อนาถบิณฑิกเศรษฐี
ตอนที่ ๒๓ สุมนาเทวี ลูกสาวคนเล็กของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เราจะนึกไม่ถึงเลยว่า ท่านเศรษฐีเดินร้องไห้จากบ้านไปถึงวัดพระเชตวัน เพื่อเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธองค์ทรงเห็นดังนั้นจึงถามว่า (ถามก็คือทัก ที่จริงพระองค์ก็ทราบเหตุการณ์ทั้งหมด) “ท่านเศรษฐีเกิดอะไรขึ้นหรือ จึงได้เป็นทุกข์เศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้น้ำตานองหน้าทำไม” คนกำลังร้องไห้พอเจอคำถาม ก็หยุดเปลี่ยนอารมณ์ คล้าย ๆ เปลี่ยนโจทย์ใหม่ พระพุทธองค์ก็ถามอย่างนั้น ท่านเศรษฐี จึงจำเป็นจะต้องอธิบายยาว
“เพราะเหตุนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สุมนาเทวี ลูกสาวผู้เป็นที่รักยิ่งของข้าพระองค์ตายแล้ว”
“ท่านเศรษฐี ทุกคนเกิดมาก็ต้องตายไม่ใช่หรือ เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดท่านจึงต้องเศร้าโศกด้วยล่ะ” คือความตายเป็นเรื่องธรรมดา
ท่านเศรษฐีกราบทูลว่า “ข้อนั้นข้าพระองค์ทราบดีพระเจ้าข้า แต่ลูกสาวของข้าพระองค์แม้เป็นผู้สมบูรณ์พร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ แต่ว่าเมื่อใกล้จะตาย นางกลับบ่นเพ้อไม่สามารถควบคุมสติไว้ได้เลย เพราะเหตุนี้ข้าพระองค์จึงเกิดความเสียใจเป็นอย่างมาก”
พระบรมศาสดาตรัสว่า “ท่านเศรษฐี ลูกสาวของท่าน บ่นเพ้อว่าอะไรบ้างล่ะ” ท่านเศรษฐีจึงกราบทูลเรื่องราวทั้งหมดให้พระพุทธองค์ทรงทราบ พระองค์จึงตรัสกับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีว่า “ดูก่อนท่านเศรษฐี ลูกสาวของท่าน ไม่ได้บ่นเพ้อหรอก”
“เพราะเหตุใดนางจึงพูดอย่างนั้นล่ะพระเจ้าข้า”
“ก็นางสุมนาเทวีบุตรสาวของท่าน เป็นใหญ่กว่าท่านโดยมรรคผลไงล่ะ ท่านเศรษฐี ตัวท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ส่วนลูกสาวของท่านได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี ด้วยเหตุนี้นางจึงพูดเช่นนั้น เพื่อจะบอกให้พ่อรู้ว่า ได้บรรลุธรรมที่สูงกว่า” กายมนุษย์ถ้าใช้แบบนางสุมนาเทวีนี้ ถือว่า ใช้อย่างมีคุณค่า คือใช้หาพระในตัว
เมื่อท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงกราบทูลถามพระบรมศาสดาอีกว่า “แล้วเวลานี้ นางไปเกิดอยู่ที่ไหนพระเจ้าข้า”
“ท่านเศรษฐี ลูกสาวของท่านไปเกิดอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต”
“พระองค์ผู้เจริญ ลูกสาวของข้าพระองค์ เมื่อสมัยยังมีชีวิตอยู่ นางย่อมบันเทิงอยู่ระหว่างหมู่ญาติ ครั้นเมื่อละโลกแล้วนางยังบันเทิงอยู่หรือพระเจ้าข้า”
“ใช้แล้วท่านเศรษฐี เป็นธรรมดาสำหรับบุคคลผู้ไม่ประมาท ไม่ว่าจะเป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิตก็ตาม เมื่อสั่งสมบุญไว้ดีแล้ว ย่อมบันเทิงในโลกนี้ ครั้นละโลกไปแล้วก็บันเทิงในโลกหน้า ผู้มีบุญเหล่านั้น ย่อมบันเทิงในโลกทั้งสอง และเมื่อตามระลึกต่อว่า เราสั่งสมบุญอะไรมา จึงส่งผลให้ได้มาเกิดในสวรรค์ เขาก็ย่อมมีความบันเทิงยิ่ง ๆ ขึ้นไป คือ มีความปลื้มปีติ เบิกบานทีเดียว”