ทุกวิกฤตคือโอกาส

วันที่ 23 ธค. พ.ศ.2563

ทุกวิกฤตคือโอกาส

 

63123_b.jpg


            น้องที่น่ารักทั้งหลาย ช่วงนี้หลายคนคงสอบ กลางภาคเก็บคะแนนไปหลายวิชาแล้ว เป็นอย่างไร กันบ้าง อ่านหนังสือทันไหม ทำข้อสอบกันได้หรือเปล่า หลายๆ คนบอกว่าไม่มีเวลา ปัญหาที่น้อง เจออย่างนี้ สมัยผมเรียนอยู่ก็เจอเหมือนกัน 

 

            พอใกล้สอบกลางภาคหรือปลายภาคก็ตามที หลายๆ คนก็จะมี ปัญหา คือ เตรียมตัวไม่ค่อยทัน อ่านหนังสือไม่จบ หรือเครียดจัดจน บางคนไม่สบาย ซึ่งมักเจอในโรงเรียนที่มีนักเรียนเก่งๆ จำนวนมาก มีการแข่งขันสูง ทั้งๆ ที่เคยมีผลการวิจัยออกมาว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จ ใช้วิชาการความรู้ หรือศาสตร์ทั้งหลายที่เล่าเรียนกันมาไม่เกิน ๑๕% เท่านั้น ส่วนอีก ๘๕% เป็นความสามารถในการประสานสัมพันธ์กับคนอื่นๆ

 

            แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คงต้องแนะนำถึงการเตรียมตัวของผม ให้น้องๆ ฟังดีกว่า เผื่อจะได้นำไปปรับใช้บ้าง เมื่อถึงคราวสอบครั้งหน้า จะได้ไม่บอกกับตัวเองอีกว่า "คราวหน้าฉันจะเตรียมตัวตังแต่เนินๆ เลยจะอ่านหน้งสือตั้งแต่ต้นเทอมเลย" เสร็จแล้ว พอถึงการสอบคราวต่อไป ก็พูดประโยคเดิมอีก ลองถามตัวเองดูซิว่า น้องๆ เคยเป็นอย่างนี้บ้างไหม เป็นเพราะปัญหาจากวินัยในตัวของเราเองหรือเปล่า

 

            เนื่องจากเมื่อตอนสมัยเด็ก บ้านของผมมีอาชีพขายนํ้าเต้าหู้อยู่  ข้างถนนในตอนกลางคืนก็แถวๆ ไนท์บาซ่าร์ที่เชียงใหม่ในปัจจุบันนั่นแหละ กว่าจะเลิกก็ประมาณเที่ยงคืนซึ่งทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลาเหมือนคนอื่นๆเขา เพราะฉะนั้น การบ้านก็ต้องหอบมาทำตอนจัดร้านเสร็จ ก็อาศัยช่วงหก โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกค้ายังไม่เข้าร้าน ก็จะเอาการบ้านไปทำจังหวะนี้ โดยสลับกับพี่ชาย กว่าจะทำเสร็จก็ประมาณทุ่มหนึ่ง ลูกค้าจึงทยอยมา ผมก็สามารถกลับมาช่วยแม่ได้พอดี

 

            อาจจะเป็นบุญเก่าหรืออะไรก็ตามที ทำให้แผงลอยที่ขายของนั้น ตั้งติดอยู่กับร้านหนังสือที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่ พอวันไหน ไม่มีการบ้านหรือทำงานเสร็จเร็ว ผมก็จะไปยืนดูข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่ เขาพาดโชว์ไว้หน้าร้าน จนรู้ข่าวสารมากกว่าคนอื่น ๆ เพราะอ่าน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่เขามีขาย

 

             เนื่องจากการกอดปาท่องโก๋เป็นจำนวนมาก
             ต้องมีกระบวนการรอเกิดขึ้น เช่น รอสุกได้ที่
             ถ้าไฟแรงไปก็จะเกรียมนอกแต่ข้างในไม่สุก
             ทำให้ฝึกได้ศิลปะในการบริหารเวลาตั้งแต่
             ตอนนั้น

 

             บางวันผมก็เดินเข้าไปดูหนังสือในร้านและอาศัยความคุ้นเคยยืน อ่าน หรือนั่งอ่านตรงนั้นเลย พอแม่ขายของดีก็จะตะโกนเรียกหา ผมก็ ค่อยวิ่งออกมาช่วยขายของ

 

             บางวันก็ไปตกลงกับพี่ชายว่า เราช่วยแม่สลับกันคนละวัน เพื่อ ผมและเขาก็จะได้อ่านหนังสือที่ชอบ ผมอ่านจนติดเป็นนิสัยรักการอ่าน มาจนทุกวันนี้

 

             ต่อมาภายหลัง พ่อคงจะเห็นว่าขายนํ้าเต้าหู้เพียงอย่างเดียว คง เหมือนขาดอะไรไป เพราะคนถามหาปาท่องโก๋ เพื่อกินคู่กันด้วย พ่อของ ผมจึงไปหัดทำปาท่องโก๋ จนหมดแป้งไปหลายกระสอบ ทำให้ผมที่เป็น ลูกมือก็พลอยทำเป็นไปด้วย ส่วนการตีแป้งและตัดเป็นคู่ๆ เพื่อทอดใน นํ้ามันเป็นฝีมือของคุณแม่ ผมก็พลอยไปหัดทำอีกเช่นกัน จนทำได้คล่อง วันหนึ่งเมื่อทุกคนเห็นว่า ผมทอดออกมาได้น่ารับประทานกว่าคุณแม่ ตำแหน่งทอดปาท่องโก๋จึงตกเป็นของผม น้องๆ หลายคนที่ขณะนี้อาจ เป็นอย่างผมในตอนนั้น ก็คงจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือเหมือนกัน

 

            แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ไม่ยากเย็น

 

            เนื่องจากการทอดปาท่องโก๋เป็นจำนวนมากต้องมีกระบวนการรอ เกิดขึ้น เช่น รอสุกได้ที่ ถ้าไฟแรงไปก็จะเกรียมนอกแต่ข้างในไม่สุก ทำให้ได้ฝึกศิลปะในการบริหารเวลาตั้งแต่ตอนนั้น

 

           น้องๆ คงนึกภาพคนทอดปาท่องโก๋ขายออก เขาจะมีแป้งที่ผสม แล้วแผ่อยู่บนโต๊ะ เมื่อจะทอดก็ตัดมาเป็นเส้นๆ ตีให้แบน แล้วตัดเป็น ชิ้นเล็กๆ แตะนํ้า จับเป็นคู่ๆ แล้วลงหย่อนกระทะทอด แล้วแป้งก็พอง ขึ้นมาอย่างที่เขาชอบพูดเล่นกันว่า เราก็จะไม่พรากจากกันเหมือนปาท่อง โก๋ยังไงล่ะ

 

          ผมก็ใช้ประโยชน์จากงานนี้ โดยใช้หน้าโต๊ะที่ทอดปาท่องโก๋นั่น แหละ เป็นที่อ่านหนังสือ ผมนำหนังสือมากางบนโต๊ะ หาอะไรหนักๆ ทับ ไวัในหน้าที่ต้องการ แล้วเริ่มอ่านทบทวนในขณะที่รอแป้งสุก แม้จะเป็น ช่วงสั้นๆ แต่ผมก็ต้องอ่านหนังสือ

 

           ผมอ่านเสร็จ ท่องเสร็จ ทบทวนเสร็จในคราวเดียวกัน และที่ขาด ไม่ได้ คือ กระดาษเปล่าๆ อีก ๑ แผ่น คู่กับดินสอ เพื่อจะได้จดบันทึก ย่อเรื่องที่อ่านเอาไว้ หัดทำจนบางครั้ง จำหนังสือทั้งเล่มได้ทุกตัวอักษร และได้บันทึกย่อหัวข้อสำคัญของหนังสือที่อ่านไว้เพียง ๑ หน้ากระดาษ เท่านั้น เพื่อเอาไว้ทบทวน

 

           บางวันก็มีเพื่อนๆ มาหา เขาก็จะต้องมายืนพูดข้างกะทะปาท่องโก๋ ช่วยกลับตัวปาท่องโก๋ไปด้วย คุยธุระไปด้วย ถามเรื่องการเรียนไปด้วย ทำใหัรู้สึกดีไปอย่าง ที่มีคนมาช่วยงานและทบทวนการเรียนข้างกะทะไป ด้วยกัน

 

           ด้วยการจดบันทึกย่อไว้นี้เอง ทำให้ผมสอบเข้าเรียนในระด้บ มหาวิทยาลัยได้อย่างสบาย และกลายเป็นนิสัยติดตัวจนทุกวันนี้ ทั้งการใช้เวลาว่าง ซึ่งมีอยู่น้อยนิดให้เป็นประโยชน์และการมองหา ประโยชน์จากปัญหาที่เผชิญอยู่

 

           เพราะฉะนั้นน้องๆ เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต อย่าเพิ่งไปโทษว่าโชค ชะตา หรือฟ้าดินกลั่นแกล้ง ให้มองพิจารณาให้ดี เราจะพบมี ประโยชน์แฝงตัวอยู่ในนั้น ทุกอย่างจึงอยู่ที่เราจะมองหามันออกมา และพลิกความรู้สึกที่วิกฤตตรงนั้น มาเป็นข้อคิด ข้อเตือนใจ ข้อกำหนดวินัยในตัวเอง เพื่อให้กลายเป็นโอกาสที่เราจะทำให้ชีวิตของเรา ดียิ่งขึ้น

 

          "ทุกวิกฤตคือโอกาสนะครับ"

 

 

เรื่องเล่า...ของพี่ชายคนหนึ่ง
โดย ชัยภัทร ภัทรทิพากร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0013576507568359 Mins