ชีวิตในนรก
โครงสร้างของนรกและชีวิตของสัตว์นรก
ความรู้เรื่องโครงสร้างของนรก และชีวิตของสัตว์นรกนี้ ได้ศึกษามาจากคุณครูไม่ใหญ่ ที่ท่านเล่าไว้ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาไว้ว่า
นรก มาจากคำว่า นิรย แปลว่า ไม่มีความสุขความสบาย ถ้ามองจากด้านบน นรกมีอยู่ ๓ ส่วน คือ มหานรก อุสสทนรก และยมโลก มหานรกมีทรงกลม สีดำ เป็นแกนกลาง อุสสทนรกมีทรงกลมสีเทา เป็นนรกขุมบริวารอยู่รอบมหานรกทั้ง ๔ ทิศ ทิศละ ๔ ขุม รวมเป็น ๑๖ ขุม
ยมโลกมีทรงกลม สีแดง เป็นนรกขุมบริวาร อยู่ขอบนอกสุด ถัดออกมาจากอุสสทนรกมี ๔ ทิศ ทิศละ ๑๐ ขุม แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มละ ๕ ขุม รวมเป็น ๔๐ ขุม
นรก ๑ ชุด ประกอบด้วย มหานรก ๑ ขุม อุสสทนรก ๑๖ ขุม และยมโลก ๔๐ ขุม
นรกมี ๘ ชุด ประกอบด้วย มหานรก ๘ ขุม อุสสทนรก ๑๒๘ ขุม และยมโลก ๓๒๐ ขุม รวมนรกทั้งหมด ๔๕๖ ขุม
ขุมที่ ๑ สัญชีวนรก ทรมานอดีตผู้ผิดศีลข้อที่ ๑ ฆ่าและทรมานคนหรือสัตว์
ขุมที่ ๒ กาฬสุตตนรก ทรมานอดีตผู้ผิดศีลข้อที่ ๒ ลักขโมย
ขุมที่ ๓ สังฆาฎนรก ทรมานอดีตผู้ผิดศีลข้อที่ ๓ ประพฤติผิดในกาม
ขุมที่ ๔ โรรุวนรก ทรมานอดีตผู้ผิดศีลข้อที่ ๔ พูดชั่ว
ขุมที่ ๕ มหาโรรุวนรก ทรมานอดีตผู้ผิดศีลข้อที่ ๕ น้ำเมา และสิ่งเสพติด
ขุมที่ ๖ ตาปนนรก ทรมานอดีตผู้อยู่ในวงจรการพนัน
ขุมที่ ๗ มหาตาปนนรก ทรมานอดีตผู้ผิดศีลทุกข้อ
ขุมที่ ๘ อเวจีนรก ทรมานอดีตผู้ทำอนันตริยกรรม เช่น ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ หรือทำผิดศีลเป็นประจำตลอดชีวิต
สัตว์นรกจะเกิดแบบโอปปาติกะ คือ เกิดแล้วโตเต็มที่ทันที สัตว์นรกในมหานรก และอุสสทนรกถูกทัณฑ์ทรมานไม่มีเวลาว่างเว้น ส่วนสัตว์นรกในยมโลกได้พักในวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง
สัตว์นรกจะมีอายุขัยยืนยาวมาก เช่น มหานรกขุมที่ ๑ อายุขัย ๑ วัน เท่ากับ ๙ ล้านปีมนุษย์ สัตว์นรกจะถูกทัณฑ์ทรมานในมหานรก ตายแล้วฟื้นซ้ำๆ อยู่ตรงนั้น เมื่อวิบากกรรมเบาบางลง สัตว์นรกจะวิ่งหลุดออกจากมหานรก เข้าสู่อุสสทนรก ถูกทัณฑ์ทรมาน ตายแล้วฟื้นซ้ำๆ อยู่ตรงนั้น เมื่อวิบากกรรมเบาบางลง สัตว์นรกจะวิ่งหลุดออกจากอุสสทนรก เข้าสู่ยมโลกเจ้าหน้าที่จะรอรับไปเข้าสู่การพิพากษาตามขั้นตอน (ศึกษาได้จากเรื่องจากมนุษยโลกถึงยมโลก)
ถ้าเป็นไปตามขั้นตอนการรับทัณฑ์ทรมาน หลังจากหลุดออกมาจากนรกแล้ว ก็ไปรับทัณฑ์ทรมานต่อที่เปรตโลก สัตว์เดรัจฉาน ตามลำดับ ซึ่งยาวนานมากๆ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอุปมาความยากในการกลับมาสู่ความเป็นมนุษย์ หากพลัดไปสู่อบายภูมิเอาไว้ว่า มีเต่าตาบอดว่ายอยู่ในมหาสมุทรใหญ่ ๑๐๐ ปี จึงโผล่ศีรษะขึ้นมาเหนือผิวน้ำครั้งหนึ่งบนผิวน้ำมีห่วงขนาดเท่าหัวเต่าพอดี ห่วงลอยไปในทิศทางที่ไม่แน่นอน โอกาสที่เต่าโผล่ศีรษะขึ้นมาแล้ว จะสวมเข้ากับห่วงพอดี เป็นไปได้ยากฉันใด สัตว์ที่พลัดไปสู่อบายแล้ว จะกลับมาสู่ความเป็นมนุษย์ ยากยิ่งกว่าศีรษะเต่า สวมเข้าห่วงเสียอีก!!
ต่อให้เต่าตาดี ว่ายหาห่วงอยู่ในมหาสมุทรทั้งชีวิต ก็ใช่ว่าจะหาห่วงเจอ!! แต่ชีวิตยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าปลายทางจะจบเมื่อไหร่ จะไม่พลาดไปอบายเลยหรือ!!
ปิดประตูนรกขุมที่ ๑-๕, ๗ และ ๘ ด้วยการรักษาศีล ๕ และ เว้นมิจฉาวณิชชา
ปิดประตูนรกขุมที่ ๖ ด้วยการไม่เข้าไปสู่วงจรอบายมุข แค่นี้ก็ปลอดภัย ไม่ได้เป็นเต่าตาบอดแล้ว !!!
ไปนรกกันได้อย่างไรบ้าง ?
คุณครูไม่ใหญ่ได้เล่าเรื่องตัวอย่างของการไปนรกไว้ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ถ่ายทอดทาง DMC ว่ามีหลายรูปแบบ เช่น
๑. ไปนรกด้วยอานุภาพของการเจริญสมาธิภาวนา จนบรรลุฌานสมาบัติ
๒. ไปนรกด้วยอำนาจของบาปอกุศลที่ตามมาส่งผล พากายละเอียดไปสู่มหานรก หลังจากละสังขารแล้ว
๓. ไปนรกโดยเจ้าหน้าที่จากยมโลกมารับกายละเอียดหลังจากละสังขารแล้ว พาไปสู่ยมโลก
๔. ไปนรกโดยถูกแผ่นดินสูบ เพราะทำกรรมหนัก
แบบที่ ๑ มีตัวอย่างของคุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านได้เล่าเอาไว้ว่า เมื่อท่านเจริญสมาธิภาวนาจนบรรลุธรรมกายแล้ว คุณยายทองสุก สำแดงปั้น ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สอนให้ท่านเจริญสมาธิภาวนา ก็แนะนำให้ไปช่วยพ่อในนรก ท่านไปนรกด้วยอานุภาพของธรรมกาย ไปช่วยพ่อให้พ้นจากนรกไปอยู่บนสวรรค์ ด้วยบุญที่คุณยายเข้าถึงธรรมกาย รวมกับบุญที่พ่อเคยทำมาบ้าง ตอนที่ยังเป็นมนุษย์
แบบที่ ๒ พวกที่ทำบาปอกุศลเอาไว้มาก ภาพกรรมนิมิตที่เป็นบาปอกุศล มาปรากฏตอนใกล้จะละสังขาร ทำให้จิตขุ่นมัวเศร้าหมอง พอละสังขารด้วยสภาพใจเศร้าหมอง จึงพากายละเอียดออกทางปากช่องจมูกแล้วผ่านเข้าสู่อุโมงค์มิติสีดำไปสู่มหานรก
แบบที่ ๓ พวกที่ละสังขารด้วยสภาพใจที่เศร้าหมองไม่มาก ละสังขารแล้ว บุญและบาปยังไม่ได้ช่องส่งผล ภายในช่วง ๗ วัน เจ้าหน้าที่จากยมโลกจะมาพาตัวไปสู่ยมโลก ผ่านตามลำดับขั้นตอนหลังจากถูกพิพากษาแล้ว เจ้าหน้าที่นำตัวไปรับทัณฑ์ทรมานในยมโลก หรือมหานรก ตามกำลังของบาป ซึ่งเป็นไปตามการตัดสินของพญายมราช
แบบที่ ๔ พวกที่ทำกรรมหนักถูกแผ่นดินสูบลงไปในมหานรกส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล ทำกรรมหนัก คือ ประทุษร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ๕ ราย คือ
๑. พระเทวทัต ส่งนายขมังธนูไปลอบปลงพระชนม์ กลิ้งหินลงมาจากบนเขา หวังปลงพระชนม์พระบรมศาสดา และทำสงฆ์ให้แตกแยก
๒. พระเจ้าสุปปพุทธะ เป็นพระราชบิดาของพระเทวทัต นำข้าราชบริพารไปนั่งดื่มน้ำเมา ขวางทางที่พระพุทธองค์เสด็จบิณฑบาต ทำให้พระองค์อดพระกระยาหารไป ๑ วัน
๓. นันทมานพ ข่มขืนล่วงเกินพระอุบลวรรณาเถรี
๔. นางจิญจมาณวิกา ใส่ร้ายพระบรมศาสดาว่า มีความสัมพันธ์กับตนจนทำให้ตั้งครรภ์
๕. นันทยักษ์ เหาะขึ้นไปในอากาศ เอากระบองฟาดลงมาที่ศรีษะของพระสารีบุตร ขณะที่ท่านอยู่ในสมาธิ ท่านมิได้เป็นอันตรายใดๆ
ชีวิตในนรกนั้นยาวนานมาก ไม่มีเวลาหยุดพักจากการถูกทัณฑ์ทรมาน ทำกรรมดีก็ไม่ได้ ไม่ได้ประโยชน์ มีแต่ทุกข์โทษ
การไปนรกแบบที่ ๑ ไปนรกด้วยจิตที่ผ่องใส ไปอย่างมีความสุข เพื่อสงเคราะห์ญาติ ส่วนแบบที่ ๓-๔ ไปนรกด้วยจิตที่เศร้าหมอง ไปโดนทัณฑ์ทรมาน
จากมนุษยโลกถึงยมโลก ตอนที่ ๑
ยมโลกเป็นชื่อเรียกของนรกขุมบริวาร อยู่ขอบนอกของมหานรก คนย่างเข้าสู่วัยทองอายุ ๕๐ ปีขึ้น จะรู้จักภาพยนตร์ เรื่อง “พิภพมัจจุราช” เป็นอย่างดี ออกอากาศทางทีวีสาธารณะ ติดกันงอมแงมทั้งเมือง เพราะในยุคนั้น มีสื่อสาธารณะไม่กี่ช่องทาง
คุณครูไม่ใหญ่ได้เล่าเรื่องนี้เอาไว้ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ถ่ายทอดทาง DMC มีสารสำคัญว่า
ยมโลกเป็นชื่อนรกขุมบริวาร อยู่รอบนอกของมหานรกมี ๔ ทิศ ทิศละ ๑๐ ขุม แยกเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มละ ๕ ขุมจะมีอยู่ ๔๐ ขุม
ถ้าผ่ายมโลกออกตามแนวระนาบ เพื่อจะดูแผนผังจากด้านบนลงไปจะเห็นประตูทางเข้าของยมโลก ตามลูกศรสีแดงที่ชี้เข้า
เมื่อกายละเอียดหลุดออกจากกายหยาบในสภาพใจที่ไม่ผ่องใสไม่เศร้าหมอง หรือเศร้าหมองไม่มาก ไม่ว่าจะไปที่ไหน พอครบ ๗ วัน ตายที่ไหนก็ต้องกลับมาที่ตัวเองตาย จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่มารับกายละเอียดทะลุมิติไปสู่ยมโลก ซึ่งอยู่ในสภาพเปลือยกายเดินผ่านประตูยมโลกเข้าไป จะเป็นถนนแผ่นหินทั้ง ๒ ข้างของถนนจะเป็นลานแผ่นเหล็ก อยู่หน้าโรงวินิจฉัย เป็นที่ยืนรอการเรียกตัวเข้าไปสู่การพิพากษา เพราะมีกายละเอียดมาจากทั่วโลกจำนวนมากมาย มีเจ้าหน้าที่ตัวสูงใหญ่อยู่บนแท่นคล้ายโพเดียม เสียงดังกังวาน เขามีรายชื่อประกาศเรียกกายละเอียดที่ยืนรออยู่ในลาน ให้ทยอยเดินเข้าไปสู่โรงวินิจฉัย โดยมีเจ้าหน้าที่ยมโลก คุมตัวพาเดินเข้าไป
อาคารมีหลากหลายมากมายครบทุกเขต ตามเขตทั่วโลก ลักษณะอาคารไม่เหมือนกัน ถ้าชาติฝรั่ง ดีไซน์เหมือนฝรั่ง จีนเหมือนจีน ไทยเหมือนไทย แล้วแต่ท้องถิ่น เมื่อเข้าไปอยู่หน้าบัลลังก์ กายละเอียดก็จะเข้าไปนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าพญายมราช เมื่อตอนเป็นมนุษย์ จะมีสถานภาพเป็นอะไรก็ตาม ตั้งแต่เป็นพระราชา มหาเศรษฐีลงไปถึงขอทาน ถ้ามานั่งตรงนี้แล้ว จะมีสภาพเหมือนกัน คือเป็นประดุจนักโทษ พญายมราชก็จะซักถามให้รายงาน เช่นเจ้ามาจากไหน...
จากนั้นสวานเลขา ผู้รับผิดชอบบัญชีบาป เป็นบัญชีหนังสัตว์ทำหน้าที่รายงานปรากฏเป็นภาพบาป
สุวรรณเลขา ผู้รับผิดชอบบัญชีบุญ เป็นบัญชีทองคำ ทำหน้าที่รายงานปรากฏเป็นภาพบุญ
จากนั้นแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป
จากมนุษยโลกถึงยมโลก ตอนที่ ๒
ความเดิมจากตอนที่แล้ว เมื่อสุวานและสุวรรณเลขาทำหน้าที่รายงานบัญชีบาปและบัญชีบุญตามลำดับแล้ว
ภาพจะปรากฏลอยออกมาจากบัญชีนิดหนึ่ง แล้วภาพจะมาปรากฏที่หน้าบัลลังก์ของพญายมราชถ้าเป็นภาพบาปอกุศลมาปรากฎ พญายมราชจะมีวิธีถามให้ผู้ที่ไปยมโลกนึกถึงบุญเมื่อพญายมราชพิพากษาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะพาตัวไปส่งออกทางถนนเชื่อมไปสู่ถนนวงแหวน บางพวกทำบาปอกุศล จะถูกพาไปทุ่มลงในหลุมถ่านเพลิงกลางยมโลก บางพวกทำบุญกุศล จะถูกพาไปส่งช่องทางไปสวรรค์ (ตามลูกศรสีเหลือง) ไปเกิดเป็นชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา หรือไปได้ถึงดาวดึงส์ (ส่วนมากไม่เกินสวรรค์ชั้นดางดึงส์)
อาจจะสงสัยว่า ทำไมไปยมโลกแล้วกลับไปสวรรค์ได้? ตัวอย่างเช่น บางคนชอบทำบุญ แต่ประสบอุบัติเหตุขณะเดินทางไปทอดกฐิน ผ้าป่า เพราะวิบากกรรมปาณาติบาตในอดีตชาติตามมาส่งผล ตายแล้วยังงงๆ สับสนอยู่ นึกถึงบุญไม่ออก จึงถูกพาตัวไปยมโลก ผ่านตามขั้นตอน มานั่งหน้าบัลลังก์ พอภาพกรรมดีที่เคยทำ มาปรากฏที่จอหน้าบัลลังก์ ก็นึกถึงบุญได้ จึงถูกพิพากษาให้ไปเกิดเป็นชาวสวรรค์ ไปเสวยผลบุญ
จะเห็นว่า บาปก็ทำหน้าที่ของบาป คือ วิบากกรรมปาณาติบาตในอดีตชาติ ทำให้ประสบอุบัติเหตุ อายุสั้น ส่วนบุญก็ทำหน้าที่ของบุญพาไปเกิดเป็นชาวสวรรค์
บางพวกถูกพาไปส่งช่องทางไปนรกขุมต่างๆ ไปเกิดเป็นสัตว์นรก
บางพวกถูกพาไปส่งช่องทางไปเขาตรีกูฏ ไปเกิดเป็นเปรต หรืออสุรกาย
บางพวกถูกพาไปส่งช่องทางไปมนุษยโลก ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือมนุษย์ เป็นต้น
บางคนอยู่ในโลกฉลาดขั้นเทพ แต่พอละสังขารแล้วเหมือนคนตาบอด ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยศึกษามาก่อนเลยว่า ชีวิตในโลกหน้าเป็นอยู่กันอย่างไร
พิภพมัจจุราช ใครถึงฆาตดับชีวี สุวรรณตรวจดูบัญชี ถ้าทำดีให้ไปสวรรค์...
ทำชั่ว พญายมว่าไง ข้าส่งลงไป นรกโลกันต์นะสิ ต้นงิ้ว กระทะทองแดง เอาหอกแหลมแทงทุกวันๆ
อัศจรรย์วันพระในยมโลก
วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง มีกิจกรรมพิเศษที่แตกต่างจากปกติ ทั้งในมนุษยโลก เทวโลก และยมโลก
ในมนุษยโลก ชาวพุทธที่ยังเคร่งครัด นิยมไปทำบุญ ฟังธรรมที่วัดใกล้บ้าน หรือวัดที่ตนเองคุ้นเคย
ในเทวโลก ศึกษาได้ในบทธรรมะเรื่อง “อัศจรรย์วันพระในเทวโลก”
ส่วนในยมโลก คืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เจ้าหน้าที่จะหยุดทัณฑ์ทรมานสัตว์นรก แต่ในมหานรก และอุสสทนรกไม่ได้พัก
เจ้าหน้าที่ที่หมดกะจะกลับไปพักที่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา แล้วจะมีเจ้าหน้าที่ผลัดใหม่ ลงมาทำหน้าที่แทน พวกที่ยังไม่หมดกะจะยืนเฝ้าสัตว์นรก ไม่ทำอะไร สัตว์นรกจะนอนพักหมดแรง
สัตว์นรกที่อยู่ในหม้อทองแดง ไฟจะดับไม่ลุกไหม้ น้ำก็ยังร้อนอยู่ แต่ไม่พลุ่งพล่าน
สัตว์นรกบางพวก จะผุดขึ้นมาลอยคออยู่บนปากหม้อ แต่อยู่ในหม้อ ร้องเสียงระงมไปหมด
สัตว์นรกที่ปีนต้นงิ้ว หนามจิ๋วจะหดกลับ สัตว์นรกก็จะมีโอกาสลงมานอนพักอยู่กับพื้น สัตว์นรกบางพวกจะร้องขอความเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่แปลงตัวเป็นสุนัขปากเหล็ก อีกาปากเหล็ก ก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิม เจ้าหน้าที่ยมโลกที่ใกล้จะหมดกรรม จะไม่มีอารมณ์เมามันกับการทรมาน แต่จะพูดปลอบสัตว์นรกให้อดทน ถ้าโชคดี ญาติในเมืองมนุษย์อุทิศบุญมาให้ สัตว์นรกก็จะพ้นกรรมเร็วขึ้น
ในส่วนพญายมราช ในวันพระใหญ่ จะได้พักการพิพากษาที่หมดกะ ก็จะกลับไปพักที่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา แล้วจะมีพญายมราชชุดใหม่มาทำหน้าที่แทนตามวิบากกกรรม พวกที่ยังไม่หมดกะ ก็มีโอกาสมาพักทานอาหารทิพย์ตามกำลังบุญของตนเจ้าหน้าที่ในยมโลกก็เช่นเดียวกัน ก็มีโอกาสพักมากินอาหารตามกำลังบุญของตน ส่วนใหญ่อาหารเป็นเนื้อสดๆ ของสดของคาว
ถ้าหากญาติทำบุญอุทิศเจาะจงในวันพระใหญ่มาให้ สัตว์นรกก็จะได้รับบุญทันที พอพ้นวันพระ ขึ้นแรม ๑ ค่ำ ถ้าหากหมดกรรมเจ้าหน้าที่จะพาสัตว์นรกมาที่โรงพิพากษาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรับรู้บุญที่ญาติอุทิศมาให้ จากนั้น เจ้าหน้าที่จะพาไปส่งให้ไปเกิดตามกำลังบุญ รูปกายจะเปลี่ยนไป มีชุดขาวสวมใส่แทนที่เคยเปลือยกาย นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยมโลก วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ อย่าลืมทำบุญอุทิศไปให้หมู่ญาติมิตร
ป่านนี้หมู่ญาติมิตรคงร้องเพลง “รอคอยเธอมานานแสนนาน"
ที่มา และความแตกต่างของเจ้าหน้าที่ในนรก
ในนรกจะมีสมาชิกอยู่ ๒ กลุ่มใหญ่ๆ คือ
กลุ่มแรก คือ สัตว์นรกที่ถูกทัณฑ์ทรมาน เพราะอำนาจวิบากกรรมที่เกิดจากบาปอกุศล
กลุ่มที่ ๒ คือ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ในนรก ตั้งแต่พวกที่หนึ่งต้องไปพากายละเอียดจากมนุษยโลก พวกที่สอง คอยประกาศเรียกกายละเอียดเข้าไปสู่โรงวินิจฉัย พวกที่สาม พญายมราชที่ทำหน้าที่พิพากษา พวกที่สี่ ทำหน้าที่พากายละเอียดไปส่งช่องทางออกต่างๆ ตามคำพิพากษา พวกที่ห้า ทำหน้าที่ทรมานสัตว์นรก เป็นต้น
เจ้าหน้าที่พวกนี้มาจากไหน ทำกรรมอะไรมา จึงต้องมาทำหน้าที่ทรมานสัตว์นรก เรื่องนี้คุณครูไม่ใหญ่ได้เล่าไว้ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ถ่ายทอดทาง DMC ว่า
ความแตกต่างของเจ้าหน้าที่ในนรก คือ
๑. ในยมโลกมีเจ้าหน้าที่ ๒ ประเภท
๑.๑ เจ้าหน้าที่มาจากนาค ยักษ์ ครุฑ และกุมภัณฑ์ ที่มีบุญปนบาปอยู่มาก หมุนเวียนมาทำหน้าที่จากสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา (ส่วนใหญ่มาจากกุมภัณฑ์)
พวกนี้ สมัยเป็นมนุษย์ บุญก็ทำ บาปกรรมที่สร้าง เช่น บางพวก มีอาชีพเลี้ยงสัตว์มีกำไรมาก แต่กลัวบาปกรรม จึงชอบบริจาค สร้างวัด สร้างศาสนสถาน เป็นต้น บางพวก มีอาชีพไม่บริสุทธิ์ทำธุรกิจสีเทา แต่ก็บริจาคสงเคราะห์โลก สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น บางพวก วัดก็เข้า เหล้าก็กิน บางพวก ชอบทำบุญ แต่เจ้าโทสะ มักโกรธ ทำบุญไปก็บ่นไป ด่าไป บุญหก บุญหล่น ได้บุญไม่บริสุทธิ์ ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่าง ทำบุญปนบาป
๑.๒ เจ้าหน้าที่ที่เกิดจากอำนาจวิบากกรรมของสัตว์นรก
๒. ในมหานรก เจ้าหน้าที่มีชื่อเรียกว่า นายและนางนิรยบาล เกิดจากอำนาจวิบากกรรมของสัตว์นรกแต่เพียงอย่างเดียว จะไม่มีนาค ยักษ์ ครุฑ และกุมภัณฑ์ มาทำหน้าที่ในมหานรก
ส่วนระยะเวลาที่ต้องทำหน้าที่ทรมานสัตว์นรก จะเหลืออีกยาวนานแค่ไหน ดูได้จากอารมณ์ของเจ้าหน้าที่ คือ
๑. ถ้ายังซาดิสต์ เมามันกับการทรมานสัตว์นรก แสดงว่า บาปยังหนาแน่นอยู่ ยังต้องทำหน้าที่ทรมานสัตว์นรกอีกยาวนาน
๒. ถ้ารู้สึกเฉยๆ ทำตามหน้าที่ แสดงว่า บาปเจือจางลงแล้ว
๓. ถ้าเบื่อทรมานสัตว์นรก แสดงว่า บาปใกล้จะหมดแล้ว อีกไม่นานจะพันกะ ได้กลับไปพักบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
ใครชอบซาดิสต์ ทำบาปแล้ว อย่าลืมทำบุญด้วย จะได้ไปซ้อมสัตว์นรกได้โดยชอบธรรม ไม่ผิดกฎหมาย !!!
จากหนังสือ ราตรีสว่าง
พระครูวิบูลนิติธรรม (ไพบูลย์ ธัมมวิปุโล)