ไม่ปลดประจําการ
ทหารทางโลกนั้นยังมีวันต้องปลดเกษียณและปลดประจําการ แต่ทหารแห่งกองทัพธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีวันปลดประจําการจนกว่าจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ปัจจุบันนี้เราเพียงแต่เห็นหนทางและทราบวิธีการที่จะไปถึงเท่านั้น แต่กําลังของเรายังไม่มากพอที่จะไปถึง จึงยังไม่ถึงกําหนดปลดประจําการ ดังนั้นเราก็ต้องชําระกาย วาจา ใจให้สะอาดบริสุทธิ์พร้อมกับทําภารกิจทางธรรมที่ได้รับมอบหมายต่อไปจนกว่าร่างกายจะไม่สามารถใช้งานได้กิจที่สําคัญที่สุดคือการเจริญสมาธิภาวนาเป็นสิ่งที่เราจําเป็นต้องกระทํา เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทําให้เราหลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามารได้
ตอนนี้เรายังไม่เห็นพญามาร แต่พญามารนั้นเห็นเรา เขาเห็นเราตลอดเวลา ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงวิชชาธรรมกายจะไม่สามารถเห็นเขาได้เขาจึงเห็นเราฝ่ายเดียว นักสร้างบารมีผู้มุ่งจะปราบมารและไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้นล้วนอยู่ในบัญชีดําของเขาทั้งสิ้น ถ้าเขาถอดกายเราได้เขาก็จะถอด แต่ถ้ายังถอดไม่ได้ก็จะสร้างอุปสรรคในการสร้างบารมีให้เกิดขึ้น นี้เป็นสิ่งที่พญามารทําอยู่ตลอดเวลาไม่มีวันว่างเว้น ในเมื่อคุณยายละสังขารแล้ว เราก็จะไม่ได้ยินท่านอบรมสั่งสอนเหมือนแต่ก่อน เราจึงต้องสอนตัวเองให้ได้แล้วก็ตั้งมโนปณิธานนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปว่าสิ่งใดที่คุณยายทําเอาไว้เป็นแบบอย่างอันดีงามนั้นเราจะกระทําตามอย่างเต็มที่เต็มกําลังให้ต่อเนื่องแล้วสักวันหนึ่งเมื่อเราเข้าถึงวิชชาธรรมกาย ความลับทั้งหลายก็จะได้รับการเปิดเผย เมื่อความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป พญามารก็จะไม่ได้เห็นเราข้างเดียวอีกแล้ว ต่อไปเราก็จะเห็นเขาด้วย ถึงตอนนั้นเราจะเข้าใจคํากล่าวของคุณยายว่า “ใครจะเข้านิพพานไปก่อนก็ไปเถอะ ยายอนุโมทนาด้วย แต่ยายยังไม่เข้าหรอกนิพพาน ยายจะไปปราบไอ้ดํา (มาร) ปราบให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษแล้วจะไปสู่ที่สุดแห่งธรรม จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปให้หมดเลย ไม่ให้หลงเหลือ” ที่ท่านเรียก “ไอ้ดํา” เพราะธาตุธรรมของมารเป็นสีดําล้วนๆ การที่ท่านพูดอย่างนี้อยู่บ่อยครั้ง แสดงให้เห็นว่าการเข้านิพพานถอดกาย (ดับขันธ์แล้วจึงเข้าอายตนนิพพานด้วยกายธรรมอรหัต) สําหรับท่านนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ท่านมีบารมีมากพอที่จะเข้าเมื่อไรก็ได้แต่มโนปณิธานของท่านคือการเข้านิพพานไม่ถอดกายคํากล่าวของคุณยายนี้ท่านมักจะพูดบ่อยๆ แต่ไม่เป็นที่แพร่หลายทั่วไป เพราะท่านเกรงว่าคนที่ไม่เข้าใจจะหาว่าท่านผิดปกติท่านจะรําพึงให้หลวงพ่อหรือผู้ที่ไว้วางใจฟังเท่านั้น
เมื่อใดก็ตามที่เราสามารถปราบพญามารได้สําเร็จ ในขั้นแรกกายของมนุษย์จะเปลี่ยนจากกายที่ไม่สมบูรณ์และแตกต่างกันอยู่นี้กลายสภาพเป็นกายของมหาบุรุษ มีลักษณะเดียวกันกับกายมหาบุรุษในอายตนนิพพานไม่ถอดกาย ไม่มีเกตุดอกบัวตูมอยู่บนกระหม่อมเหมือนพระธรรมกายทั่วๆ ไป ซึ่งการจะทําเช่นนี้ได้ต้องอาศัยการทําวิชชาธรรมกายให้ถึงระดับความละเอียดที่เท่าเทียมกันหมดทุกคน แล้วรวมทบกําลังกันไป ทําให้กําลังของสมาธิจิตมีความเร็วแรงจนกระทั่งไปถึงจุดหมายปลายทางได้ในที่สุด