สิ่งที่ต้องเจอ (คุณแคแสด)

วันที่ 20 ตค. พ.ศ.2559

สิ่งที่ต้องเจอ (คุณแคแสด),ที่นี่มีคำตอบ ฉบับมินิ เล่ม 4 รักนี้สีอะไร,บทความประจำวัน
 
 
สิ่งที่ต้องเจอ (คุณแคแสด)
 
ผีรายนี้ ศิษย์วัดพระธรรมกายซึ่งเคยขึ้นไปปฏิบัติธรรมบนดอยสุเทพรู้จักกันดีที่สุด เราเรียกเธอว่า คุณแคแสด
 
แต่เดิมมีศาลพระภูมิอยู่หลังหนึ่งทางด้านตะวันออกของอุทยานดอยสุเทพ ต่อมาเมื่อมีการก่อสร้างบ้านพักเพิ่มเติม คนงานได้รื้อศาลทิ้งลงไปในหุบเขาข้างล่าง อสุรกายซึ่งอยู่ในศาลได้พยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ไปปฏิบัติธรรม โดยปรากฏให้เห็นในสมาธิบ้าง ในความฝันบ้าง ในที่สุดเมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายให้ลูกศิษย์ผู้มีทิพยจักขุไปตรวจและไต่ถามดู จึงได้ทราบความเป็นไปว่า หญิงที่ตายเป็นชาวบ้านตายด้วยอุบัติเหตุ เมื่อไม่มีที่อยู่จึงนั่งอยู่บนต้นแคแสด ต่อมาเมื่อพวกเราแบ่งบุญกุศลให้บ้าง พระเดชคุณหลวงพ่อใช้ให้เขาคอยปลุกคนที่เกียจคร้านไม่นั่งกรรมฐานตามเวลาบ้าง คุณแคแสดจึงได้รับบุญกุศล ทําให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นเรื่อยๆ และมีความเป็นกันเองกับพวกเราที่ปฏิบัติธรรมที่นั่น
 
ข้าพเจ้าจะเล่าเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับตนเอง ส่วนที่เกี่ยวกับผู้อื่น มีมากมายหลายเรื่องจะไม่เล่าไว้ในที่นี้

ที่พบกับตนเองเรื่องแรก คือ คืนหนึ่งขณะที่เลิกนั่งสมาธิกันแล้ว ข้าพเจ้าวิ่งกลับที่พักเพราะปวดท้อง มีเพื่อนคนหนึ่งวิ่งนําหน้าข้าพเจ้า วิ่งมาจวนจะถึงที่พักอยู่แล้ว เพื่อนก็หยุดวิ่ง ข้าพเจ้าจึงมองข้ามไหล่เขาไป เพราะเขายืนในที่ต่ำกว่า ดูว่าหยุดวิ่งเพราะอะไร พอมองไปตามสายตาของเขา จึงเห็นของบางอย่างเป็นเหมือนหมอกทึบๆ สีขาว รูปร่างคล้ายคนตัวเล็กๆ ทําอาการวิ่งจากเก้าอี้นั่งหน้าบ้านพักลงบันไดแล้วเลี้ยวหายเข้าใต้ถุน เห็นกันอย่างชัดเจน เพราะตรงเก้าอี้นั่งนั้นมีไฟนีออนสว่างไสวส่องอยู่
 
ข้าพเจ้าถึงกับหายปวดท้องเป็นปลิดทิ้ง เพราะใครๆ ถ้าได้เห็นเหมือนเราสองคนก็ต้องรู้ว่าถูกผีหลอก เมื่อความทราบถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ และพวกมีทิพยจักขุญาณ ก็ได้ให้ความรู้แก่พวกเราว่า คุณแคแสด เขาย้ายติดตามเรามาอยู่บ้านพักใหม่ ไม่อยู่หลังเดิมซึ่งมีข้าราชการบางพวกมาพักและดื่มสุรามึนเมากัน คุณแคแสดอยากอยู่กับผู้ที่กําลังทําบุญกุศลจึงย้ายตามมา แต่ปรากฏว่าพวกเราลืมเขาไม่มีใครนึกถึงเลย จึงต้องปรากฏตัวให้เห็นจะได้ทราบว่าเขาอยู่ด้วย
 
ตามจริงแล้วข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ที่อยู่ด้วยกันก็รู้สึกดังนั้นจริงๆ พอเราย้ายออกจากบ้านหลังเก่ามา เราก็คิดว่าเราไม่ต้องอยู่กับผีอีก ลืมเขาจริงๆ ไม่นึกเลยว่าผีก็ย้ายบ้านได้
 
การพบกันครั้งที่สองนั้น สืบเนื่องจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสฯ ท่านไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่นด้วย เมื่อท่านฟังเรื่องที่คุณแคแสดทําอย่างโน้นกับคนนี้ ทําอย่างนี้กับคนนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องปลุกให้ลุกขึ้นเมื่อถึงเวลาทํากรรมฐาน ใครยังมัวเกียจคร้านอยู่ บางทีคุณแคแสดก็จะไปนั่งเรียกใกล้ๆ ดังนี้เป็นต้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจึงพูดดังๆ ว่า
 
แคแสดอยู่ที่ไหน มาปรากฏให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อเห็นหน่อย ให้เห็นกันด้วยตาเนื้อทีเดียวนะ ท่านพูดอย่างนี้ในตอนกลางวัน
 
คืนนั้นดึกสงัด คงจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว อากาศหนาวเย็น ข้าพเจ้าลุกขึ้นเพราะปวดปัสสาวะบ่อย เพิ่งนอนไปได้เพียงตื่นเดียว บ้านหลังที่ข้าพเจ้าพักอยู่ใกล้บ้านที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวท่านพัก ในบ้านที่ข้าพเจ้าพักมีอยู่ ๓ ห้อง แต่ละห้องมีคนอยู่เต็ม ข้าพเจ้าสมัครใจนอนอยู่ห้องโถงเพียงคนเดียว มีส้วมอยู่นอกห้องเพียงส้วมเดียว นอกนั้นมีอยู่ภายในห้อง ๒ ห้อง จึงเหลืออีกเพียงห้องเดียวที่ต้องออกมาใช้ส้วมร่วมกับข้าพเจ้า
 
ข้าพเจ้าลุกขึ้นเปิดไฟทั้งที่กลางห้องโถงและหน้าส้วม ยังได้ยินเสียงกรนของคนในบ้าน ห้องปิดสนิท แสดงว่าไม่มีใครออกมา พอข้าพเจ้าเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟภายในส้วมและมีแสงไฟสว่างขึ้นนั้น ความงัวเงียของข้าพเจ้าก็หายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นว่ามีนิ้วมือของคนจับประตูส้วมอยู่ ลักษณะเหมือนเจ้าของมืออยู่ในส้วมและกําลังจะเปิดส้วมออกมา
 
ข้าพเจ้าตกใจคิดว่าเป็นเพื่อนในห้องออกมาเข้าส้วมจึงหันกลับไปที่ประตูห้องที่ใช้ส้วมร่วมกัน ทดลองผลักดูก็เห็นว่าข้างในใส่กลอน ก็ทราบว่าไม่มีใครออกมาแน่ เพราะถ้าเป็นเพื่อนออกมาเข้าส้วมก็จะต้องเปิดไฟ ข้าพเจ้าเริ่มใจคอผิดปกตินิดหน่อยเพราะอยู่คนเดียวในที่นั้น เมื่อหันมาที่ประตูส้วมก็ยังเห็นนิ้วมือจับอยู่นิ่งๆ ไม่ไปไหน จึงรวบรวมกําลังใจทั้งหมดพูดออกไปว่า
 
นี่แคแสด ชั้นไม่ได้ให้เธอมาให้ชั้นเห็นตัวนะ โน่นพระเดชพระคุณหลวงพ่อต่างหากที่อยากให้เธอไปปรากฏตัวให้ท่านเห็น โน่น บ้านโน้น อย่ามาผิดบ้านซี ชั้นน่ะ ยังไงๆ ก็ไม่อยากเห็นเธอเลย วันก่อนเห็นเป็นก้อนหมอกวิ่งได้ทั้งที่ไม่มีลมพัดเลย ชั้นก็หายปวดท้องหมด นี่จะมาทำให้หายปวดอีกหรือไง ไปๆ ไม่เอา ไม่อยากห็น”
 
พอพูดจบข้าพเจ้าเห็นนิ้วมือค่อยเลื่อนช้าๆ ข้าพเจ้ามองตามจนปลายนิ้วหดหายไปพ้นประตูจึงตัดใจว่า
 
เราจะผลักประตูให้กว้างแล้วจะเข้าไปนั่งที่โถส้วมแหละ จะเห็นกันเป็นตัวทั้งตัวก็เอา จะได้คุยกันให้รู้เรื่องไปเสียทีจะเอายังไง ขยันหลอกอยู่แต่ยายชีนี่แหละ แล้วก็ผลักประตูเข้าไป ว่างเปล่าไม่มีอะไร
 
การพบกันเป็นครั้งที่สาม คราวนี้ไม่เห็นตัว ได้ยินแต่เสียง เวลานั้นประมาณเกือบ ๕ ทุ่ม ข้าพเจ้าเข้านอนเรียบร้อย นอนกําหนดใจในอารมณ์การภาวนาเรื่อยๆ ไป สักครู่ต้องถอนจิตออกมา เพราะได้ยินเสียงคนวิ่งมาตามถนนแล้ววิ่งมายืนบนนอกชานหน้าบ้าน เวลานั้นข้าพเจ้าอยู่ในบ้านพักคนเดียว คนอื่นๆ เขาครบกําหนดเวลาจํานวนวันในงวดของการปฏิบัติธรรม ก็กลับกรุงเทพฯ กันหมดในตอนเย็น มีอุบาสกเหลือ ๒ - ๓ คน และหลวงพี่อีกรูปหนึ่ง ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเสียงฝีเท้าของอุบาสกท่านหนึ่งซึ่งคุ้นเคยกัน ซึ่งชอบมาแวะดื่มเครื่องดื่มที่บ้านพักของข้าพเจ้าเป็นประจํา จึงเรียกชื่อเขาออกไปพร้อมกับถามว่า
 
จะทานกาแฟหรือไง?”
 
ไม่มีเสียงตอบ ทุกอย่างเงียบสนิท ข้าพเจ้ารู้สึกผิดปกติจึงลุกขึ้นนั่ง ขอรับรองว่าขณะนั้นไม่มีอาการง่วงนอนอะไรอยู่เลย จึงส่งเสียงถามออกไปใหม่ว่า
 
นั่นใครน่ะ ใครมาที่หน้าประตู ใคร? ?” ข้าพเจ้าถามคําว่าใคร
 
ทันใดนั้น ข้าพเจ้าก็ต้องนั่งตัวแข็ง เหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วครู่ เมื่อมีเสียงกระซิบแผ่วๆ แทบติดหูว่า 
 
คน
 
ข้าพเจ้าอยู่คนเดียว ประตูก็ใส่กลอนแล้วเสียงมาจากไหน ความกลัวเมื่อมีเต็มที่ก็เปลี่ยนเป็นโกรธ นึกในใจว่า เรื่องผีนี่ กลัวอย่างไรก็หนีไม่พ้น เพราะเขาเป็นกายละเอียดปิดประตูหน้าต่างอย่างไรก็ผ่านเข้าไป ผ่านออกมาได้อยู่ดี จึงส่งเสียงดุไปว่า
 
แหม ตัวเองเป็นผี มาบอกว่าเป็นคน จะมากไปหน่อยละนะ ไปไหนก็ไปซะ ชั้นจะนอนแล้ว
 
ข้าพเจ้ารีบล้มตัวลงนอน ห่มผ้าหลับตาปี๋ รู้สึกว่าหัวใจเต้นโครมคราม จึงรีบค่อยๆ กําหนดอารมณ์เจริญภาวนาทันที
 
ต่อไปเป็นครั้งที่สี่ วันนั้นเป็นตอนบ่ายวันรุ่งขึ้นจะมีคณะผู้ปฏิบัติธรรมชุดใหม่ขึ้นมาอีก มีเด็กสาวซึ่งเพิ่งสึกจากการบวชชีมาคุยกับข้าพเจ้า เธอเห็นข้าพเจ้าเก็บของสําหรับถวายพระไว้ไม่สวยงาม เธอจึงได้นํามาจัดเรียงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย พอเธอจากไปสักพัก คุณหญิงท่านหนึ่งซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เดินทางมาถึงก่อนผู้อื่นเพราะมาทางเครื่องบิน ได้มาถามข้าพเจ้าว่าใครจัดข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเหลือเกิน ข้าพเจ้าจึงบอกให้ทราบ คุณหญิงเข้าไปในห้องพักของท่านแล้วออกมาบ่นกับข้าพเจ้าว่า ส้วมไม่สะอาดนัก เวลานั้นเป็นตอนเย็น เราคุยกันด้วยเรื่องต่างๆ แล้วย้อนไปชมเชยเด็กสาวที่ช่วยจัดบ้านให้อีกครั้ง
 
จากนั้นก็ออกไปเดินเล่นกันจนค่ำจึงกลับมาที่พัก กําลังนั่งคุยกันต่อเพียงครู่เดียว เราทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงผิดสังเกต ในห้องคุณหญิงมีเพียงเหมือนคนจัดสิ่งของดังก๊อกแก๊ก ก็อกแก๊ก กระทั่งมีเสียงเหมือนกระป๋องแป้งที่ใช้โรยตัวหล่นจากหิ้งถึงพื้นห้องดังเพล้ง เสียงชักโครกในส้วมดังลั่น น้ำไหลเสียงดัง คุณหญิงกับข้าพเจ้านั่งมองหน้ากันนิ่งเงียบ อยู่กันมาเป็นเดือนๆ ส้วมไม่เคยชักโครกเองได้
 
พอตั้งสติได้แล้วข้าพเจ้าทําใจแข็งชวนคุณหญิงไปดูในห้องท่าน กระป๋องแป้งยังอยู่ที่เดิมไม่มีอะไรหล่นทั้งสิ้น เรามองหน้ากัน ถ้าจําไม่ผิดดูเหมือนวันนั้นคุณหญิงขอย้ายมานอนในห้องอีกห้องหนึ่งข้างๆ ข้าพเจ้านอน
 
ในญาณของผู้ที่ใช้ทิพยจักขุไปถามคุณแคแสด เธอตอบว่าเธอเป็นคนทําเอง จัดห้องคุณหญิงและทําความสะอาดส้วม เพราะอยากได้รับคําชมเชยบ้าง นี่เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึง
 
ต่อไปเป็นครั้งที่ห้า สร้อยทองคําขาวแขวนจี้เพชรของคนงานหญิงคนหนึ่งหล่นหายขณะที่รีบวิ่งมาทําอาหารถวายพระตอนเช้า ข้าพเจ้าสงสารเธอมากเพราะเป็นของที่สามีชื้อให้จึงช่วยกันเดินหาอย่างละเอียด โดยเฉพาะตรงที่เธอเข้าใจว่าน่าจะหล่น แต่ก็หาไม่พบ ของชิ้นนี้หายตอนเช้าตรู่ ตอนกลางวันมีเศรษฐีใจบุญท่านหนึ่งขึ้นไป ท่านไม่ต้องหา เดินไปก็มองเห็นเองข้าพเจ้าได้ไปดูตรงที่ท่านเก็บได้ก็เป็นที่ที่ข้าพเจ้าและเพื่อนผู้อื่นตรวจกันแล้วอย่างถี่ถ้วน ชนิดเดินเรียงหน้ากระดานหาทีเดียว
 
เมื่อมีการถามคุณแคแสดก็ได้รับคําตอบว่าเขาต้องการให้ความสำคัญกับเศรษฐีใจบุญท่านนั้นเพราะรู้สึกรักมาก ข้าพเจ้านึกในใจว่า ผีนี่เลือกที่รักมักที่ชังเหมือนคนเลย
 
นี่ข้าพเจ้าเล่าถึงผีตนนี้เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าคนเราถ้าตายด้วยอุบัติเหตุ (เข้าใจว่าคงเป็นรถชนตาย เพราะเท่าที่เห็นกายของเขาในสมาธิครั้งแรกมีเลือดเกรอะกรังเต็มตัว) มักจะไม่รู้ตัวว่าตาย เขาจะคิดว่าตัวเขาเป็นคนอยู่เสมอ เหมือนที่ตอบข้าพเจ้าในที่นอนว่า คน กายของเขาเมื่อแรกตาย จึงถือว่าเป็นภูมิของอสุรกายชนิดหนึ่ง แต่บังเอิญได้รับบุญจากผู้ปฏิบัติธรรมบ่อยมากเข้า จึงค่อยได้สติขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายสวยงามขึ้น จนกระทั่งรับส่วนบุญได้ เท่ากับค่อยเลื่อนฐานะให้ได้เป็นสุขขึ้น จะเรียกว่าเป็นเปรตชนิดดีขึ้นก็ได้
 
ผีชนิดนี้ คือประเภทที่ต้องตายด้วยเหตุการณ์กะทันหัน เมื่ออยู่ในภูมิอสุรกายมักไม่รู้จะไปไหน จะทําอะไร จะงงอยู่กับสถานที่ที่เกิดเหตุ นี่สำหรับคนที่ไม่เคยประกอบการบุญกุศลไว้เลย ส่วนผู้ที่หมั่นประกอบกุศลกรรมต่างๆ อยู่เสมอเป็นอาจิณณกรรม หากเกิดเหตุทํานองนี้ เวลาเป็นอสุรกายแล้ว จะนึกถึงบุญกุศลที่เคยทําได้ บางทีสามารถเดินไปยังที่ที่ตนเคยกระทําอาจิณกรรม เช่นเคยไปวัดให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ตายแล้วยังไม่มีผู้ใดมารับเพราะตายก่อนกําหนด อสุรกายนั้นก็จะเดินทางไปวัดเอง
 
 
 
Cr. อุบาสิกาถวิล(บุญทรง) วัติรางกูล
จากความทรงจำ เล่ม1
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011843323707581 Mins