เรื่องที่ ๔๗ พาตามหาคน จนพบอย่างไม่คาดฝัน
คุณปฏิพัทธ์ เหล็งขวัญยืน พนักงานธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาลำปางเล่าว่า เมื่อปลายเดือนมิถุนายน ได้รับอาสาจากทางวัดพระธรรมกายติดต่อประสานงานกับผู้ที่จะนำคนมาบวชอุบาสิกาแก้ว ระหว่างวันที่ ๗-๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๑ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ จากจังหวัดลำปาง แพร่ พะเยา และจังหวัดน่าน เนื่องจากเป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในจังหวัดภาคเหนือ ในจำนวนจังหวัดดังกล่าว คุณปฏิพัทธ์เคยไปมาแล้ว ยกเว้นจังหวัดน่านไม่เคยไปเลย ผู้ที่ต้องไปติดต่อด้วย คุณปฏิพัทธ์ก็ไม่รู้จักทั้งตัว ทั้งที่อยู่ มีแต่เบอร์โทรศัพท์ ของคุณศรีสมร และเบอร์เพจเจอร์ของคุณไพฑูรย์ ชาวส้าน
วันที่คุณปฏิพัทธ์เดินทางไปจังหวัดน่านเพื่อตามหาบุคคลทั้งสอง ก็ไม่ได้ติดต่อบอกล่วงหน้า เมื่อขับรถไปถึงจังหวัดน่าน จึงโทรศัพท์ไปบ้านคุณศรีสมร ได้พบตัวและนัดแนะทางไปยังบ้านเธอ ปกติแล้วหลังอาหารกลางวันคุณปฏิพัทธ์ชอบดื่มกาแฟเย็น วันนั้นยังไม่ได้ดื่ม ได้พูดกับผู้ที่ไปด้วยขณะขับรถตามรถของคุณศรีสมรว่า "นี่นะ ถ้าเราเป็นคนมีบุญอยู่บ้าง ไปถึงบ้านคุณศรีสมรแล้ว เจ้าของบ้านคงจะเลี้ยงกาแฟเย็นเรานะ"
น่าแปลกเมื่อไปถึง คุณศรีสมรถามทุกคนว่า "ทานกาแฟไหม" เมื่อทุกคนรับคำ และคิดว่าคงเป็นกาแฟร้อนชงจากครัวในบ้าน กลับเป็นกาแฟเย็น ซึ่งคุณศรีสมรให้เด็กออกไปซื้อมาจากร้านข้างบ้าน คุณศรีสมรเล่าว่า ความจริงวันนี้ต้องอยู่ประชุมในตัวจังหวัดทั้งวัน แต่ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ตอนพักเที่ยงอยากกลับบ้านมาก จึงขับรถกลับทำให้ได้รับโทรศัพท์ติดต่องานกันได้ บ่ายโมงต้องรีบกลับเข้าจังหวัดไปประชุมต่อ
จากนั้นคุณปฏิพัทธ์ต้องออกตามหาคุณไพฑูรย์ ชาวส้าน ที่อำเภอปัว ได้เรียกไปตามเพจเจอร์แล้ว แต่ไม่มีโทรศัพท์ตอบกลับ คุณปฏิพัทธ์นึกถึงพระมหาสิริราชธาตุที่เคยเห็นอยู่เรื่อยๆ ในศูนย์กลางกายขณะเดินทางไปอำเภอปัว นึกขยายนิมิตให้องค์ท่านใหญ่เท่าฝ่ามืออยู่ตลอดเวลา
การรู้ที่อยู่เพียงแค่ชื่ออำเภอ เปรียบไปก็เหมือนหาเศษสตางค์อันเดียวในคลองน้ำขุ่น โอกาสพบไม่มีเลย นอกจากความบังเอิญ แต่อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุก็สร้างความบังเอิญนั้นให้คุณปฏิพัทธ์ได้อย่างอัศจรรย์
ในขณะที่ขับรถโดยไม่รู้ว่าจะไปตามหาตรงจุดไหน ทั้งเหนื่อยและร้อน จึงแวะจอดข้างทางหน้าตึกแถว ๒ คูหาเล็กๆ ขายน้ำ พอลงจากรถมองข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม เห็นรถบัสโดยสารสีส้มจอดรับผู้โดยสารกำลังเคลื่อนออกไป ทำให้เห็นป้ายชื่อหมู่บ้านตรงที่จอดรถบัสเมื่อครู่ว่า "บ้านส้าน"
คุณปฏิพัทธ์รู้สึกดีใจ ดูมีความหวังขึ้น ชื่อหมู่บ้านมีคำว่าส้านเหมือนนามสกุลคุณไพฑูรย์ จึงข้ามถนนตรงไปยังที่รถจอดเมื่อครู่ เพราะยังมีคนยืนอยู่ที่นั่น ๒ คน เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งและคุณลุงสูงอายุอีกท่านหนึ่ง ลักษณะเหมือนมาส่งคนขึ้นรถและทำท่าจะขี่มอเตอร์ไซด์กลับ
คุณปฏิพัทธ์รีบถามดังๆ ว่า "รู้จักคุณไพฑูรย์ ชาวส้าน มั้ยครับ"
เสียงคุณลุงท่านนั้นตอบมาว่า "พ่อของไพฑูรย์ ยืนอยู่นี่" พร้อมกับชี้อกตัวเอง และบอกว่า คุณไพฑูรย์ขึ้นรถบัสสีส้มไปเมื่อครู่ ท่านเป็นคนมาส่ง ท่านรับอาสาขี่มอเตอร์ไซค์ตามให้ ยังพอตามทัน ให้คุณปฏิพัทธ์รออยู่ที่นั่น แต่คุณปฏิพัทธ์ขับรถตามไปด้วย
ในที่สุดได้พบคุณไพฑูรย์สมความตั้งใจ เมื่อพูดธุระกันเรียบร้อยแล้ว ได้เล่าความประหลาดใจในเหตุบังเอิญต่างๆ สู่กันฟัง ซึ่งคุณไพฑูรย์เห็นด้วย โดยพูดว่า
"ทุกครั้งพ่อมาส่งผมที่ท่ารถ แล้วก็จะกลับทันที วันนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร ส่งผมแล้วยังไม่รีบกลับ อยู่เป็นเพื่อนผมคอยรถตั้งชั่วโมงเศษ เมื่อก่อนไม่เคยทำอย่างนี้เลย"
คุณปฏิพัทธ์ยืนยันว่า ต้องเป็นด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของพระมหาสิริราชธาตุแน่นอน เพราะคุณปฏิพัทธ์นึกถึงอยู่ตลอดเวลา จากนั้นสองฝ่ายต่างลาจากกันไปทำหน้าที่ผู้นำบุญต่อ
คุณปฏิพัทธ์ยังเล่าต่ออีกว่า "วันอาทิตย์ต่อมา ผมได้โทรศัพท์ไปที่วัด ขอทำบุญสร้างพระที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์ บูชาธรรมพระเดชพระคุณ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ๑ องค์ และไปที่วัดรับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุเป็นของตนเอง ได้ปฏิบัติตามคำสอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อแนะนำคือให้ระลึกถึงท่านบ่อยๆ พูดสรรเสริญความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับสรรเสริญคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (เพราะเป็นพระพุทธรูปซึ่งเปรียบเหมือนตัวแทนพระองค์ท่านอยู่แล้ว) เจอใครๆ ก็ให้พูด เล่าให้เขาฟังทุกวัน แล้วผมยังสามารถชวนคนอื่นทำบุญสร้างพระที่แกนกลางได้ง่ายๆ อีก ๒ องค์"