อย่าปล่อยให้  เวลาหายไป

วันที่ 14 สค. พ.ศ.2563

อย่าปล่อยให้  เวลาหายไป

                 เคยไหมที่พบว่าวันเวลาหมดไปรวดเร็วจนรู้สึกว่า ในหนึ่งวันมีเวลาไม่มากพอกับงานที่ต้องทำทั้งๆ ที่ได้บริหารและจัดสรรเวลาไว้อย่างดีแล้ว นั่นคือ

“หลุมพรางของการบริหารเวลา”

19916-01.jpg

             ถ้าอยากจะบริหารเวลาให้ได้ผลไม่ตกหลุมพราง

             สามารถปฏิบัติตามหลัก 2 ข้อง่ายๆ ดังนี้

1. ลงมือทำ

              คนส่วนใหญ่มักจะหมดเวลากับการจดๆ จ้องๆ ตั้งท่าว่าจะทำๆ แต่ว่าไม่ลงมือทำสักที สมัยเรียนบางคนดั้งใจไว้ว่า พอเปิดเทอมแล้วจะดูหนังสือทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมง วางแผนอย่างดี เสาร์อาทิตย์ดูวันละ 5 ชั่วโมง รวมแล้วเป็น 25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เราต้องเรียนหนังสือได้ดีแน่ ๆ แต่ปรากฏว่าพอเปิดเทอม ก็เฉไฉไม่ทำตามแผน กลายเป็นว่าอีกไม่กี่วันจะสอบ จึงได้มาเร่งดูหนังสือ

              พอสอบเสร็จก็ได้คะแนนไม่ค่อยดี แล้วก็มาคิดอีกว่า เออ..เดี๋ยวเทอมหน้าจะเอาให้ดี เสร็จแล้วมันก็ยังไม่ค่อยจะดีสักที เพราะมัวแต่จดๆ จ้องๆ คิดจะทำ แต่โอ้เอ้ไม่ทำจริงสักที ซึ่งมันมีหลายเหตุผล ใจหนึ่งก็รู้สึกว่า มันยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ ทำไมต้องดูตอนนี้ รู้สึกว่ายังไม่ถูกบีบคั้นจริงๆ เฝ้าแต่รอเลยไม่ได้เรื่องสักที

              ดังนั้น เมื่อตัดสินใจแล้ว ให้ลงมือลุยเลยเดี๋ยวสุดท้ายงานจะสำเร็จเอง

19916-02.jpg

19916-03.jpg

19916-04.jpg

Pentagon สำนักงานใหญ่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ

 

               เหมือนกับตึกเพนตากอน ที่ตั้งของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ที่ใช้งานมาเกือบร้อยปีแล้ว แต่ใช้เวลาวาดแบบเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ถึงแม้ว่าภายในสามวันรายละเอียดยังไม่ครบถ้วน แต่ก็ได้เค้าโครงหลักๆ นำเสนอเพื่อขออนุมัติได้

               จากทั้งการประเมินค่าก่อสร้าง คำนวณระยะเวลา รายละเอียดต่างๆ ก็จะค่อยๆ ตามมาเอง เห็นไหมว่าขอให้เราลงมือทำเท่านั้น ไม่ว่างานอะไรก็จะสำเร็จ

 

2. วางแผนตามเป้าหมายที่วางไว้

                การวางแผนให้เป็นไปตามเป้าหมายนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากเป้าหมายที่วางไว้เป็นเป้าหมายที่จะนำไปสู่ความเสื่อมเสีย ย่อมนำพาความทุกข์มาให้ จึงควรตั้งเป้าหมายให้เป็นไปในทางที่ดี และครอบคลุมเป้าหมายทั้ง 3 ชั้น นั่นก็คือ

               1) เป้าหมายบนดิน คือ เป้าหมายในชาตินี้

               2) เป้าหมายบนฟ้า คือ เป้าหมายในชาติหน้า ว่าตายแล้วต้องไปสวรรค์

               3) เป้าหมายเหนือฟ้า คือ หมดกิเลสเข้าพระนิพพาน

 

               เพราะฉะนั้น อย่าจมจ่อมอยู่แค่เป้าหมายในชาตินี้ การวางแผนต้องวางแผนสำหรับประโยชน์ในชาตินี้ด้วย ต้องสร้างบุญสร้างกุศลเพื่อประโยชน์ในชาติหน้าด้วย

                นอกจากนี้ก็ยังต้องวางแผนในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน และกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว แล้ววางทิศทางการทำงาน

19916-05.jpg

             ไม่ใช่ทำงานแบบเรื่อยๆ ยุ่งหัวฟูกับงานรูทีนไปทุกวันๆ ให้วางเป้าหมายอย่างเป็น step ที่สำคัญต้องเป็น step ที่วางเอาไว้อย่างดีแล้ว จึงจะเป็นการบริหารเวลาแบบเป็นไปตามแผน จะทำให้เราไม่ตกหลุมพรางไปกับเวลา

            แล้วถ้าใครที่อยากจะปรับปรุงตัว บริหารเวลาให้ดีจริงๆ จะต้องมีวิธีการเช็คว่าเราทำได้ตามที่เราตั้งเป้าไว้แค่ไหน ด้วยการเอากระดาษจดว่า วันหนึ่งเราทำอะไรบ้าง ช่วงไหนทำอะไร จดให้หมด

             แล้วเราจะพบว่า อะไรที่เราใช้เวลาคุ้ม และอะไรที่ไม่คุ้ม จัดเวลาให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้มากขึ้น เช็คอย่างนี้แค่ 7 วัน เราก็จะรู้จักตัวเองมากขึ้น ความสำเร็จก็จะมาถึงเราเร็วขึ้นแน่นอน ถ้าทำได้ทั้ง 2 ข้อ ดังที่กล่าวมาแล้ว

19916-06.jpg

              นอกจากจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว จะยังมีเวลาที่จะได้ นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม อีกด้วย

              ให้เราได้ทำเป้าหมาย ทั้งบนดิน บนฟ้า และเหนือฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ เรายังจะพบแง่มุมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อการบริหารเวลาในชีวิตของเราเองอีกด้วย

เจริญพร

พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.041336047649384 Mins