เรื่องที่ ๗๔ พระส่งเสียงรับทราบได้
คุณศศิวัฒน์ อูกะโชค อยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เล่าว่ามาทำบุญที่วัดพระธรรมกายครั้งแรกต้นปี ๒๕๓๙ กลับไปก็พบปาฏิหารย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ คือคุณศศิวัฒน์ รู้จักเพื่อนเป็นพยาบาลรุ่นพี่ผู้หนึ่ง ชื่อคุณสวาท วงศ์วิวัฒน์ มีสามีรับราชการเป็นที่ดินจังหวัดชลบุรี คุณศศิวัฒน์ต้องการให้คุณสวาทแนะนำตนเองให้รู้จักกับทันตแพทย์หญิงเพื่อนร่วมงาน เพื่อคุณศศิวัฒน์จะชวนทำบุญสร้างวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
พอคุณสวาทได้ยินคำว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำเท่านั้น แสดงความตื่นเต้นเป็นกำลัง พูดขึ้นระล่ำระลักว่า "สร้างวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำหรือ ขอสร้างด้วยคนนะ มีเรื่องแปลกจะเล่าให้ฟัง"
แล้วเล่าว่า เมื่อ ๔-๕ คืนที่ผ่านมา ฝันเห็นพระภิกษุชรารูปหนึ่ง มีติ่งเล็กๆ ที่คอ ไม่เคยเห็นหน้า หรือรู้จักที่ไหนมาก่อนเลย ท่านเดินนำหน้าพาพระภิกษุมาด้วยอีก ๔ รูป มายืนหยุดตรงหน้าคุณสวาทซึ่งนั่งอยู่บนแคร่ ท่านพูดกับพระทั้งหมดที่มาด้วยกัน โดยชี้นิ้วมาที่หน้าคุณสวาทด้วยว่า "คนคนนี้เป็นหลานของหลวงพ่อเองนะ" คุณสวาทฟังแล้วตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก เลยตื่นจากหลับ
วันรุ่งเช้าเล่าความฝันให้สามีฟัง อธิบายลักษณะพระภิกษุที่เห็นให้ทราบ ขอร้องให้สามีช่วยมองหาภาพพระภิกษุที่มีลักษณะเหมือนหรือใกล้เคียงมาให้ดูด้วย
สามีก็รับปาก เขาเดินลงจากบ้านไปเพียงครู่เดียวกลับมาพร้อมกับภาพถ่ายหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ยื่นให้ภรรยาดูพร้อมกับพูดว่า "องค์นี้ ใช่รึเปล่า"
ภรรยาเห็นแล้วดีใจ ร้องเสียงดังอย่างลืมตัว "ใช่ ใช่แล้วค่ะ หลวงพ่อองค์นี้ หน้าตาอย่างนี้เลย" ดังนั้นพอคุณสวาทรู้ข่าวการสร้างมหาวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จึงเต็มใจยิ่ง รับทำบุญสร้างเสามหาวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ๑ ต้น ๑ แสนบาททันที ทั้งยังรับปากจะช่วยชวนคนทำบุญต่อๆ ไป รวมถึงที่ดินอำเภอในเครือข่ายเดียวกัน
สำหรับคุณศศิวัฒน์เอง ได้พบเหตุการณ์อัศจรรย์จริงๆ ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ฝัน
เช้าวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ เดินทางไปวัดพระธรรมกาย เพื่อร่วมทำบุญวันอาทิตย์ ที่สภาธรรมกายสากลหลังใหม่ ขณะที่นั่งคอยพระเดชพระคุณหลวงพ่อเดินทางมาถึง ที่นั่งบนยกพื้นด้านหน้าซึ่งมีพระธรรมกาย สีขาวองค์ใหญ่ตั้งเป็นประธานอยู่นั้น คุณศศิวัฒน์มองดูองค์ท่าน แล้วโดยฉับพลันมองเห็นพระภิกษุอีกรูปหนึ่ง มีรูปร่างสูงใหญ่ห่มจีวรสีเหลืองอร่าม นั่งอยู่หลังองค์พระประธาน ชี้ให้ใครดู ก็ไม่มีใครเห็น บางคนยังกล่าวว่าเป็นแสงสะท้อน สักครู่ภาพนั้นก็ค่อยเลือนหายไปต่อหน้า ขณะที่ใจนึกลังเลในภาพที่เห็นเมื่อสักครู่ ว่าเป็นไปได้หรือที่สามารถเห็นภาพอย่างนั้นด้วยตาเนื้อ สักครู่คุณศศิวัฒน์ถึงกับจ้องมองตาค้าง เพราะเป็นภาพพระภิกษุองค์เดิม คราวนี้เห็นหน้าตาท่านชัดเจนว่าเป็นหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เห็นอยู่ว่าท่านไม่ได้นั่งหันหน้ามาทางเดียวกับพระประธาน แต่หันหน้าไปทางสภาธรรมกายหลังคาจาก เห็นครู่เดียวก็หายไป
ตอนเย็น ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้เห็นภาพปาฏิหารย์อัศจรรย์ตะวันแก้ว พร้อมกับสาธุชนหลายหมื่นคน ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยลังเลเหลืออยู่เลยตั้งแต่เห็นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่เห็นคนเดียวที่ด้านหน้าสภาธรรมกายสากลหลังใหม่ตอนเช้าวันนั้น และยิ่งปลาบปลื้มยินดีเป็นล้นพ้น เมื่อพระอาจารย์รูปหนึ่งของวัด เดินทางไปให้การอบรมปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมจังหวัดชลบุรี ท่านเล่าว่า ในวันที่ ๖ กันยายนที่เห็นปาฏิหาริย์กันตอนเย็นนั้น ความจริงแล้วหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านได้เมตตาแสดงภาพท่านให้เห็นกันในสภาธรรมกายสากลตั้งแต่ตอนเช้าของวันนั้นแล้ว มีคนจำนวนมากเห็นกัน คุณศศิวัฒน์ฟังคำยืนยันดังนั้น หายแคลงใจตนเอง กลายเป็นความปลาบปลื้มปีติใจ บอกว่าทุกวันนี้ยังจำได้ติดตา
อภินิหารเรื่องที่สอง เป็นเรื่องที่พระมหาสิริราชธาตุส่งเสียงตอบรับคำพูดได้ คือเมื่อคุณศศิวัฒน์รับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุองค์แรกซึ่งเป็นของลูกสาวไปบ้าน ก็ท่องบทสรรเสริญจนจำได้แม่น บูชาท่านทั้งเช้าเย็นอยู่เนืองๆ และไม่ใช่ท่องเปล่า ขยันพูดคุยกับท่าน พยายามนึกองค์ท่านเป็นนิมิตที่ศูนย์กลางกาย ให้ท่านกับตนเองเป็นของสิ่งเดียวกัน เพื่อให้เสียงสวดสรรเสริญของตนดังไปถึงพระนิพพาน
เมื่อสวดจบ และพูดคุยเรื่องต่างๆ แล้ว คุณศศิวัฒน์นั่งเงียบนิ่งๆ ทุกอย่างในห้องพระเวลานั้นเงียบสนิท มีเสียงนาฬิกาอย่างเดียวดังเป็นจังหวะค่อยๆ ทันใดนั้นเอง เกิดเสียงประหลาดขึ้นข้างๆ ตัว คล้ายเสียงคลื่นความถี่สูงมาก ดัง "เอี๊ยว... " ผ่านตัวคุณศศิวัฒน์ เสียงนั้นดังชัดเจนมีพลังจนรู้สึกได้ขณะเสียงวิ่งผ่าน ทำให้ตกใจอุทานดังลั่นออกมา "เอ๊ะ เสียงอะไรเนี่ย" สักครู่พอนึกได้ว่าคงเป็นเสียงองค์พระมหาสิริราชธาตุแสดงปาฏิหาริย์กระมัง จึงจับองค์ท่านพนมไว้ในมือ พูดว่า
"ถ้าเป็นเสียงของพระมหาสิริราชธาตุจริงแล้ว ขอท่านจงพูดหลายๆ ครั้ง จะได้เชื่อมั่น"
ต่อมาได้ยินเป็นครั้งที่สอง ขณะทำงานอยู่ในครัว ใจน้อมระลึกถึงองค์ท่านอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ปากก็พูดกับองค์พระว่า "ขอให้ลูกสมหวังดังที่คิดเจ้าค่ะ" พูดจบเสียงประหลาดแบบเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ต้องเอามือจับองค์พระพนมขึ้นพูดว่า "ท่านพูดได้จริงๆ หรือนี่"
ได้ยินครั้งที่สามอีก เนื่องจากไปวัดได้รับพระมหาสิริราชธาตุมาอีกองค์หนึ่ง องค์ใหม่นี้มีธาตุทั้งสามรวมกันบริบูรณ์สวยงาม รู้สึกดีใจและยังได้เห็นสาธุชนนับหมื่นเข้าแถวขอจองเป็นประธานรอง ฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ ปี พ.ศ.๒๕๔๓ วันมาฆบูชา ยิ่งปีติมาก
ตกกลางคืนเมื่อกลับถึงบ้าน หลังจากสวดมนต์สรรเสริญ และทำสมาธิ โดยคล้องพระองค์หนึ่งไว้ที่คอ อีกองค์ติดไว้ที่เสื้อ ตั้งใจว่าจะนำพระมหาสิริราชธาตุองค์แรกให้ลูกสาว แล้วล้มตัวลงนอน ใจอยู่ในสมาธิเรื่อยไปจนหลับ ประมาณตี ๒ คุณศศิวัฒน์ก็ต้องตกใจตื่น เพราะเกิดเสียงประหลาดที่ข้างหูขวา เป็นเสียงเดียวกับที่เคยได้ยิน เหมือนเสียงโต้ตอบกัน จึงลุกขึ้นกำพระทั้งสององค์พนมไว้ในมือ เชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าพระพูดได้ แล้วก็ล้มตัวลงนอนทำสมาธิต่อจนหลับไป ไม่คิดว่าจะต้องตื่นอีก
ต่อจากนั้นอีก ๔-๕ คืนได้ยินเสียงอีกเป็นครั้งที่ ๔ เวลาก่อนนอนเธอทำสมาธิไปตามเสียงคำสอนในเทปของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยแล้วก็หลับไป ตอนดึกก็ต้องตื่นด้วยเสียงดังอย่างเก่า ตอนนี้คุณศศิวัฒน์เลิกแปลกใจแล้ว กลับรู้สึกมีอารมณ์ขันขึ้นมาแทน คิดในใจว่า "แหม พระมหาสิริราชธาตุ อยู่ด้วยกันสององค์เลยคุยกันใหญ่" แล้วหลับตานอน ไม่ได้นึกถึงอีกเลย จนกระทั่งเป็นครั้งที่ ๕ จึงเกิดแรงบันดาลใจให้ต้องเขียนเรื่องเล่ามา
วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ กลับจากทำบุญที่วัดกลับไปบ้าน นั่งในอยู่ห้องพระ คุณศศิวัฒน์มองภาพใบหน้าของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลังจากสวดมนต์ทำสมาธิประจำวันแล้ว พูดกับหลวงพ่อท่านว่า ไปวัดวันนี้ตนเองหวนนึกไปถึงเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน หลวงพ่อธัมมชโยท่านแสดงธรรมเทศนาจบแล้ว ท่านพูดว่า "หลวงพ่ออายุมากแล้วนะ ลูกนะ" แล้ว ท่านก็เงียบไม่พูดอะไรต่อไปอีกเลย
คุณศศิวัฒน์นั่งอยู่แถวหน้า เห็นผู้คนบริเวณนั้นร้องไห้เช็ดน้ำตา รวมทั้งตัวเองด้วย เพราะเกิดความสงสารหลวงพ่อขึ้นมาจับใจ คืนนี้คุณศศิวัฒน์จึงตั้งจิตอธิษฐานต่อภาพหลวงพ่อสดว่า "ขอให้ลูกมีบารมีแก่ๆ มีความกล้าหาญชวนคนทำบุญ ชวนผู้ใดก็ตาม ให้ผู้นั้นมีปีติใจเลื่อมใส เต็มใจเป็นกำลังให้พระพุทธศาสนาทันที"
จบจากขออานุภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญแล้ว คุณศศิวัฒน์ก็หยิบพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุรุ่นดรุณนาคะมาใส่พนมมือไว้ แล้วพูดกับท่านว่า
"พระมหาสิริราชธาตุรุ่นดรุณนาคะ ผู้มีฤทธิ์เดชแต่เยาว์ ท่านได้ยินคำกล่าวขอร้องของลูกแล้วใช่ไหม ถึงความในใจที่ลูกคิดช่วยงานพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ขอพระมหาสิริราชธาตุทั้งที่อยู่ที่นี่และที่อยู่กับลูกสาว รวมเป็นสององค์ จงช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกทำงานสำเร็จตามความตั้งใจด้วยเจ้าค่ะ"
จบคำพูดขอพรลง ทันทีนั้นมีเสียงประหลาดอย่างเดิมเกิดขึ้นใกล้ตัวคุณศศิวัฒน์อีกเป็นครั้งที่ ๕ ทำให้ขนลุกซู่ พร้อมทั้งเกิดความเชื่อมั่นสุดหัวใจว่า พระมหาสิริราชธาตุศักดิ์สิทธิ์นัก และพูดตอบคำอธิษฐานได้จริงจึงตัดสินใจเขียนเล่าเรื่องมาให้ทราบ
นับแต่วันนั้นมา คุณศศิวัฒน์มีกำลังใจมากมาย ออกเดินหน้าตามหาเจ้าของบุญ ขณะที่เขียนเล่าเรื่องมานี้ ได้ชวนคนมาทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวได้แล้วเกือบสิบรายแล้ว และคิดว่าจะต้องบอกบุญได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ เพราะพระมหาสิริราชธาตุองค์แรกเมื่อได้รับมาบูชาได้เพียง ๖ วัน ก็มีสิทธิธาตุเพิ่มขึ้นชัดเจน ๒-๓ แห่ง เป็นกำลังใจให้อยู่แล้ว อาจจะบอกบุญได้มากถึงขนาดได้รับพระของขวัญพิเศษ "พระคะแนนสุด สุด"
เรื่องสุดท้ายเป็นความสำเร็จที่นึกไม่ถึง วันที่ ๑๓ สิงหาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณศศิวัฒน์ สามีนั่งเครื่องบินมาจากอุดรธานี เพราะย้ายจากชลบุรีไปทำงานที่โน่น ส่วนลูกๆ ก็มาพร้อมหน้า เพื่อจะมารับประทานอาหารร่วมกัน ฉลองวันเกิดให้คุณศศิวัฒน์
สำหรับใจจริงๆ ของคุณศศิวัฒน์ต้องการไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งได้รับการ์ดวันเกิดจากทางวัดอวยพรเป็นศิริมงคลให้ ยิ่งคิดก็อยากไปวัดมากขึ้น เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้ ก็มีการถามกันขึ้นว่า "แม่อยากไปทำบุญที่วัดไหน" คุณศศิวัฒน์ตอบตรงๆ ไปว่า "อยากไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายมากที่สุด" ตอบไปแล้วเห็นทุกคนพากันนิ่งเงียบ โดยเฉพาะสามีเห็นขมวดคิ้วเล็กน้อย จึงต่างคนต่างไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก คุณศศิวัฒน์เองรู้ตัวว่าคงหมดหวัง จึงคิดว่าไปวัดที่ต้องการไม่ได้ ทำบุญตักบาตรที่หน้าบ้านพักก็แล้วกัน
แต่แล้วเหมือนปาฏิหาริย์ ขณะนั่งดูข่าวเวลา ๒ ทุ่ม ลูกสาวเข้ามาหา พูดแสดงความดีใจว่า "คุณแม่คะ คุณพ่อจะพาแม่ไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายค่ะ"
ดีใจที่สุด นึกไม่ถึงว่าความปรารถนาจะสำเร็จ ได้แต่ระลึกถึงเนื้อสิทธิธาตุสีแดงในองค์พระของขวัญมหาสิริราชธาตุ ด้วยใจชื่นชมบูชา พระท่านมีชีวิต พูดได้ ให้ความสำเร็จได้ ต่อนี้ไปคุณศศิวัฒน์ตั้งความปรารถนายิ่งใหญ่ คือขอเป็นประธานรองฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ให้ได้ ขอจงสำเร็จ ขอจงสำเร็จ ขอจงสำเร็จ
เรื่องนี้รายละเอียดอาจจะยาวไปบ้าง ผู้เล่าคงเจตนายืนยันว่าท่านได้ยินเสียงประหลาดนั้นจริงๆ จึงต้องนับครั้งเล่าให้ฟัง ถ้าสังเกตให้ดี มักเป็นเวลาที่ใจของผู้เล่าสงบ และคิดผูกพันบูชาองค์พระอยู่ ใจหยุดนิ่งสนิท กายภายนอกและกายภายในตรงกัน ทั้งตาเนื้อที่เห็นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ซึ่งนั่นเป็นตาภายนอกและตาภายในตรงกัน ส่วนการได้ยินเสียงเหมือนเสียงความถี่สูง นี่เป็นหูนอกและหูในตรงกัน มีบางรายเช่น รายอาจารย์ใหญ่ท่านหนึ่ง ได้อาราธนาให้พระมหาสิริราชธาตุท่านพูด อาจารย์ผู้นั้นก็ได้ยินเป็นคำพูดเสียงเล็กๆ ว่า อะระหัง อยู่ ๒ ครั้ง แล้วหุบพระโอษฐ์
เรื่องเหล่านี้อาจจะดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ในการปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงพระธรรมกายแล้ว สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันในญาณ ทางสมาธิจิตขั้นสูงได้
ใครก็ตามฟังคำบอกเล่าเรื่องเหลือเชื่อแล้ว อย่าเพิ่งด่วนต่อต้าน ในเมื่อตนเองยังพิสูจน์ไม่ได้ ควรพิจารณาดูว่า ถ้าเชื่อแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร เช่น ทำให้มีใจศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต้องการสร้างบุญกุศล มีประโยชน์เป็นที่ตั้งก็ควรเชื่อและสร้างบุญกุศลตาม ถ้าไม่เชื่อต้องกลายเป็นคนดื้อ ไม่ชอบสร้างบุญกุศล เกรงจะถูกหลอกไปเสียหมด ย่อมหมดเวลาสร้างความดี คนฉลาดอ่านเรื่องเหล่านี้แล้ว ย่อมสามารถตัดสินใจได้ถูกทาง