ธรรมะวันนี้ สัจกิริยา ตอนที่ ๕ เตมียชาดก

วันที่ 04 เมย. พ.ศ.2560

ธรรมะวันนี้ สัจกิริยา ตอนที่ ๕  เตมียชาดก,วาไรตี้ ,บทความประจำวัน

ธรรมะวันนี้ สัจกิริยา ตอนที่ ๕ เตมียชาดก

(ล.๕๙, น.๘๓๙, มมร.)

         

          ๔. พระโพธิสัตว์หรือคนอื่น ทําสัจกิริยาเพื่อขอสิ่งที่ตนปรารถนา

          ๕.๑ เตมียชาดก ว่าด้วยพระเจ้าเตมีย์ทรงบําเพ็ญเนกขัมมบารมีความโดยย่อตอนหนึ่งว่า

                  พระราชาพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระเจ้ากาสิกราช ครองเมืองชื่อว่า พาราณสีมีพระมเหสีพระนามว่า จันทเทวีพระราชาไม่มีพระราชโอรสที่จะครองเมืองต่อจากพระองค์จึงโปรดให้พระนางจันทเทวีทําพิธีขอพระโอรสจากเทพเจ้า

                   พระนางจันทรเทวีจึงทรงอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าได้รักษาศีลบริสุทธิ์ตลอดมา ขอให้บุญกุศลนี้บันดาลให้ข้าพเจ้ามีโอรสเถิด”ด้วยอานุภาพแห่งศีลบริสุทธิ์ พระนางจันทเทวีทรงครรภ์และประสูติพระโอรสสม ดังความปรารถนาพระโอรส มีรูปโฉม งดงามยิ่งนัก ทั้งพระราชาพระมเหสีและประชาชนทั้งหลาย มีความยินดีเป็นที่สุด พระราชาจึงตั้งพระนามโอรสว่า “เตมีย์” แปลว่า เป็นที่ยินดีของคนทั้งหลาย

                  บรรดาพราหมณ์ผู้รู้วิชาทํานายลักษณะบุคคล ได้กราบทูล พระราชาว่า“พระโอรสองค์นี้มีลักษณะประเสริฐเมื่อเติบโตขึ้น จะได้เป็นพระราชาธิราชของมหาทวีปทั้งสี่.”พระราชาทรงยินดีเป็นอย่างยิ่งและทรงเลือกแม่นมที่มีลักษณะดีเลิศตามตําราจํานวน ๖๔ คน เป็นผู้ปรนนิบัติเลี้ยงดูพระเตมีย์กุมาร

                  วันหนึ่ง พระราชาทรงอุ้มพระเตมีย์ไว้บนตักขณะที่กําลังพิพากษาโทษผู้ร้าย ๔ คน พระราชาตรัสสั่งให้เอาหวาย ที่มีหนามแหลมคมมาเฆี่ยน ผู้ร้ายคนหนึ่งแล้วส่งไปขังคุก ให้เอาฉมวกแทงศีรษะผู้ร้ายคนที่สาม และให้ใช้หลาว เสียบผู้ร้ายคนสุดท้าย

                  พระเตมีย์ซึ่งอยู่บนตักพระบิดา ได้ยินคําพิพากษาดังนั้น ก็มีความตกใจหวาดกลัว ทรงคิดว่า ‘ถ้าเราโตขึ้นได้เป็นพระราชา เราก็คงต้องตัดสินโทษผู้ร้ายบ้างและคงต้องทําบาป เช่นเดียวกันนี้เมื่อเราตายไป ก็จะต้องตกนรกอย่างแน่นอน’

                  เนื่องจากพระเตมีย์เป็นผู้มีบุญ จึงรําลึกชาติได้และทรงทราบว่า ‘ในชาติก่อนได้เคยเป็นพระราชาครองเมืองและได้ตัดสินโทษ ผู้ร้ายอย่างเดียวกันนี้ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์จึงต้องตกนรกอยู่ถึง ๘,๐๐๐ ปีได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอันมาก’ พระเตมีย์ทรงมีความหวาดกลัวอย่างยิ่ง ทรงรําพึงว่า “ทําอย่างไร หนอ เราจึงจะไม่ต้องทําบาป และไม่ต้องตกนรกอีก.”

                   ขณะนั้นเทพธิดาที่รักษาเศวตฉัตรได้ยินคํารําพึงของพระเตมีย์จึงปรากฏกายให้พระองค์เห็นและแนะนําพระเตมีย์ว่า “หากพระองค์ทรงหวั่นที่จะกระทําบาป ทรงหวั่นเกรงว่าจะตกนรก ก็จงทําเป็น หูหนวก เป็นใบ้และเป็นงอยเปลี้ยอย่าให้ชนทั้งหลายรู้ว่าพระองค์เป็นคนฉลาด เป็นคนมีบุญ พระองค์จะต้องมีความอดทนไม่ว่าจะได้รับความเดือดร้อนอย่างใดก็ต้องแข็งพระทัย


                  ต้องทรงต่อสู้กับพระทัยตนเองให้จงได้อย่ายอมให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดมาชักจูงใจ พระองค์ไปจากหนทางที่พระองค์ตั้งพระทัยไว้”

                   พระเตมีย์กุมารได้ยินเทพธิดาว่าดังนั้นก็ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่งจึงทรงตั้งจิตอธิษฐานว่า‘ต่อไปนี้เราจะทําตนเป็นคนใบ้หูหนวก และง่อยเปลี้ย ไม่ว่าจะมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เราก็จะไม่ละความตั้งใจเป็นอันขาด’


 

 

ทรงประชุมชาดกว่า

เทพธิดาผู้สิงสถิตอยู่ที่เศวตฉัตร เป็น อุบลวรรณาภิกษุณี

พระชนกและพระชนนี เป็น มหาราชสกุล.

ส่วนบัณฑิตผู้ทําเป็นใบ้ทําเป็นง่อยเปลี้ย คือพระตถาคตเจ้า

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.038044917583466 Mins