ดิฉันเข้าวัดเมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๙ ตอนนั้นยังทำงานอยู่ เป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีอยู่ที่โรงแรมมณเฑียร โดยทราบจากโทรทัศน์ที่ประกาศว่า จะมีวันรวมน้ำใจไทยทั้งชาติในวันเกิดในหลวง แต่ก็ไม่รู้จักรู้แต่ว่าไปขึ้นรถที่อนุสาวรีย์ แต่ก็ไม่รู้อีกว่ารถจอดตรงไหน ขึ้นรถมาถึงวัดก็ลงหน้าโบสถ์ รู้สึกเลยครั้งแรกก็ประทับใจว่าชอบมาก เป็นวัดที่สงบ ร่มรื่น แล้วก็สะอาด เป็นระเบียบ แล้วก็มีความรู้สึกเหมือนกับสิ่งที่เราหามาตั้งนานแล้ว ก็มาตลอดเลยตั้งแต่นั้นมาก็ทำงานทางโลก ๖ วัน จันทร์ถึงเสาร์ และวันอาทิตย์ก็จะไปวัดตลอด
พอดีเพื่อนของสามีชื่อจีรศักดิ์ เขาจบปริญญาโทเมืองนอก แต่ว่าเขาเล่นการพนันมาตลอดชีวิต เขาก็มาชวนไปสนามม้า ก็มีคนละแสนสองแสน แล้วก็ไปรับแทง แต่ว่าเราต้องจำแม่น เพราะว่าจดไม่ได้ แล้วในก๊วนนี้ก็เป็นผู้ชายหมด มีพี่คนเดียวที่เป็นผู้หญิง เล่นจนตำรวจเขาจับได้ในสนามม้า แต่เราก็ไม่รับเพราะไม่มีหลักฐาน ก่อนเข้าวัด ชีวิตทุกอย่างก็คืออบายมุขล้วนๆ มีทั้งม้า มวย หวย ไพ่ การพนันทุกชนิด แล้วก็กินเหล้า เล่นงวดหนึ่งประมาณ ๗-๘ แสน เล่นจนเราเป็นเจ้าแม่หวย เพื่อนเขาบอกว่า เอ๊ะ ที่บ้านเราจุดธูปทีไร มันก็ออกเป็นเลขหวยทุกที มันก็ออกเป็นเลขหวยทุกที เขาก็จะมาขอดู พอเสร็จแล้วเขาแซวบอกว่าไม่ต้องทำงานแล้วแหละ เขาบอกจาดออกงานไปเลย แล้วก็ไปเปิดศาลอยู่ข้างบ้าน
ตอนนั้นเราก็ไม่รู้อีกแหละว่า มันกรรมทันตา เล่นม้านี่ไม่เคยได้นั่งเลย อยู่ในสนามม้านี่ก็วิ่งเหมือนม้าตลอด เพราะว่ามันต้องวิ่งไปสืบ ม้าตัวไหนจะสู้ไม่สู้ แล้วก็วิ่งไปแทงที่จุด วันหนึ่งกินน้ำ ๒๐ แก้ว ก็ไม่หายหิว พอบางทีม้ามันก็มาตายอยู่ตรงหน้าเราเลย เพราะว่าเขาโด๊ปยา
แต่ไพ่นี่เล่นก่อนอยู่แล้ว ที่เลิกได้เพราะมาเจอวัด แต่ว่ายังไม่รู้ซึ้งอะไรมากมาย แต่ก็เริ่มว่าจะทำความดีโดยที่มาวัดทุกอาทิตย์ ได้ฟังหลวงพ่อธัมมชโยท่านสอน จนกระทั่งได้พบหลวงพ่อทัตตชีโว ท่านไปเทศน์ที่โรงพยาบาลในอำเภอสัตหีบ จึงได้มีโอกาสไปกราบท่านที่บ้านพักในกรมทหาร ก็เลยกราบเรียนถามท่านว่า หลวงพ่อลูกเป็นอะไร ทำไมลูกถึงติดเล่นหวย
หลวงพ่อท่านก็หัวเราะ แล้วท่านก็บอกว่า ก็เอ็งไม่ได้เล่นมาชาตินี้ชาติเดียว เอ็งเล่นมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติแล้ว หลวงพ่อว่าเลิกได้ก็เลิกเสียนะลูก มันติดตัวเราข้ามภพข้ามชาติ พอได้ยินคำนี้ก็เลิกเด็ดขาดทุกชนิดเลยไม่เล่นอะไรทั้งสิ้นเลยธิวันละ ๑๒ ชั่วโมง ถือศีล ๘ พอวันที่ ๓ ก็ได้เข้าถึงดวงปฐมมรรค น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง แล้วก็บอกกับตัวเองทันทีว่า ตลอดชีวิตที่เราเสาะแสวงหามา จะกินของอร่อยขนาดไหน ทุกที่ที่เราไปเที่ยวมา จะเล่นอะไรทั้งหมด มันคือความเพลิน แต่อันนี้คือความสุขที่แท้จริง รู้เลยว่ามันเย็นกาย เย็นใจ เหมือนกับที่เราหามาตลอดชีวิต แล้วก็บอกกับตัวเองเลยว่า เราได้แค่นี้นิดหนึ่งแค่นี้ เรายังมีความสุขขนาดนี้เลย แล้วพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านขนาดไหน ทำไมท่านถึงไม่ไปองค์เดียว ทำไมท่านต้องมาห่วงชาวโลก ความรู้สึกมันเกิดขึ้นมาเองอย่างนั้นเลยนะคะ
เราก็เห็นมหาเศรษฐีที่เข้าวัด เขาทำบุญกันคนละมากๆ โดยที่ไม่ได้ประกาศเลย ไม่ได้ทำเพื่อเอาหน้า แต่เราคิดว่าเราไม่มีกำลังทรัพย์ขนาดนั้น แต่เรามีกำลังใจนี่แหละ ที่จะทำความดี ก็ทำหน้าที่ผู้นำบุญ
จากการทุ่มเทในการทำหน้าที่ จนได้เจออานุภาพบุญ บุญนี่เราพิสูจน์ได้ด้วยเหตุผลจริงๆ เพราะว่าจากชีวิตเราที่ไม่น่าจะมายืนอยู่ ณ จุดตรงนี้ได้เพราะสิ่งที่เราเคยทำ มันเป็นบาป บาปทั้งนั้น ก็คือตกนรกแน่นอน แต่ว่าตอนนั้นไม่ใช่ไม่ทำบุญนะคะ บุญก็ทำควบคู่มาตลอด แต่ไม่เคยรู้เรื่องนั่งสมาธิ ทรัพย์ที่ได้ตอนที่เราเล่นการพนันนี่เยอะมาก แต่ไม่เคยอยู่เลย ได้มาก็หมดไป อย่างไรเล่นหวย พอได้มาก็เลี้ยงเขาหมด ได้ม้าก็มาเสียหวย ได้หวยก็ไปเสียม้า คือมันเป็นเงินร้อน มันจะไม่อยู่กับเราเลย เพราะมันได้บนความลำบากของคนอื่นเขา แต่พอมาปัจจุบันนี้ค่ะ เราได้เป็นชีวิตที่เป็นครอบครัวธรรมกายนะคะ เพราะว่าเข้ากันหมดทั้งครอบครัวเลย มีลูกชาย ๑ คน ก็เข้าวัดตั้งแต่เล็ก ปิดเทอมก็จะบวช จนกระทั่งปีนี้เขาจะจบมหาวิทยาลัยแล้ว เขาไม่เคยทำความเดือดร้อนอะไรให้เลยนะคะ แล้วบุญก็จะคอยหล่อเลี้ยงเขาอยู่ตลอด โดยที่เราไม่ต้องห่วงกังวล เราทำหน้าที่ของกัลยาณมิตรได้อย่างเต็มที่
จากการที่ทุ่มเท โดยไม่ยุ่งกับงานทางโลก ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๔ โดยลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการโรงแรมแอสโธเรียที่พัทยา ตั้งใจว่าจะอุทิศชีวิตให้กับพระศาสนา เพราะเห็นความเหนื่อยยากของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่สอนให้เราทำบุญ ให้ถือศีลแล้วก็นั่งสมาธิ ไม่หนีไปอยู่ตามป่าตามเขา เพื่อจะบรรลุได้เร็ว
แต่ว่าหลวงพ่อท่านต้องเหนื่อยที่ต้องมาสอนเรา เริ่ม ก.ไก่ เป็นเวลา ๓๐ ปีแล้ว โดยที่คนที่ไม่รู้ก็จะว่าสารพัดว่า หลวงพ่อเป็นพระแล้วทำไมไม่สมถะ ต้องเอาอะไรใหญ่โตอะไร เราเห็นถึงจุดตรงนี้ว่า หลวงพ่อยอมนั่งให้คนว่าอะไรขนาดนี้ ก็เพื่อลูกๆ รักชาวโลก อยากให้ชาวโลกได้พ้นทุกข์ ก็เลยคิดว่าเราจะอุทิศชีวิตให้พระพุทธศาสนา เหมือนกับที่หลวงพ่อได้ให้ชีวิตใหม่แก่เรา เพราะว่าเราได้หลุดพ้นจากอบาย หลวงพ่อให้ชีวิตใหม่ทางธรรมกับเรา
เพราะเวลาของเราเหลือน้อยแล้ว ที่เราผิดพลาดมาตลอดที่อยู่ในทางโลก เราทำงานให้กับทางโลกมาตลอด เงินก็ไม่เคยเหลือเลย หามาได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ก็เลยตั้งใจเลยจะทำหน้าที่กัลยาณมิตรเต็มที่ โดยไปหาใครที่เขามีความทุกข์ หรือเขาโทรมาหาเรา เราจะมีเวลาให้เขาตลอดเวลา แล้วก็ชวนเขาขึ้นมาปฏิบัติธรรมสวนบัว ก็เหมือนกับช่วยชีวิตให้เขาได้รอดจากความตาย บางคนจะฆ่าตัวตายก็มี
จากการที่เราสะสมบุญอย่างนี้ บุญก็ส่งผลมาตลอด มาถึงปัจจุบันนี้เห็นได้ชัดเลยว่า จากการที่เมื่อก่อนเราทำงานเหนื่อยยาก อยากได้เงินเยอะๆ อยากประสบความสำเร็จคือสูงสุดทางตำแหน่งหน้าที่การงาน ทำงานวันหนึ่งมากกว่า ๒๐ ชั่วโมง บางทีได้นอนแค่ ๒ ชั่วโมง แต่ปัจจุบันนี้เราเหมือนไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะมีรถทัวร์ แต่ว่าเป้าหมายจริงๆ ของเราแล้ว บอกได้เลยว่าเราไม่ได้ทำเพื่อธุรกิจทางโลก ไม่ได้ทำเพื่อหวังผลกำไร แต่ทำเพื่อสร้างบารมี เพื่อขนคนไปนิพพาน
เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่ตรงกับงานของวัด มีงานของพระพุทธศาสนา เราจะไม่ได้ให้เขาเช่ารถในทางโลก แต่ว่าถ้าไม่ตรงกับงานวัด เราก็จะให้เขาเช่า แต่ก็จะเจอข้อสอบตลอดว่า เวลาเราจะรับบุญกับทางวัด จะพาพระไปปฏิบัติธรรม ก็๋จะต้องมีงานมาให้เรา ถ้าเกิดไปงานนี้คุณได้เงินถึง ๓ หมื่น ๔ หมื่นเอาไหม แต่เราตั้งมโนปณิธานไว้ว่าไม่เอา เราเอาบุญก่อน และที่เราไม่เห็นแก่เงิน ไม่เห็นแก่ความโลภ เอาบุญมาตลอดนี้ บางทีเราหมุนเงินไม่ทัน มีเงินไม่พอที่จะจ่ายค่าน้ำมันรถ แต่ถึงเวลาที่จะรับบุญก็จะมาพอทุกครั้ง จนปัจจุบันนี้
เรียกว่างานหลักของเราคือ ผู้นำบุญนะคะ งานรองก็คือ บริหารรถทัวร์ไป และกล้าพูดเลยค่ะว่า เป็นบริษัทเดียวในโลกก็ว่าได้ ที่ไม่เคยออกไปหางานเลย งานเข้ามาตลอด แล้วก็ไม่ต้องทำด้วย เพราะเราได้บริวารที่ดีๆ เงินก็จะมาตลอด ทำนิดเดียวได้เยอะ
เหมือนที่หลวงพ่อพูดไว้ว่า บุญจะดึงดูดแต่สิ่งที่ดีๆ มาหาเราเพราะเดี๋ยวนี้ทำแต่เรื่องบุญตลอด เป็นผู้นำบุญตลอด ก็มีเงินเข้ามาตลอดเลย