จิตที่คิดปรุงแต่ง

วันที่ 07 กพ. พ.ศ.2560

 

จิตที่คิดปรุงแต่ง

 

จิตที่คิดปรุงแต่ง,ที่นี่มีคำตอบ ฉบับมินิ เล่ม 4 รักนี้สีอะไร,บทความประจำวัน

               

        เรื่องของจิตใจ นอกจากความรู้สึกทุกข์สุข เฉยๆ และความจําแล้ว ประการที่สาม คือเรื่องคิดปรุงแต่ง ที่ภาษาธรรมเรียกว่า สังขารขันธ์ เป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายในใจ ให้คิดปรุงไปต่าง ๆ ปรุงไปในทางดีบ้าง ปรุงไปในทางชั่วบ้าง ปรุงแล้วไม่ดีไม่ชั่วบ้าง เมื่อคิดปรุงไปอย่างโน้นอย่างนี้แล้ว ก็เกิดความยึดมั่นในความคิดนั้น ความยึดมั่นในความปรุงแต่งของจิตนั้นเองเป็นต้นเหตุให้เกิดทุกข์

             ราว ๆ เดือนตุลาคม ๒๕๓๒ ข้าพเจ้าไปเยี่ยมครอบครัวของน้องชายและน้องสะใภ้ที่อุดรธานี ทั้งสองคนเคยได้รับเงินจากข้าพเจ้าไปทำธุรกิจบางอย่างแล้วล้มเหลว ข้าพเจ้ามิได้ถือว่าน้องเป็นหนี้ ใจของข้าพเจ้าคิดปรุงสอนตนเองในเวลานั้นว่า

           “เงินเป็นของสมมติใช้ มีขึ้นมาได้ มันก็หมดไปด้วยสาเหตุต่าง ๆ ได้ เวลานี้น้องของเราทําธุรกิจล้มเหลว เสียกําลังใจรุนแรงอยู่แล้ว เราควรให้กำลังใจแก่น้อง ถ้าเราคิดทวงหนี้เหมือนซ้ำเติมความทุกข์ให้ความเป็นพี่น้องสำคัญกว่าเรื่องเงินทอง เวลานี้พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว เราเป็นพี่คนโต ต้องให้ความรักความอบอุ่นใจ และให้ความช่วยเหลือในวิสัยที่ทำได้”

          คิดอย่างนั้นแล้วข้าพเจ้าก็ปลอบใจด้วยถ้อยคําว่า

        “เงินของพี่ที่สูญไปกับธุรกิจของน้อง พี่ไม่ถือว่าน้องทั้งสองเป็นหนี้พี่หรอก มีก็ใช้คืน ไม่มีก็แล้วไป พี่ไม่ว่าอะไร อย่าเสียใจกลุ้มใจ เราเสียเงินไปแล้ว ถ้าเสียใจมากๆ ก็จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ในที่สุดสุขภาพก็จะเสียตามไปอีก ยิ่งถ้าพาลโกรธว่าคนโน้นคนนี้ชักชวนให้เราเสียเงิน ก็จะพลอยเสียไมตรีระหว่างเพื่อน ทีนี้เลยขาดทุนกันยับ เสียเงิน เสียใจ เสียสุขภาพ เสียเพื่อน กลายเป็นสามเสียสี่เสีย ไหนๆ ต้องใช้หนี้กรรมเก่าต้องเสียแล้ว ให้มันเสียเงินอย่างเดียวเถอะ”

       ข้าพเจ้าปลอบน้องไปแล้ว เพราะใจคิดปรุงไปในทางที่ดีดังกล่าว แต่เนื่องจากตนเองปฏิบัติธรรมยังไม่บรรลุผลสูงสุดจนหมดกิเลส ความคิดปรุงในใจก็กลับไปกลับมา เวลาคิดปรุงไปว่า

       “แหม เงินของเราตั้งหลายแสน กว่าจะเก็บเล็กประสมน้อยมาร่วม ๒๐ ปี สูญไปในพริบตา ต่อจากนี้ไม่มีโอกาสเก็บได้อีกแล้ว เสียดายจัง

             พอใจปรุงไปในทางยึดถือว่าเป็นสมบัติของตน ไม่ใช่ของสมมติก็คิดหวงแหน ความทุกข์ก็เกิดตามมา ใจคอเศร้าหมอง ก็ต้องหาความคิดดี ๆ มาปรุงแต่งต่อไป

         “ไม่เป็นไรน่า เราเสียเงินไปไม่กี่แสน แต่น้องก็ยอมยกที่ดินข้างวัดให้เรา เราก็ได้นําที่ดินแปลงนั้นไปถวายเป็นสมบัติของวัด เพราะวัดกำลังขยายเขต เราก็ได้บุญแยะ คิดอย่างนี้ก็ค่อยสบายใจ

            เนื่องจากสังขารขันธ์ คือความคิดปรุงแต่งของจิตเหล่านี้ มันไม่คงที่ มิใช่ปรุงในทางดีอย่างเดียว มันชอบกลับไปกลับมา ดีบ้าง ชั่วบ้าง ทําให้เกิดทุกข์ เพราะทําให้เกิดความยึดมั่นในความปรุงเหล่านั้น ต้องการให้อยู่ในอํานาจอยู่ในบังคับบัญชา แต่ก็ทําไม่ได้

             น้องทั้งสองคนของข้าพเจ้าก็คิดปรุงของเขาต่อไปว่า เงินของพี่หามาโดยยาก จะเก็บไว้กินยามแก่เฒ่า มาสูญสิ้นไปหมด ทั้งสองคนไม่สบายใจ จึงคิดไปขายบ้านและที่ดินที่จังหวัดจันทบุรี ขายได้ราคาดีพอสมควร ได้แบ่งคืนให้ข้าพเจ้าบ้าง ที่เหลือก็นําไปซื้อบ้านอีกหลังหนึ่งใกล้ ๆ บ้านเดิมให้คนเช่า มีรายได้เพิ่ม

           ในขณะเดียวกัน น้องชายได้รับแต่งตั้งให้ไปดํารงตําแหน่งใหม่อีกจังหวัดหนึ่ง มีฐานะเป็นหัวหน้า ไปพบสภาพว่าตนเองต้องเดินทางจากบ้านพักด้วยสามล้อหรือบางทีก็เดินด้วยเท้า ในขณะที่บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาล้วนแต่มีรถยนต์ส่วนตัวใช้ ใจก็คิดปรุงว่า “แหมน่าอายจัง เป็นเจ้านายสู้ลูกน้องไม่ได้”

         พอคิดปรุงไปอย่างนั้น ก็ไปปรึกษากับภรรยา “พี่ว่า รถยนต์ที่เรามีอยู่นี่มันเก่าเต็มที ไม่โก้เลย เราขายเสียเถอะ เอาเงินที่ขายได้ไปดาวน์รถใหม่ แล้วก็กู้เงินธนาคารมาซื้อ ผ่อนส่งไปสัก ๒-๓ ปี ก็คงหมดหนี้”

       ความจริงการมีรถเก่าใช้หรือไม่มีใช้เสียเลย ก็ไม่มีใครสนใจจะถูกนินทาว่าร้ายแต่อย่างใด บางทีอาจได้รับคําชมเชยเสียด้วยซ้ำว่าเป็นข้าราชการที่มักน้อย แต่เมื่อจิตคิดไปว่า อายลูกน้อง จิตก็ต้องปรุงต่อว่าทําอย่างไรจึงจะไม่ต้องอาย ก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการซื้อผ่อนส่ง ในที่สุดก็ต้องมีทุกข์ด้วยการมีหนี้สิน

     ในการดํารงชีวิตของชาวโลก เป็นไปด้วยการปรุงแต่งจิตทั้งสิ้นต้องทํามาหากินด้วยอาชีพอย่างนั้นอย่างนี้ ดีก็มี ชั่วก็มี และในการประกอบอาชีพนั้นก็ต้องปรุงด้วยเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เรื่องโน้นเรื่องนี้ ยิ่งมีกิเลสมากเท่าไร จิตก็ยิ่งถูกปรุงแต่งมากขึ้นเท่านั้น และจิตนั่นเองเป็นดังผู้สั่งการให้กาย วาจา มีพฤติการณ์ต่าง ๆ สมดังพระพุทธภาษิตที่ว่า ใจเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า ในการกระทําทั้งปวง

      ความยึดมั่นถือมั่นในความปรุงแต่งนี้ เมื่อมีเหนียวแน่นสามารถทําให้เกิดทั้งกุศลและอกุศล ชีวิตของผู้คนทุกวันนี้มีการปรุงแต่งของจิตอยู่ตลอดเวลา แต่มักจะปรุงไปในทางไม่ดีมากกว่าทางดี

       ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยถามคนรู้จักกันซึ่งปลูกถั่วฝักยาวขายว่า ทำไมไม่เห็นที่บ้านของเขากินอาหารที่ทําด้วยถั่วดังกล่าวเลย เขาตอบว่า

       “พี่ก็... ผมฉีดยาฆ่าแมลงที่ต้นถั่ว แล้วก็เก็บมาขายโดยที่ยังไม่ทันครบกำหนด ฝักถั่วยังมีฤทธิ์ของยาฆ่าแมลงค้างอยู่ กินเข้าไปก็อันตราย จะรอให้ครบเวลาฤทธิ์ยาหมดตามกําหนด ถั่วก็พอง (แก่เกินไป) แล้วพี่รู้มั้ย ผมเก็บฝักถั่วมาแล้ว ก็ต้องนําไปแช่น้ำสารส้มเพื่อให้ฤทธิ์ของสารส้มรัดฝักถั่วไม่ให้พอง ให้ดูน่ากิน คนปลูกถั่วขายเขาก็ทํากันอย่างนี้ทุกรายแหละครับ ไม่งั้นไม่ได้ราคา ผมก็เลยกินถั่วฝักยาวไม่ลง ผักอื่นๆ ก็คงเหมือน ๆ กัน พลอยให้กินไม่ใคร่ลงตามไปด้วย

     นี่ก็คือความปรุงแต่งของจิต เมื่อเกิดความโลภ ใจก็ปรุงไปว่าทำอย่างไรจึงจะได้เงินมากกว่าปกติ ก็คิดต่อเนื่องทําอย่างโน้นอย่างนี้เรื่อยไป ยิ่งเป็นอาชีพที่เกี่ยวกับผลประโยชน์มาก ๆ คิดปรุงแต่งกระทั่งจ้างมือปืนเข่นฆ่ากัน

     ยังมีตัวอย่างบางรายที่ข้าพเจ้าพบ ชอบคิดปรุงแต่งไปในทางลามก ฟุ้งซ่านไปในเรื่องเพศ แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่สตรีสองรายที่ข้าพเจ้ารู้จักที่ชอบคิดปรุงแต่งจิตด้วยเรื่องลามกนั้น น่าจะเป็นสตรีที่เคยมีสามีแล้วเพราะเคยรู้จักรสสัมผัสระหว่างเพศ แต่กลับเป็นสตรีที่ไม่เคยผ่านผู้ชายมาเลย เป็นสาวโสดบริสุทธิ์ผุดผ่อง ใจคอกลับคิดวุ่นวายแต่เรื่องการสมสู่ระหว่างเพศ รายแรกนั้นกว่าใคร ๆ จะทราบว่าใจคอของเธอมีแต่กามวิตกเป็นอกุศล ก็ในเวลาเมื่อขาดสติเป็นบ้า เวลานั้นข้าพเจ้ากับสตรีผู้นั้นอาศัยอยู่ในวัด เดียวกันแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ซึ่งข้าพเจ้าต้องการศึกษาปริยัติธรรม วันที่ข้าพเจ้าพบอาการผิดปกติของเพื่อนร่วมสำนักแห่งนั้น ข้าพเจ้าเดินผ่านไปได้ยินเสียงร้องไห้ จึงได้แวะเข้าไปหาเพื่อจะถามสาเหตุ เธอผู้นั้นหันมาเห็นเข้าส่งเสียงด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ล้วนแต่เรื่องเพศ เรื่องอาการลามกทั้งสิ้น ท้ายที่สุดร้องไห้ออกมาแล้วรําพันเสียงดัง ข้อความเป็นทํานองเสียดายเหตุการณ์สมัยเมื่อเป็นสาว มีผู้ชายมาสู่ขอหลายราย น่าจะแต่งงานกับเขารายใดรายหนึ่งไปเสีย ถูกพ่อบ้างพี่ชายบ้างห้ามปราม เห็นว่าไม่คู่ควรกัน ทําให้เสียโอกาสมิได้มีสามี มาถึงเวลานี้ให้คิดเสียดายเป็นกําลัง พร่ำเพ้อแต่เรื่องหยาบคายเหล่านั้น

   ท้ายที่สุดข้าพเจ้าและเพื่อนๆ ต้องจัดการส่งเธอไปโรงพยาบาลบ้านสมเด็จ ครั้งสุดท้ายที่ไปเยี่ยมในปี ๒๕๒๖ ก็ยังไม่หายวิกลจริต

  ส่วนรายที่สอง มาสารภาพกับข้าพเจ้าว่าหักห้ามจิตใจตนเองไม่ได้ ชอบคิดเรื่องทางเพศ และชอบนึกเป็นอกุศลขนาดนึกว่าตนไปมีสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามที่เป็นสมณะ คิดบาปขนาดนั้น รายนี้ข้าพเจ้าดุว่าสั่งสอน หรือจะเรียกให้ถูกว่า “ด่า” ก็คงจะไม่ผิด ใช้ถ้อยคํารุนแรงมาก เพื่อให้ทั้งเจ็บและอาย ต่อไปถ้าคิดเรื่องทํานองนี้อีกจะได้คิดถึงถ้อยคำด่าทอของข้าพเจ้า

   ท่านคงอยากรู้ว่าข้าพเจ้าผรุสวาทเขาว่าอย่างไร ข้าพเจ้าก็ว่าเค้าว่า

    “หนูเนี่ยไม่ใช่คนนี่ ยิ่งแย่กว่าเดรัจฉานซะอีก เดรัจฉานมันมีความรู้สึกคึกคะนองเรื่องทางนี้ มันยังมีเวล่ำเวลา มีฤดูกาล นี่เราเป็นคนแท้ๆ หมกมุ่นเรื่องนี้ได้ยังไง สวมหุ่นรูปร่างคนไว้แค่เปลือกเท่านั้นแต่ใจ สกปรกเลวทรามยิ่งกว่าเดรัจฉาน ทําไมไม่เกิดเป็นหมูเป็นหมาซะไป๊ จะได้บ้าเรื่องยั้งนี้ได้เต็มที่ ไม่ต้องมียางอายที่ไหนๆ ข้างถนนหนทางก็สมสู่กันได้ สมสู่แล้วก็แล้วไป ไม่ต้องมานั่งเก็บขังไว้คิดในใจยังงี้ อะไรกันหนูนี่เสียชาติเกิดจริงเชียว แทนที่จะเอาใจคิดเรื่องดีๆ ว่าวันนี้จะซื้ออะไรเตรียมไว้ใส่บาตร จะอ่านหนังสือธรรมะเล่มไหนดี จะรักษาศีล เจริญภาวนาให้เป็นนิตย์ หน็อยไม่คิด ไปคิดเอาเรื่องลามกให้ขาดทุน เป็นโมหะ เป็นราคะ ตายลงไปอบายภูมิแน่ๆ!”

     ดุว่ากันเป็นชั่วโมงให้สร้างจิตใจให้เข้มแข็ง พูดเตือนเสริมไป

    “เรื่องใจที่คิดปรุงแต่งวุ่นวาย ทําทุกข์ใจเกิดแก่หนูอยู่นี้ ไม่มีใครช่วยหนูได้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของใครของมัน ป้าเองก็ได้แต่ตักเตือนแนะนำ ช่วยอะไรไม่ได้ เหมือนการกินอาหาร ใครกินใครอิ่ม กินแทนกันไม่ได้ ใจที่คิดปรุงแต่งด้วยเรื่องเศร้าหมองเหล่านี้ คนอื่นมาห้ามไม่ได้ ต้องตัวเองห้ามตัวเอง ถ้าไม่ช่วยตัวเองแล้ว ท้ายที่สุดก็จะบ้า สติวิปลาส”

    ปรากฏว่าต่อจากนั้น สังเกตดูทุกครั้งที่พบกัน เธอผู้นั้นมีสีหน้าท่าทางแจ่มใสขึ้น และไม่ใคร่เข้าใกล้ข้าพเจ้านัก คงขยาดไปนาน เรื่องบางเรื่องกับคนบางคน เราจะมัวปลอบเอาอกเอาใจ อาการอาจกําเริบหนักขึ้น แต่ถ้าใช้วิธีแรงๆ เสียบ้าง บางทีได้ผลดีอย่างคิดไม่ถึง

    สังขารขันธ์ เรื่องการปรุงแต่งของความรู้สึกนึกคิด ไม่ว่าจะเป็นด้านดีด้านเลว หรือไม่ดีไม่เลว มีขอบข่ายกว้างขวาง เราสามารถเรียกได้ว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เรามีใช้กันอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่แล้ว สืบเนื่องมาจากสังขารขันธ์ บ้านเรือน ยานพาหนะ อาหารการกิน สิ่งของเครื่องใช้ ทั้งที่เป็นของจําเป็น ไม่จําเป็น ฯลฯ มีต้นเหตุมาจากสังขารขันธ์ทั้งสิ้น ตอนแรกก็ปรุงอยู่ในใจเงียบๆ ก่อน จากนั้นใจก็กระตุ้นกายวาจาให้ทําออกมา ผลของการกระทําเกิดเป็นอย่างไรขึ้นมา ชอบใจไม่ชอบใจ ก็ทําให้ปรุงแต่งต่อว่าจะเอาอย่างไร จะทําอย่างไรต่อไป ยิ่งถ้ามีความยึดถือเหนียวแน่นมาก การปรุงแต่งก็ยิ่งวุ่นวายหนักเข้า


 

 

 

 

Cr. อุบาสิกาถวิล(บุญทรง) วัติรางกูล

จากความทรงจำ เล่ม4

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.01686726808548 Mins