เรื่องที่ ๓๙ สำเร็จจนเหลือเชื่อ
คุณเพียงใจ โรจนสินวิไล เป็นคนเล่าว่า ตอนแรกที่ได้ข่าวเรื่องพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุ มีกรอบพญานาค ๔ สี คุณเพียงใจปรารถนาอยากได้เป็นเจ้าของสัก ๑ องค์ จึงอธิษฐานขอพรจากพระมหาสิริราชธาตุของตนเองที่ทำบุญสร้างพระที่แกนกลางเจดีย์ว่า "ขอให้ลูกได้พระมหาสิริราชธาตุ ๔ สี ด้วยเถิด"
เวลานั้นคุณเพียงใจยังไม่ทราบวิธีรับพระมหาสิริิราชธาตุกรอบพญานาค ๔ สี ว่า มีเงื่อนไขอย่างใดบ้าง ก็ชักชวนผู้ทำบุญสร้างองค์พระที่แกนกลาง บูชาคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เรื่อยๆ ไป มีผู้ร่วมทำบุญกันพรึ่บพรับ ในที่สุดทำสำเร็จ มีสิทธิ์ได้เป็นเจ้าของ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วจนเชื่อว่าเป็นอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ
ตอนนี้ขอพรใหม่อีก ๒-๓ ครั้ง "ขอให้ลูกชวนคนทำบุญเป็นประธานรองได้ง่ายดายเร็วพลัน เป็นอัศจรรย์ด้วยเถิด" ก็แปลกประหลาด หลังจากอธิษฐานได้ไม่กี่วันก็สมปรารถนา
เย็นวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ เวลาประมาณ ๖ โมงเย็น มีเพจเจอร์เข้ามาว่า "หลี โกแดงเรียก"
คุณเพียงใจโทรกลับไปหาคนชื่อแดง ซึ่งเป็นอา เคยมาวัดพระธรรมกายครั้งหนึ่ง เมื่อ ๑๐ กว่าปีมาแล้วแต่หยุดไป ไม่ได้มาอีก คุณเพียงใจเพิ่งชวนมาวัดได้ ๔ ครั้ง ช่วงอาทิตย์ต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๑ เมื่อพูดโทรศัพท์กันคุณเพียงใจก็คุยไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจชวนเรื่องทำบุญเป็นเจ้าภาพประธานรองฉลองพระมหาธรรมกายเจดีย์ แต่ได้เล่าตัวอย่างของผู้ที่เคยถวายเงินทำบุญถึงหนึ่งล้านบาท ๒ ราย ประสบผลบุญทันตาเห็น ต่อจากนั้นก็พูดอะไรเรื่อยเปื่อย ตนเองก็ยังจับใจความไม่ถูกว่าพูดอะไรไป
พูดกันประมาณแค่ ๑๕ นาที คุณอาตกลงรับเป็นเจ้าภาพประธานรอง ถวายเงิน ๑ ล้านบาท และถามคุณเพียงใจมาว่า "จะเอาเงินไปถวายในวันคล้ายวันเกิดที่ ๑ ธันวาคมเลยดีมั้ย"
![อานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ พระดูดทรัพย์ เรื่องที่ ๓๙ สำเร็จจนเหลือเชื่อ](http://www.kalyanamitra.org/th/images/phramahasiri/phramahasiri439_01.jpg)
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
คุณเพียงใจพูดว่า "เอาอย่างนี้ซิ ถวายวันที่ ๑ พ.ย. เลย เป็นบุญพิเศษงานกฐินด้วย" ชักชวนเป็นเจ้าภาพงานทอดกฐินปีนี้ไปเสียเลย เรื่องงานฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ค่อยว่ากันใหม่
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
เสียงตอบจากอีกฝ่ายว่า "โอ.เค." ฝ่ายเสนอแนะกล่าวตอบว่า "สาธุ"
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
วางหูโทรศัพท์แล้ว คุณเพียงใจรู้สึกงงมาก ขนตามตัวลุกซู่ เป็นระยะอยู่ชั่วครู่ เพราะเป็นการเชิญชวนคนทำบุญเป็นประธานรองคนแรกในชีวิต "ง่ายดาย เร็วพลันเป็นอัศจรรย์อะไรขนาดนั้น"
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
แต่พอคิดได้ว่า วันที่ ๑๐ ตุลาคม จะช่วยสร้างพระธรรมกายประจำตัวภายนอกให้เสร็จ ก็คิดขึ้นมาว่า "น่าจะขอให้โกแดง เลื่อนการถวายเงินก่อนวันที่ ๑๐ ตุลาคมเถิด"
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
วันเดียวกันนั้นเวลา ๒๒.๑๕ น. โกแดงโทรศัพท์มาคุยด้วยอีก ยังไม่ทันบอกเลื่อนวันถวายเงิน ฝ่ายนั้นบอกว่า ขอเลื่อนวันถวายเงินเป็นระหว่าง ๓๐ กันยายน ถึง ๒ ตุลาคม วันไหนแล้วแต่จะนัด ขอถวายเป็นเงินสดด้วย
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
การปรารถนาทำคุณงามความดีหรือต้องการสร้างบุญกุศล ไม่ใช่ความโลภ เป็นการสั่งสมบุญเพื่อให้ได้มากพอกลั่นเป็นบารมี เมื่อบารมีครบบริบูรณ์ ย่อมเป็นหนทางให้เลิกเวียนว่ายตายเกิด หรือหากยังไม่ถึงเวลานั้น ขณะที่ยังอยู่ระหว่างการเวียนว่ายตายเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อบ่มบารมีให้แก่กล้านั้น ถ้ายังมีบุญทั้งหลายอุปถัมภ์อยู่ การสร้างบารมีทุกอย่างย่อมราบรื่นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้บุญกุศลจึงเป็นของจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำไว้ให้มากที่สุด
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
โดยหลักความจริง คนมีปัญญามากมีกำลังใจทำบุญด้วยตนเอง โดยไม่ต้องให้ใครชักชวน คิดเองแล้วตัดสินใจทำเอง ผลบุญประเภทนี้มากมายมหาศาล เรียกว่าเป็นการสร้างกุศลชนิด อะสังขาริกัง (คือไม่ต้องมีใครแนะนำ) ผู้คนดังกล่าวนี้ จะมีลักษณะความเป็นผู้นำอยู่ในตัวมากกว่าคนทั่วไป และไม่เห็นความสำคัญของสิ่งตอบแทนอื่นๆ มากกว่าบุญกุศล
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
คนส่วนใหญ่ ไม่ได้มีจิตใจเข้มแข็งไปทั้งหมด เป็นประเภทผู้ตามเสียส่วนมาก พื้นฐานจิตใจเข้าลักษณะภาษาพระว่า สะสังขาริกัง ต้องมีการชักชวน การชักชวนแนะนำแค่คำพูด มองดูไม่เป็นรูปธรรม หากมีสิ่งของให้ยึดเหนี่ยวเป็นขวัญ เป็นกำลังใจ เป็นที่ระลึก ตามนึกถึงคุณงามความดีที่เคยทำ ย่อมพร้อมที่จะทำตาม เหมือนหมอรักษาไข้ ต้องให้คนป่วยกินยาขม คนป่วยรู้ทั้งรู้ว่ายานั้นรักษาโรคได้ แต่เบื่อยา ไม่เต็มใจรักษา ถ้าเอาของอร่อยเช่นน้ำตาลมาเคลือบเม็ดยา ช่วยให้คนป่วยกลืนสะดวกจึงยอมรักษาตัว
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
การทำบุญกุศลก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน จะทำทานรักษาศีล ภาวนา ก็ตามล้วนแต่ต้องทวนกระแสใจทั้งสิ้น เพราะใจมีธรรมชาติชอบไหลไปในเรื่องอกุศล เหมือนสายน้ำไหลลงที่ต่ำ ถ้าจะให้กระแสน้ำทวนขึ้นที่สูง ย่อมต้องหาอะไรมากั้นให้เป็นคันเป็นเขื่อน ต้องการยกใจให้สูงขึ้นสู่การประกอบกุศลกรรม จำต้องใช้อุบายต่างๆ ในการสร้างเขื่อนทดใจ
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
ของที่ระลึกก็ตาม ของขวัญก็ตาม แม้กระทั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ล้วนเป็นเขื่อนยกใจทั้งสิ้น
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
อนึ่งการประกอบบุญกุศลทั้งหลายนั้น ตราบใดที่ยังไม่สิ้นกิเลสเลิกเวียนว่ายตายเกิดจะหยุดสร้างไม่ได้ จะบอกว่าทำมามากแล้ว พอแค่นี้ก่อน นั่นเป็นความประมาทอย่างยิ่ง เพราะเราย่อมไม่รู้ว่าวันใดจะอยู่ในสภาพหมดโอกาสทำอีกแล้ว ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นคิดปรารถนาอยากทำก็ทำไม่ได้ ดังนั้น ในขณะที่โอกาสยังมี ความพร้อมทุกอย่างบริบูรณ์ จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องรีบทำให้เต็มที่
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
การสร้างพระมหาธรรมกายเจดีย์ของเราทุกคน ต้องถือว่าเป็นโอกาสวิเศษสุดของนักสร้างบารมี เพราะเป็นการสร้างปูชนียสถาน ศูนย์รวมใจของชาวโลก และไม่ใช่เป็นของพระพุทธศาสนาเท่านั้น เนื่องจากกายธรรม ล้วนมีอยู่ในมนุษย์ทุกชาติทุกศาสนา เป็นสิ่งสากล แม้กระทั่งการทำสมาธิให้ใจสงบ ก็เป็นของทุกศาสนา เป็นของสากลเช่นเดียวกัน
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
ต่อไปภายหน้า เมื่อคนทั่วโลกปฏิบัติธรรมเข้าถึงกายในกาย เห็นกายธรรมของตนเอง มหาธรรมกายเจดีย์ที่เราร่วมใจกันสร้างขึ้นมานี้ จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่า ที่คนจะพากันมานมัสการและเล่าขานถึงประวัติมหาธรรมกายเจดีย์ที่เกี่ยวข้องกับความมหัศจรรย์ต่างๆ รวมทั้งการโจษขานของเหล่าผู้คนที่เคยพบเห็น ล้วนทำให้สถานที่นี้เป็นที่ตั้งของศรัทธามหาชนอย่างนับประมาณมิได้
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
คนยุคเราทุกคน มีโอกาสสร้างมหาธรรมกายเจดีย์นี้ ถือว่าไม่เสียชาติเกิด เป็นคนมีมหาโชคมหาลาภกว่าคนรุ่นก่อน หรือคนรุ่นต่อไปข้างหน้า จึงไม่ควรเสียเวลาหรือมัวสงสัยลังเล บุญนั้นใครทำใครได้ ไม่มีใครสามารถโกงบุญของผู้อื่น เป็นของติดตัวผู้ทำไปตลอดกาล แต่ทั้งที่รู้ว่าบุญเป็นสิ่งที่ควรทำ ธรรมชาติของปุถุชน ยังมีกิเลสหนาปัญญาหยาบ บ่อยครั้งก็จะมีการท้อแท้ท้อถอย เบื่อหน่ายคลายอุดมการณ์ ผู้เป็นกัลยาณมิตรที่ฉลาดย่อมสามารถหาวิธีจูงใจประการต่างๆ
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
การร่วมกันสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ก็ทำนองเดียวกัน เมื่อสร้างยังไม่เสร็จ จำเป็นต้องกระตุ้นให้กำลังใจกัน งานใหญ่จึงสำเร็จ จึงมีการสร้างองค์พระประดิษฐานไว้ตามที่ตรงนั้น ที่ตรงนี้ เป็นกุศโลบายให้งานสำเร็จ สร้างกำลังใจไม่ให้ท้อแท้ เหมือนยกใจทุกครั้งที่หมดแรงด้วยอุบายอันเป็นกุศลชั้นเลิศ เราควรภูมิใจในความโชคดีอันวิเศษนี้ และทำความเข้าใจให้ถูกเป็นการให้กำลังใจผู้นำของเราไปในตัวว่า ท่านทำเพื่อให้เรามีโอกาสสร้างบารมียิ่งใหญ่ที่หาได้ยาก ไม่ได้ทำเพื่อตัวท่านเองแม้แต่น้อยนิด ทนตรากตรำเหน็ดเหนื่อย อดทนต่อผู้คนมิจฉาทิฏฐิทั้งปวงมานานถึง ๓๐ ปี และคงต้องทนต่อไปจนชั่วชีวิต