ธรรมะวันนี้ สัจกิริยา ตอนที่ ๔ มัณฑัพยชาดก (ล.๕๙, น.๘๓๙, มมร.)
๓. พระโพธิสัตว์ ทําสัจกิริยาด้วยตนเองร่วมกับคนอื่น เพื่อช่วยคนอื่น
๓.๑ มัณฑัพยชาดก ว่าด้วยความรักที่มีต่อบุตร
(กัณหทีปายนชาดก ว่าด้วยจริยาวัตรของกัณหทีปายนะดาบส) (ล.๕๙, น.๘๓๙, มมร.) ความตอนหนึ่งว่า
ลําดับนั้น มารดาบิดารู้ว่าลูกถูกอสรพิษกัด จึงยกกุมารขึ้นแล้วอุ้มมาที่พระดาบสให้นอนลง แทบเท้าแล้ว
กล่าวว่า“ ท่านเจ้าข้าธรรมดาบรรพชิตย่อมจะรู้โอสถหรือปริต ขอท่านได้โปรดทําบุตรของข้าพเจ้าให้หายโรคเถิด.”
พระดาบสกล่าวว่า “ เราไม่รู้โอสถ เราเป็นบรรพชิตจักทําเวชกรรมไม่ได้.”
พระดาบสถูกเขาขอร้องว่า “ถ้าเช่นนั้น ขอท่านได้ตั้งเมตตาในกุมารทําสัตยาธิษฐานเถิด
”จึงรับว่า “ดีแล้ว เราจะทําสัจกิริยา.” แล้ววางมือลงที่ศีรษะยัญญทัตตกุมาร จึงได้กล่าวคาถาที่ ๑ ว่า
“เราเป็นผู้มีความต้องการบุญ ได้มีจิตเลื่อมใส ประพฤติพรหมจรรย์อยู่เพียง ๗ วันเท่านั้น ต่อจากนั้นมาแม้เราจะไม่มีความใคร่บรรพชา ก็ทนประพฤติพรหมจรรย์ของเราอยู่ได้ถึง ๕๐ กว่าปี ด้วยความสัตย์อันนี้ขอความสวัสดี จงมีแก่ยัญญทัตตกุมาร พิษจงคลายออกยัญญทัตตกุมารจงรอดชีวิตเถิด.”
พร้อมกับสัจกิริยา พิษในกายตอนบนของยัญญทัตตกุมารก็ตกเข้าแผ่นดินหมด กุมารลืมนัยน์ตาขึ้นดูมารดา บิดาเรียกว่า “แม่” แล้วพลิกนอน.
ลําดับนั้น กัณหทีปายนดาบสจึงกล่าวกับบิดาของกุมารนั้นว่า “กําลังของเรา เราทําได้เท่านั้น ท่านจงทํากําลังของตนบ้างเถิด.”
เขากล่าวว่า “เราจะทําสัจกิริยาบ้าง.” แล้ววางมือลงที่หน้าอกบุตร จึงได้กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า
“เพราะเหตุที่เราเห็นแขกในเวลาที่มาถึงบ้านเพื่อจะพักอยู่ บางครั้งไม่พอใจจะให้พักเลย แม้สมณพราหมณ์ผู้เป็นพหูสูต ก็ไม ทราบความไม่พอใจของเรา แม้เราไม่ประสงค์จะให้ก็ให้ได้ด้วยความสัตย์นี้ขอความสวัสดี จงมีแก่ยัญญทัตตกุมาร พิษจงคลายออก ยัญญทัตตกุมารจงรอดชีวิตเถิด.”
เมื่อบิดาทําสัจกิริยาอย่างนี้แล้ว พิษในกายตอนเหนือสะเอวก็ตกเข้าแผ่นดิน กุมารลุกขึ้นนั่งได้แต่ยังยืนไม่ได้
ลำดับนั้น บิดาได้กล่าวกะมารดาของกุมารนั้นว่า
“ที่รัก เราได้ทํากําลังของเราแล้ว ทีนี้เจ้าจงทําสัจกิริยาให้บุตรลุกขึ้นเดินได้.”
มารดากล่าวว่า“ข้าแต่นาย ความสัตย์ของฉันก็มีอยู่อย่างหนึ่งแต่ไม่อาจกล่าวต่อหน้านาย.”
บิดากล่าวว่า “อย่างไรๆ ก็กล่าวไปเถอะที่รัก จงทำบุตรของเราให้หายโรค.”
นางรับคําว่า“ดีแล้ว” เมื่อกระทําสัจกิริยาจึงได้กล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
“ลูกรัก อสรพิษที่ออกจากโพรงกัดเจ้านั้นมีเดชมากไม่เป็นที่รักของแม่ในวันนี้เลย อสรพิษนั้นกับบิดาของเจ้า
ไม่แปลกกันเลย ด้วยความสัตย์นี้ขอความสวัสดีจงมีแก่ยัญญทัตตกุมาร พิษจงคลายออก ยัญญทัตตกุมารจงรอดชีวิตเถิด.”
พร้อมกับสัจกิริยา พิษทั้งหมดก็ตกลงเข้าแผ่นดินยัญญทัตตเมื่อร่างกายหมดพิษแล้ว ก็ลุกขึ้นเริ่มจะเล่นต่อไป เมื่อบุตรลุกขึ้นได้แล้วอย่างนี้
ทรงประชุมชาดกว่า
นายมัณฑัพยะในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์ในบัดนี้
ภรรยาในครั้งนั้น ได้มาเป็น นางวิสาขา
บุตรในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระราหุล
ส่วนกัณหทีปายนดาบสในครั้งนั้น คือ พระตถาคตเจ้า