ปัจจเวกขณ์องค์อุโบสถศีล
(นำ) (หันทะ มะยัง อุโปสะถัฏฐังคะปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส.)
(เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงกล่าวบาลีว่าด้วยการพิจารณาองค์อุโบสถแปด กันเกิด.)
(องค์อุโบสถที่ ๑)
(รับ) ยาวะชีวัง อะระหันโต, จำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต พระอรหันต์ทั้งหลาย ;
ปาณาติปาตัง ปะหายะ, ท่านละการฆ่าสัตว์มีชีวิตแล้ว ;
ปาณาติปาตา ปะฏิวิระตา, เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์มีชีวิตแล้ว ;
นิหิตะทัณฑา นิหิตะสัตถา, ทิ้งเครื่องทุบตีแล้ว ทิ้งเครื่องศัสตราแล้ว ;
ลัชชี ทะยาปันนา, มีความละอายแก่บาป ถึงพร้อมแล้วด้วยความขวนขวายเพราะกรุณา ;
สัพพะปาณะภูตะหิตานุกัมปิโน วิหะรันติ, เป็นผู้เฉยไม่ได้ในการเกื้อกูลแก่สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ;
อะหัมปัชชะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง, แม้เราในวันนี้ ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่งนี้ ;
ปาณาติปาตัง ปะหายะ, ก็ละการฆ่าสัตว์มีชีวิตแล้ว ;
ปาณาติปาตา ปะฏิวิระโต (ระตา), เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์มีชีวิตแล้ว ;
นิหิตะทัณโฑ (ทัณฑา), นิหิตะสัตโถ (สัตถา), ทิ้งเครื่องทุบตีแล้ว, ทิ้งเครื่องศัสตราแล้ว ;
ลัชชี (ลัชชินี) ทะยาปันโน (ปันนา), มีความละอายแก่บาป ถึงพร้อมแล้วด้วยความขวนขวายเพราะกรุณา ;
สัพพะปาณะภูตะหิตานุกัมปี (กัมปินี) วิหะรามิ, เป็นผู้เฉยไม่ได้ในการเกื้อกูลแก่สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ;
อิมินาปิ อังเคนะ อะระหะตัง อะนุกะโรมิ, เราทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย ด้วยองค์แห่งอุโบสถแม้นี้ ;
อุโปสะโถ จะ เม อุปะวุตโถ ภะวิสสะติ. และอุโบสถจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว.
***หมายเหตุ : คำในวงเล็บ เป็นคำสำหรับสตรีสวด
(องค์อุโบสถที่ ๒)
ยาวะชีวัง อะระหันโต, จำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต พระอรหันต์ทั้งหลาย ;
อะทินนาทานัง ปะหายะ, ท่านละการถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ให้แล้ว ;
อะทินนาทานา ปะฏิวิระตา, เว้นขาดจากการถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ให้แล้ว ;
ทินนาทายี ทินนะปาฏิกังขี, ถือเอาแต่สิ่งของที่เขาให้ มีความมุ่งหวังแต่สิ่งของที่เขาให้ ;
อะเถเนนะ สุจิภูเตนะ อัตตะนา วิหะรันติ, มีตนเป็นคนไม่ขโมย มีตนเป็นคนสะอาด เป็นอยู่ ;
อะหัมปัชชะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง, แม้เราในวันนี้ ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่งนี้ ;
อะทินนาทานัง ปะหายะ, ก็ละการถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ให้แล้ว ;
อะทินนาทานา ปะฏิวิระโต (ระตา), เว้นขาดจากการถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ให้แล้ว ;
ทินนาทายี (ทายินี) ทินนะปาฏิกังขี (กังขินี), ถือเอาแต่สิ่งของที่เขาให้ มีความมุ่งหวังแต่สิ่งของที่เขาให้ ;
อะเถเนนะ สุจิภูเตนะ อัตตะนา วิหะรามิ, มีตนเป็นคนไม่ขโมย มีตนเป็นคนสะอาด เป็นอยู่ ;
อิมินาปิ อังเคนะ อะระหะตัง อะนุกะโรมิ, เราทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย ด้วยองค์แห่งอุโบสถแม้นี้ ;
อุโปสะโถ จะ เม อุปะวุตโถ ภะวิสสะติ. และอุโบสถจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว.
(องค์อุโบสถที่ ๓)
ยาวะชีวัง อะระหันโต, จำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต พระอรหันต์ทั้งหลาย ;
อะพ๎รัห๎มะจะริยัง ปะหายะ, ท่านละความประพฤติอันมิใช่พรหมจรรย์เสียแล้ว ;
พ๎รัห๎มะจารี อาราจารี, เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกลจากกามคุณ ;
วิระตา เมถุนา คามะธัมมา, เว้นจากการประพฤติของคนที่อยู่กันเป็นคู่ อันเป็นของสำหรับชาวบ้าน ;
อะหัมปัชชะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง, แม้เราในวันนี้ ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่งนี้ ;
อะพ๎รัห๎มะจะริยัง ปะหายะ, ก็ละความประพฤติอันมิใช่พรหมจรรย์เสียแล้ว ;
พ๎รัห๎มะจารี (จารินี) อาราจารี (จารินี), เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกลจากกามคุณ ;
วิระโต (ระตา) เมถุนา คามะธัมมา, เว้นจากการประพฤติของคนที่อยู่กันเป็นคู่ อันเป็นของสำหรับชาวบ้านเสีย ;
อิมินาปิ อังเคนะ อะระหะตัง อะนุกะโรมิ, เราทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย ด้วยองค์แห่งอุโบสถแม้นี้ ;
อุโปสะโถ จะ เม อุปะวุตโถ ภะวิสสะติ. และอุโบสถจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว.
(องค์อุโบสกที่ ๔)
ยาวะชีวัง อะระหันโต, จำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต พระอรหันต์ทั้งหลาย ;
มุสาวาทัง ปะหายะ, ท่านละการพูดเท็จแล้ว ;
มุสาวาทา ปะฏิวิระตา, เว้นขาดจากการพูดเท็จแล้ว ;
สัจจะวาทิโน สัจจะสันธา, เป็นผู้พูดแต่คำจริง ธำรงไว้ซึ่งความจริง ;
เฐตา ปัจจะยิกา, เป็นผู้มีคำพูดเชื่อถือได้ เป็นผู้พูดมีเหตุผล ;
อะวิสังวาทะกา โลกัสสะ, ไม่เป็นคนลวงโลก ;
อะหัมปัชชะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง, แม้เราในวันนี้ ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่งนี้ ;
มุสาวาทัง ปะหายะ, ก็ละการพูดเท็จแล้ว ;
มุสาวาทา ปะฏิวิระโต (ระตา), เว้นขาดจากการพูดเท็จแล้ว ;
สัจจะวาที (วาทินี) สัจจะสันโธ (สันธา), เป็นผู้พูดแต่คำจริง ธำรงไว้ซึ่งความจริง ;
เฐโต (เฐตา) ปัจจะยิโก (ยิกา), เป็นผู้มีคำพูดเชื่อถือได้ เป็นผู้พูดมีเหตุผล ;
อะวิสังวาทะโก (วาทิกา) โลกัสสะ, ไม่เป็นคนลวงโลก ;
อิมินาปิ อังเคนะ อะระหะตัง อะมุกะโรมิ, เราทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย ด้วยองค์แห่งอุโบสถแม้นี้ ;
อุโปสะโถ จะ เม อุปะวุตโถ ภะวิสสะติ. และอุโบสถจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว.
(องค์อุโบสถที่ ๕)
ยาวะชีวัง อะระหันโต, จำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต พระอรหันต์ทั้งหลาย ;
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา ปะหายะ, ท่านละการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งของความประมาทแล้ว ;
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา ปะฏิวิระโต (ระตา), เว้นขาดจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งของความประมาทแล้ว ;
อะหัมปัชชะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง, แม้เราในวันนี้ ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่งนี้ ;
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานัง ปะหายะ, ก็ละการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งของความประมาทแล้ว ;
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา ปะฏิวิระโต (ระตา), เว้นขาดจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งของความประมาทแล้ว ;
อิมินาปิ อังเคนะ อะระหะตัง อะนุกะโรมิ, เราทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย ด้วยองค์แห่งอุโบสถแม้นี้ ;
อุโปสะโถ จะ เม อุปะวุตโถ ภะวิสสะติ. และอุโบสถจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว.
(องค์อุโบสถที่ ๖)
ยาวะชีวัง อะระหันโต, จำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต พระอรหันต์ทั้งหลาย ;
เอกะภัตติกา, ท่านมีอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว ;
รัตตูปะระตา, งดการบริโภคในราตรี ;
วิระตา วิกาละโภชะนา, เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล ;
อะหัมปัชชะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง, แม้เราในวันนี้ ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่งนี้ ;
เอกะภัตติโก (ติกา), ก็เป็นผู้มีอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว ;
รัตตูปะระโต (ระตา), งดการบริโภคในราตรี ;
วิระโต (ระตา) วิกาละโภชะนา, เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล ;
อิมินาปิ อังเคนะ อะระหะตัง อะนุกะโรมิ, เราทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย ด้วยองค์แห่งอุโบสถแม้นี้ ;
อุโปสะโถ จะ เม อุปะวุตโถ ภะวิสสะติ. และอุโบสถจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว.
(องค์อุโบสถที่ ๗)
ยาวะชีวัง อะระหันโต, จำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต พระอรหันต์ทั้งหลาย ;
นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสสะนะ มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา ปะฏิวิระตา, ท่านเป็นผู้เว้นขาดแล้ว จากการฟ้อนรำ การขับเพลง การดนดรี การดูการเล่นชนิดเป็นข้าศึกต่อกุศล การทัดทรงสวมใส่ การประดับ การตกแต่งตน ด้วยพวงมาลา ด้วยเครื่องกลิ่นและเครื่องผัดทา ;
อะหัมปัชชะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง, แม้เราในวันนี้ ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่งนี้ ;
นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสสะนะ มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา ปะฏิวิระโต (ระตา), ก็เป็นผู้เว้นขาดแล้ว จากการฟ้อนรำ การขับเพลง การดนตรี การดูการเล่นชนิดเป็นข้าศึกต่อกุศล การทัดทรงสวมใส่ การประดับ การตกแต่งตน, ด้วยพวงมาลา ด้วยเครื่องกลิ่น และเครื่องผัดทา ;
อิมินาปิ อังเคนะ อะระหะตัง อะนุกะโรมิ, เราทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย ด้วยองต์แห่งอุโบสถแม้นี้ ;
อุโปสะโถ จะ เม อุปะวุตโถ ภะวิสสะติ. และอุโบสถจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว.
(องค์อุโบสถที่ ๘)
ยาวะชีวัง อะระหันโต, จำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต พระอรหันต์ทั้งหลาย ;
อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนัง ปะหายะ, ท่านละการนอนบนที่นอนสูง และที่นอนใหญ่แล้ว ;
อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา ปะฏิวิระตา, เว้นขาดจากการนอนบนที่นอนสูง และที่นอนใหญ่แล้ว ;
นีจะเสยยัง กัปเปนติ, มัญจะเก วา ติณะสันถะระเก วา, ย่อมสำเร็จการนอนบนที่นอนอันต่ำ, บนเตียงน้อย หรือบนเครื่องลาดอันทำด้วยหญ้า ;
อะหัมปัชชะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง, แม้เราในวันนี้ ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่งนี้ ;
อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนัง ปะหายะ, ก็ละการนอนบนที่นอนสูง และที่นอนใหญ่แล้ว ;
อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา ปะฏิวิระโต (ระตา), เว้นขาดจากการนอนบนที่นอนสูง และที่นอนใหญ่แล้ว ;
นีจะเสยยัง กัปเปมิ, มัญจะเก วา ติณะสันถะระเก วา, ย่อมสำเร็จการนอนบนที่นอนอันต่ำ, บนเตียงน้อย หรือบนเครื่องลาดอันทำด้วยหญ้า ;
อิมินาปิ ยังเคนะ อะระหะตัง อะนุกะโรมิ, เราทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย ด้วยองต์แห่งอุโบสถแม้นี้ ;
อุโปสะโถ จะ เม อุปะวุตโถ ภะวิสสะติ. และอุโบสถจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว.
เอวัง อุปะวุตโถ โข ภิกขะเว, ยัฏฐังคะสะมันนาคะโต อุโปสะโถ, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุโบสถอันประกอบด้วยองค์แปด, ที่อริยสาวกเข้าอยู่แล้วด้วยอาการอย่างนี้ ;
มะหัปผะโล โหติ มะหานิสังโส, ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ;
มะหาชุติโก มะหาวิปผาโร, มีความรุ่งเรืองใหญ่ มีความแผ่ไพศาลใหญ่ ;
อิติ. ด้วยประการฉะนี้แล.