหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง จึงเกิดความเชื่อมั่นและความภูมิใจ แต่ถ้าเมื่อใดที่เราเลี้ยงชีพในทางที่ผิด ใจเราจะต้องคอยระแวงทรัพย์ที่หามาได้ เพราะมันได้มาโดยไม่ชอบ กลัวว่าเขาจะมาเอากลับไปเมื่อใดก็ไม่รู้ ความเชื่อมั่นและกำลังใจถูกบั่นทอนไป
สัมมาวายามะ
สัมมาวายามะ คือความเพียรชอบ มีความวิริยะอุตสาหะ ถ้าเราไม่ขยันวัน ๆ เอาแต่เดินเล่นนอนเล่นสนุกสนานเฮฮาไปเรื่อย ๆ ความเชื่อมั่นและกำลังใจก็ไม่เกิด แต่ถ้าใครได้คิดแล้วลงมือทำทันที ความสำเร็จที่เกิดจากงานแม้เพียงเล็กน้อย เสริมสร้างความภูมิใจ ความมั่นใจ และกำลังใจให้เกิดกับเรา
สัมมาสติ
สัมมาสติ คือมีสติชอบ ไม่เป็นคนฟุ้งฝันฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อย ชั่วโมงหนึ่งคิดได้เป็นสิบเรื่อง หรือว่ามัวแต่ฝันถึงอนาคตโดยขาดการลงมือทำ สุดท้ายอยู่แต่ในโลกแห่งความฝัน และไม่กล้าออกมาผจญโลกแห่งความเป็นจริง แต่คนใดมีสติอยู่กับเนื้อกับตัว จะหยิบจับทำอะไรก็มีสติจดจ่อ อย่างนี้ความมั่นใจและกำลังใจ
ก็เกิดเพิ่มพูนขึ้น
สัมมาสมาธิ
สัมมาสมาธิ คือมีสมาธิชอบ ไม่ว่าจะทำอะไรเราต้องมีใจจดจ่อแน่วแน่ ไม่เป็นคนจับจด เพราะความสำเร็จของงานจะไม่เกิด กำลังใจและความเชื่อมั่นก็ไม่เกิดตามมา
ถ้าเรามีสมาธิจดจ่อในสิ่งที่ทำ นั่งสมาธิก็ตั้งใจจริง ทำการงานก็มีสมาธิในงาน จะทำอะไรก็ตามมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งนั้น อย่างนี้เหมือนกับการเอาแว่นขยายไปรวมแสงเป็นจุดเดียว พลังจะเพิ่มทับทวีคูณ
ใจคนเราก็เหมือนกัน ถ้าปล่อยให้ฟุ้งพลังมันก็กระจายหายไปหมด แต่เมื่อใดที่เรามุ่งจุดสนใจไปที่จุดเดียว และมีสมาธิตั้งมั่นพลังใจจะเกิดขึ้นอย่างมหาศาล ดังนั้น คนฉลาดที่ต้องการสร้างกำลังใจจะต้องรู้จักการทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอด้วย
ผลของการขาดกำลังใจ
ยกตัวอย่างเรื่องราวผลของการ “มีกำลังใจ” กับ “ขาดกำลังใจ” และการถูกความกลัวเข้าครอบงำ ว่า เกิดผลกับชีวิตมนุษย์มากน้อยเพียงใด
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ) ท่านเล่าให้ฟังว่า ที่น้ำตกสาลิกา จังหวัดนครนายก เป็นน้ำตกที่มีความสูง ราว 80 เมตร ทางฝั่งซ้ายมือมีช่องทางเดินให้คนค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปได้ไม่อันตรายมากนัก มีความลาดชันบ้าง แต่ก็มีแง่งหินและต้นไม้ที่งอกออกมาตามหน้าผาให้เราจับเพื่อไต่ไปได้
เมื่อเดินอยู่ข้างล่างพอมองขึ้นไปเห็นว่าทางขวามือนั้น ปีนขึ้นไปได้ คนหนึ่งในทีมก็เลยแยกตัวออกไปไต่เขาขึ้นทางด้านขวาของน้ำตก คนที่อยู่ข้างล่างก็คอยลุ้น พอเขาไต่ไปได้ 70 เมตร เหลืออีก 10 เมตรก็จะถึงที่หมายแล้ว เผอิญเจอต้นไม้ใหญ่งอกออกมาจากหน้าผาจึงอาศัยเป็นที่หยุดพัก
พอนั่งพักเขาก็เหลียวมองลงไปข้างล่าง เห็นหน้าผาชัน เกือบตั้งฉากสูงพอ ๆ กับตึก 20 ชั้น รู้สึกใจหวิวหมดแรงปืนต่อไปไม่ไหว กอดต้นไม้ไว้แน่นแล้วร้องตะโกน “ช่วยด้วย ๆ”
คนข้างล่างก็ตกใจแต่ว่าขึ้นไปช่วยไม่ได้ง่าย ๆ ต้องไปหาเชือกมาแล้วไต่ขึ้นทางหน้าผาฝั่งซ้ายมือของน้ำตกที่เป็นทางขึ้นปกติ พอไปถึงข้างบนแล้วค่อย ๆ ใช้เชือกโรยตัวลงมา ซึ่งกว่าจะขึ้นไปช่วยได้นั้นใช้เวลานานพอสมควร ปรากฏว่า คนคนนั้นแน่นิ่งไปแล้ว
พอช่วยเขาลงมาได้แล้วส่งโรงพยาบาลสุดท้ายปรากฏว่า เขาตายเพราะความกลัวบีบคั้น ซึ่งถ้าก่อนหน้านี้เขาไม่แวะพักที่ต้นไม้ใหญ่ มองไปข้างบนแล้วปืนต่อไปเรื่อย ๆ อีกแค่ 10 เมตร ก็จะถึงที่หมายแล้ว แต่พอเขามองลงไปข้างล่างเท่านั้นเองความกลัวก็เกิดขึ้น กำลังใจหดหายไป แรงจะก้าวขาออกไปสักก้าวหนึ่งยังไม่มี
ระหว่างที่รอคนมาช่วยก็นั่งกอดกิ่งไม้นิ่งอยู่ ความกลัวครอบงำตลอดเวลาว่า “ถ้าตกลงไปต้องตายแน่ ๆ” ระบบการทำงานในร่างกายรวนไปหมด หัวใจ เลือด ระบบประสาทรวนหมด ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมง พอคนมาช่วยเขาก็ตายเสียแล้ว
เพราะฉะนั้น ในชีวิตจริง กำลังใจมีความสำคัญต่อคนเรามาก ถ้ามีความมุ่งมั่นและเชื่อมั่นเราก็จะพบว่า ตัวเองสามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่เรายังคาดไม่ถึงเลยว่าเราทำได้ ขอเพียงมีความเชื่อมั่นและมีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงเท่านั้น
ถ้าเมื่อใดที่เราขาดกำลังใจ แล้วปล่อยให้ความกลัวเข้าครอบงำ อย่าว่าแต่จะไปทำอะไรอย่างอื่นเลย แค่จะก้าวขาออกไปสักก้าวหนึ่งยังไม่กล้า แค่จะประคองชีวิตให้อยู่รอดต่อไปยังไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้น กำลังใจคือพลังขับเคลื่อนสำคัญ ที่ทำให้ชีวิตเราก้าวไปสู่ความสุขและความสำเร็จ ขอให้ทุกคนดำเนินชีวิตตาม “มรรคมีองค์ 8 ” แล้วกำลังใจที่นำมาซึ่งความสำเร็จจะเป็นของเราทุกคน
จากหนังสือ เนรมิตจิตใจ
โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑโฒ)