ภิกษุโกรธเคืองภิกษุอื่น ต้องปาจิตตีย์

วันที่ 03 พย. พ.ศ.2565

ภูตคามวรรค สิกขาบทที่ ๗

ภูตคามวรรค สิกขาบทที่ ๗

คำแปลพระบาลีที่เป็นพุทธบัญญัติ
        “อนึ่ง ภิกษุใดโกรธ ไม่พอใจ ฉุดคร่าก็ดี ให้ฉุดคร่าก็ดี ซึ่งภิกษุออกจากวิหารอันเป็นของสงฆ์ เป็นปาจิตตีย์”

เนื้อความย่อในหนังสือนวโกวาท
          “ภิกษุโกรธเคืองภิกษุอื่น ฉุดคร่าไล่ออกจากกุฏีสงฆ์ต้องปาจิตตีย์”

อธิบายความโดยย่อ
         คำว่า ฉุดคร่า หมายถึงขับไล่ บอกให้ออกไป มิให้อยู่ในที่นั้นต่อไปหรือสั่งให้คนอื่นทำอย่างนั้น
         สิกขาบทนี้หมายถึง การที่ภิกษุผู้มีอำนาจหรือมีอาวุโสแสดงความโกรธ ความไม่พอใจออกมา ฉุดคร่าหรือให้ฉุดคร่าภิกษุออกไปจากวิหารหรือกุฎีสงฆ์ด้วยสาเหตุที่ไม่ชอบธรรม ทำให้ผู้ถูกฉุดคร่าออกไปเดือดร้อนและไม่เป็นธรรม
         แต่ในกรณีที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์ขับสัทธิวิหาริกหรืออันเตวาสิกผู้ประพฤติไม่ดีไม่งาม ไม่ตั้งอยู่ในโอวาท ให้ออกจากสำนักตน หรือเจ้าอาวาสใช้อำนาจอันชอบธรรมให้ภิกษุผู้ประพฤติมิชอบ ทำผิดกฎกติกาของวัดออกไปเสียจากวัด ไม่ต้องอาบัติ

เจตนารมณ์ของสิกขาบทนี้
         สิกขาบทนี้ทรงบัญญัติไว้เพื่อมิให้ภิกษุถูกกลั่นแกล้ง ถูกรังแก หรือได้รับการเบียดเบียน จากภิกษุอื่นที่มีอำนาจมีอาวุโสกว่า โดยไม่ถูกต้องไม่ชอบธรรม

อนาปัตติวาร
         ในสิกขาบทนี้ท่านแสดงภิกษุผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องอาบัติไว้คือ
         (๑) ภิกษุฉุดคร่าก็ดีให้ฉุดคร่าก็ดีซึ่งภิกษุอลัชชี(ผู้ไม่ละอาย)
         (๒) ภิกษุขนก็ดีให้ขนก็ดีซึ่งบริขารของภิกษุอลัชชีนั้น
         (๓) ภิกษุฉุดคร่าก็ดีให้ฉุดคร่าก็ดีซึ่งภิกษุผู้วิกลจริต
         (๔) ภิกษุขนก็ดีให้ขนก็ดีซึ่งบริขารของภิกษุผู้วิกจริตนั้น
         (๕) ภิกษุฉุดคร่าก็ดีให้ฉุดคร่าก็ดีซึ่งภิกษุผู้ก่อการบาดหมางก็ดีก่อการทะเลาะก็ดีก่อการวิวาทก็ดีก่อความอื้อฉาวก็ดีก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ก็ดี
         (๖) ภิกษุขนก็ดีให้ขนก็ดีซึ่งบริขารของภิกษุผู้ก่อการบาดหมางเป็นต้นนั้น
         (๗) ภิกษุฉุดคร่าก็ดีให้ฉุดคร่าก็ดีซึ่งอันเตวาสิกหรือสัทธิวิหาริกผู้ประพฤติมิชอบ
         (๘) ภิกษุขนก็ดีให้ขนก็ดีซึ่งบริขารของอันเตวาสิกหรือสัทธิวิหาริกนั้น
         (๙) ภิกษุผู้วิกลจริต
         (๑๐) ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติหรือภิกษุอาทิกัมมิกะ ได้แก่ พวกภิกษุฉัพพัคคีย์

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.026912967363993 Mins