ว่าง...ไม่ว่าง
สองเท้า
หลังเพลช่วงปลายฤดูฝนที่ผ่านมา หลวงพ่อเริ่มออกเดินตรวจวัดอีกครั้ง การเดินกางร่มบังละอองฝนให้หลวงพ่อในระยะใกล้ชิดเช่นนี้ เรื่องที่ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษในการเดินคือ...การก้าวเท้า
หลวงพ่อเริ่มก้าว เราก็ต้องก้าวพร้อมท่าน ท่านเดินเร็วขึ้นหรือช้าลง เราต้องรักษาจังหวะให้ใกล้เคียง หรือให้เป็นจังหวะเดียวกันกับหลวงพ่อ การเดินจึงจะราบรื่น ไม่สะดุด การไปเหยียบส้นรองเท้าของท่านจะไม่เกิดขึ้น
นั่นแสดงว่าเท้าทั้งสองของเราจะมาเดินเฉย ๆ ตามสบาย หรือเดินตามใจเรื่อยเปื่อยเช่นเดิมไม่ได้ ต้องรักษาจังหวะก้าวให้ขนานคู่ไปกับหลวงพ่อให้ได้ตลอด เวลานี้เท้าทั้งสองจึง...ไม่ว่าง
![](http://www.kalyanamitra.org/u-ni-boon/main/image/2553/dec/104_4.jpg)
สองตา
บรรยากาศในวัดช่วงนี้มีเสียงธรรมชาติบรรเลงให้ฟังอยู่ตลอด ท่วงทำนองคึกคักต่างจากฤดูอื่น เดินไปด้วย ฟังไปด้วย..หูไม่ว่าง
นอกจากหูไม่ว่าง สายตาและจมูกก็ไม่ว่างด้วย
กลิ่นหอมของดอกเพชรน้ำบุษสีเหลืองทองออกดอกเต็มต้นหอมฟุ้งกระจาย เดินผ่านไปเห็นกลีบ สีแดงสดมีเม็ดโต ๆ สีดำ ๆ อยู่ตรงกลางเป็นผลงานของต้นมิกกี้เมาส์ แมลงบินวนเวียน น้ำเต็มตลิ่ง อากาศเย็นสบาย ต้นไม้เขียวขจี ของขวัญจากธรรมชาติเช่นนี้ ถ้าไม่ซึมซับไว้ก็น่าเสียดาย
ตลอดเส้นทางที่เดินไปกับหลวงพ่อทำให้ดวงตา ฝ่าเท้า หู จมูกของเรา...ไม่ว่าง
![](http://www.kalyanamitra.org/u-ni-boon/main/image/2553/dec/104_2.jpg)
สองมือ
ฝูงยุงที่บินลาดตระเวนเวียนวนใต้หลังคาร่มมานาน ได้จังหวะโจมตี
ยุงตัวหนึ่งในฝูงบินลงเกาะที่ศีรษะหลวงพ่อจนได้ การใช้มือปัดไล่ยุงขณะที่เดินไปด้วยเช่นนี้ โอกาสพลาดไปถูกศีรษะหลวงพ่อมีสูง
มือหนึ่งกางร่ม อีกมือหนึ่งเริ่มปฏิบัติหน้าที่สำคัญที่เสี่ยงมาก มือทั้งสอง...ไม่ว่าง
เท้าไม่ว่าง สายตาไม่ว่าง มือไม่ว่าง หลวงพ่อเดินมาถึงกุฏิหลังหนึ่งเป็นกุฏิที่...ว่าง
หลวงพ่อเคยพูดถึงเรื่องการทำงานไว้ว่า มือหนึ่งให้ถือฆ้อง อีกมือหนึ่งให้ถือขวาน
นั่นหมายถึงมือที่ถือขวานนอกจากจะลุยหักร้างถางพงเส้นทางสร้างบารมีไปแล้ว มือที่ถือฆ้องต้องป่าวประกาศประชาสัมพันธ์ทำหน้าที่ชักชวนผู้อื่นไปด้วย สรุปว่ามือทั้งสองของนักสร้างบารมีนั้น ...ไม่ว่าง
จากท้องนาฟ้าโล่ง ๆ จนมาเป็นวัดที่สงบร่มรื่น มีผู้มีบุญมาประพฤติปฏิบัติธรรมนับล้านได้เช่นนี้ ผ่านมาหลายฤดูฝนจนไม้โตใหญ่ออกดอกให้ร่มเงา ทั้งหลวงพ่อ หลวงพี่ และรุ่นบุกเบิกทุกท่าน ต้องลับขวานกันกี่รอบ ฆ้องที่ตีพังไปเท่าไร...ไม่รู้
รู้เพียงว่าพระมหาเถระที่เป็นเจ้าของกุฏิว่างหลังนั้น เมื่อช่วยกันสร้างวัดจนสำเร็จ แทนที่ท่านจะมีเวลาว่าง ชีวิตท่านกลับ...ไม่ว่าง
ท่านเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์สาขาในต่างประเทศ
คือเริ่มต้นสร้างวัดและขยายงานพระศาสนาอีกครั้งในต่างแดน
ชีวิตของนักสร้างบารมี...ไม่มีว่าง
.............
เท้าสองคู่ที่ไม่ว่างได้ก้าวเดินเรื่อยมาจนถึงกุฏิที่ว่างอีกหลังหนึ่ง
เท้าคู่แรกหยุด
เท้าคู่ที่สองหยุดตาม
สายตาคู่แรกมองไปที่กุฏิว่างหลังนั้น
สายตาคู่ที่สองมองตาม
ความคิดของผมยามนี้...ไม่ว่าง
ผมคิดว่าตอนนี้ในหัวใจของใครคนหนึ่งกำลังอบอุ่นกับความทรงจำในกุฏิหลังนั้น..กุฏิคุณยาย
ความทรงจำของผมหวนกลับมา เมื่อเท้าทั้งสองเดินมาถึงอาคารยามา นึกถึงเรื่องที่หลวงพ่อเล่าถึงคุณยายให้ฟัง
เมื่อหลวงพ่อเห็นคุณยายอบรมเด็ก ๆ ให้ช่วยกันดูแลความสะอาดเรียบร้อยของครัวในอาคาร ยามาแห่งนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง กลัวว่างานหยาบที่คุณยายทำอยู่นี้จะเข้าไปกระทบงานละเอียด ทางใจเวลาที่คุณยายนั่งสมาธิ
แล้วหลวงพ่อก็หมดห่วงเมื่อคุณยายบอกว่า ไม่ได้เข้าไปกระทบ เพราะเมื่อถึงเวลานั่งหลับตา ยายไม่ติดอะไรหรือเอาอะไรเข้าไปไว้ในใจเลย ยายวางทุกอย่างไว้ข้างนอกหมด เวลานั้นใจของยาย...ว่าง
![](http://www.kalyanamitra.org/u-ni-boon/main/image/2553/dec/104_3.jpg)
หนึ่งใจ
เมื่อทบทวนแล้วพบว่า ชีวิตคนเรานั้นเกี่ยวข้องกับคำสองคำนี้ ว่าง กับ ไม่ว่าง
บางช่วงว่าง บางช่วงไม่ว่าง ช่วงไหนควรว่างหรือไม่ว่าง อยู่ที่เรารู้จักจัดวางลำดับก่อนหลัง
ควรว่างจากอบายมุข แต่ไม่ว่างจากการสร้างบารมี
เมื่อเหนื่อย หนัก ท้อ ปล่อยวางให้ใจว่าง ดึงพลังจากภายในขึ้นมาใช้
ความสุขสว่างที่เกิดขึ้นจากใจที่โล่งว่างนี้
คือพลังสำคัญของชีวิตการสร้างบารมี
เมื่อใจว่าง วางใจถูกที่
จากที่มีแต่ความว่างก็จะเริ่ม...ไม่ว่าง
..................................................... |