เหลือเชื่อ แต่เป็นจริง
โอวาทพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
อานันทเศรษฐี
ความจริงชีวิตของเรานี่สามารถเลือกเกิดได้ แต่ก็แปลก! แม้เรามีโอกาสเลือกเกิดได้ แต่มักจะไม่ใช้โอกาสนั้น ด้วยการสร้างทานบารมีเพื่อที่จะได้เลือกเกิดในสถานที่ที่ดีๆ ที่สะดวกสบาย ดังเรื่องในสมัยพุทธกาล
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปกับพระอานนท์ ซึ่งเป็นปัจฉาสมณะตามเสด็จไป พระองค์ทรงชี้ให้ดูเด็กขอทานคนหนึ่งแล้วก็ตรัสกับพระอานนท์ว่า อานนท์ เด็กขอทานที่มีร่างกายอัปลักษณ์ผอมโซ น่าเกลียดเหมือนผีที่ตกลงไปในโคลนอย่างนั้น เด็กคนนี้คืออานันทเศรษฐีผู้มีสมบัติมาก แต่ว่าเป็นคนตระหนี่ ห้ามบุตรหลานทุกคนบริจาคทาน ห้ามให้ แต่ให้หวงแหนทรัพย์เอาไว้ เพราะกลัวทรัพย์จะหมดจะสูญหายไปความตระหนี่นั้นครอบงำอานันทเศรษฐีมาตลอดชาติ ลูกหลานก็ไม่กล้าขัดใจพ่อ เมื่อพ่อบังคับและสอนไม่ให้บริจาคทาน ให้มีความตระหนี่เหนียวแน่น ก็ไม่กล้าทำ ไม่กล้าให้ทาน อานันทเศรษฐีได้ฝังทรัพย์เอาไว้ ๕ แห่งเพราะกลัวว่าคนอื่นจะมาลักมาขโมย หรือกลัวคนอื่นเขาจะมาขอ กลัวว่าตนจะไม่มีบริโภค มีความตระหนี่เป็นอย่างนั้นอยู่ตลอดชาติ ทั้งตระหนี่ด้วยตัวเอง และบังคับให้คนอื่นตระหนี่แถมสอนให้คนอื่นตระหนี่ด้วยเป็นอย่างนั้นจนกระทั่งในที่สุดก็ละโลก ละโลกไปแล้วความตระหนี่ที่เข้าไปครอบงำจิตใจ หุ้มห่อเห็นจำคิดรู้อยู่ในกลางกายละเอียดของอานันทเศรษฐี กรรมนั้นดึงดูดให้ไปเกิดในตระกูลของคนจัณฑาลที่ยากจน จัณฑาลก็แปลว่าลูกครึ่ง หาเลี้ยงชีพด้วยการขอทาน เมื่ออยู่ในครรภ์มารดาก็ทำให้มารดาไม่ว่าจะไปขอทานที่ไหนก็ตาม อดอยากยิ่งขึ้นไปอีก ขนาดยังไม่คลอด ยังอยู่ในครรภ์มารดาเท่านั้น ความตระหนี่ยังส่งกระแสครอบไปถึงมารดา ไม่ว่าจะไปขอทานที่ไหนก็อดอยากลำบากมาก ที่จนอยู่แล้วก็ยิ่งกลายเป็นคนจนในหมู่ยาจกทีเดียว เป็นมหาทุคตะ จนแล้วจนอีก
พอคลอดออกมาแล้ว ไม่ว่าพ่อแม่จะอุ้มพาไปที่ไหนก็ขอทานไม่ได้เพราะกระแสแห่งความตระหนี่ที่อยู่ในกลางกายของลูก ทำให้เกิดมามีหน้าตาอัปลักษณ์ ผลักดันสมบัติ และปกปิดบดบังความเมตตาของผู้ที่ได้พบเห็น ไม่ให้เกิดความสงสาร เป็นอย่างนั้นจนกระทั่งพ่อแม่มาปรึกษากันว่ามันเป็นอย่างไร ทำไมแต่ก่อนนั้นเราขอทานยังประสบความสำเร็จ จะผ่านไปทางไหนก็มีคนเมตตาปราณีสงสาร ให้ปัจจัยสี่มาพอเรายังชีพได้แต่ตั้งแต่ไอ้ลูกคนนี้เกิดมา ทำไมไปที่ไหนมันมักจะทุรกันดาร อัตคัดตลอดเวลา แต่ก็ยังอดทนเลี้ยงดูลูกโตเรื่อยมาจนกระทั่งลูกโตสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ ก็บอกกับลูกว่า ลูกเอ๋ยเอากระเบื้องอันนี้ไป แล้วต่างคนต่างไปเถอะ แม้พ่อกับแม่จะรักลูกแค่ไหน ถ้าขืนเอาลูกไปด้วยก็คงจะอดอยาก คงเป็นเพราะลูกนี่แหละ เพราะฉะนั้นให้ลูกออกไปเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง ลูกก็ต้องจำใจเมื่อพ่อแม่ตัดขาดแล้ว ก็ตะเกียกตะกายไปแสวงหาทรัพย์เพื่อจะเลี้ยงชีพตัวเอง แต่ไปทางไหนก็ตามมักจะไม่ค่อยจะได้เพราะกระแสแห่งความตระหนี่ที่ซ้อนอยู่ในกลางกายตรงนั้น มันส่งกระแสผลักดันสมบัติแล้วก็ดึงดูดวิบัติเข้าหาตัวตลอดเวลา กระแสแห่งความตระหนี่นี้ถ้ามองไปตรงกลางด้วยธรรมจักขุของธรรมกาย เราจะเห็นมันเป็นดวงสีดำๆ ซึ่งเรียกว่า กัณหธรรม ธรรมครอบงำอยู่ ครอบงำบังคับในเห็นในจำ ในคิด ในรู้ บังคับให้เกิดความหวงแหนทรัพย์ เสียดายทรัพย์ และให้ความโลภบังเกิดขึ้น มันอยู่ในกลางตรงนั้น มันบังคับกันอยู่และก็จะดึงดูดวิบัติเข้ามา แล้วก็ผลักดันสมบัติออกไป มันติดอยู่ตรงนั้น ใครมีความตระหนี่ก็จะเป็นอย่างนี้แหละ จิตมันบังคับอยู่
เมื่อลูกขอทานอดีตอานันทเศรษฐีตะเกียกตะกายช่วยเหลือตัวเองไปจนถึงบ้านของตน เกิดระลึกชาติได้ว่าก่อนที่เราจะมาเป็นอย่างนี้ เราเคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน เห็นบ้านช่องใหญ่โตทีเดียว เห็นหลาน ลูกของลูกชายมาเดินเล่นอยู่ จำเรื่องราวในอดีตของตนเมื่อยังเป็นอานันทเศรษฐีได้แม่นยำเหมือนเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ และด้วยสัญญาเก่าๆ จึงมีความรู้สึกนึกคิดว่า เรายังเป็นอานันทเศรษฐีอยู่ ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าคิดว่า สมบัติเป็นของผลัดกันชม ใครมีบุญก็สามารถที่จะดึงดูดสมบัตินั้นมาได้ ถ้าใครหมดบุญแล้วไม่ได้สร้างบุญใหม่ต่อ ทรัพย์แม้เคยเป็นของตนมาก่อนก็ไม่อาจที่จะบริโภคได้ เหมือนอย่างอดีตอานันทเศรษฐีตอนนี้ที่เห็นปราสาทที่ตัวเคยสร้างมาก่อนของของตัวแท้ๆ สร้างมากับมือ สมบัติฝังอยู่ก็รู้อยู่ เห็นอยู่ จำได้ แต่ไม่มีสิทธิ์บริโภคใช้สอยได้ เห็นชัดๆ แต่นำมาใช้ไม่ได้เลย เพราะไม่มีบุญ ในที่สุดก็เดินเข้าไปในบ้านนั้น หลานของตัวเองแท้ๆ เห็นแล้วก็ตกใจที่เห็นเด็กขอทานเข้ามาในบ้าน หน้าตาอัปลักษณ์เหมือนผีที่ตกลงไปในโคลน คือน่าเกลียดน่ากลัวมาก จึงร้องไห้วิ่งไปบอกพ่อ พ่อซึ่งก็คือลูกชายของอานันทเศรษฐี เห็นเข้าก็ไม่รู้จักเพราะว่าอดีตพ่อของตัวมาเกิดอยู่ในยูนิฟอร์มใหม่ เกิดเป็นลูกคนขอทานแถมร่างอัปลักษณ์อย่างนี้ ใครจะไปจำได้ เมื่อจำไม่ได้ก็จับโยนออกมาข้างนอกไม่ให้เข้าบ้าน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอานนท์เสด็จไปถึงก็ทรงบอกให้ลูกชายของอานันทเศรษฐีทราบว่า นี่พ่อของตนในอดีตชาติเขากราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า แล้วข้าพระองค์จะเชื่อได้อย่างไรตรัสว่าเขาจำที่ฝังสมบัติได้ ในที่สุดเด็กขอทานอดีตอนันทเศรษฐีก็นำไปชี้ที่ฝังสมบัติได้ถูกต้องทุกแห่ง
เพราะฉะนั้นความตระหนี่ไม่ดีเลย ความตระหนี่จะนำให้ไปเกิดในตระกูลที่ยากจนเข็ญใจ ผู้ที่เกิดมาชาตินี้ทุกข์ยากลำบาก ตื่นแต่เช้าก็ทำงานไปจนกระทั่งถึงกลางคืนอย่างนั้น ขยันหมั่นเพียร ทำไมเราไม่เป็นเศรษฐีเสียที ทำไมลำบากอย่างนี้อยู่ตลอดชาติ ก็ให้รู้ไว้นะว่าได้ทำอย่างท่านอานันทเศรษฐีนั่นแหละ คือมีความตระหนี่เสียดายทรัพย์ไม่สร้างทานบารมี เพราะฉะนั้นเมื่อหมดบุญก็ไม่สามารถรักษาสมบัติอันนั้นได้ กระแสแห่งความตระหนี่ก็ดึงดูดไปสู่ที่ยากจนที่ลำบากอย่างนี้