สุขสามเณร ตอน6
พระเถระก็ได้หาโอกาสเเวะเวียนมารับบาตรบ้าง มาให้ธรรมะบ้างกับครอบครัวของหนูน้อยเป็นประจำ เพราะเห็นว่าทุกคนมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา เป็นการเจริญศรัทธให้ทุกคนรักในการสั่งสมบุญให้ยิ่งๆขึ้นไป เมื่อหนูน้อยอายุได้ 7 ขวบได้บอกแม่ว่าอยากจะบวชเป็นลูกศิษย์ของพระเถระ แม่ก็อนุโมทนาด้วยความตั้งใจของลูก
วันรุ่งขึ้นก็ไปกราบนิมนต์ พระเถระมาฉันภัตตาหารที่บ้าน หลังจากท่านฉันเสร็จแล้ว ก็ได้เรียนว่าพระคุณเจ้าลูกชายของดิฉันอยากจะบวช ขอได้โปรดอนุญาตให้เขาบวชเถิด พระเถระเห็นว่าสุขกุมารมีความตั้งใจดี และเห็นเเววว่าบวชแล้วจะเอาดีได้ จึงอนุญาตให้บวช นางจึงกราบเรียนว่า จะพาลูกชายไปบวชที่วัดเวลาเย็น ตอนนี้ขออนุญาตให้ลูกชาย ร่ำลาหมู่ญาติเรียบร้อยเสียก่อน
เมื่อส่งพระเถระไปแล้ว นางได้ให้ประชุมพวกญาติ ให้ลูกชายไปกราบลาคุณตาคุณยายและหมู่ญาติทุกคน จากนั้นได้จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องบวชทุกอย่าง พอตกเย็นก็ช่วยกันปลงผมให้สุขกุมาร ให้ใส่ชุดขาวซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นนาคเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นก็นำไปยังวิหารและก็มอบถวายพระเถระ พระเถระอยากรู้ว่า สามเณรบวชด้วยความเต็มใจหรือเปล่าจึงทดลองถามว่า พ่อหนูการบวชเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก อยากได้ของเย็นก็ได้ร้อนอยากได้ของร้อนก็ได้เย็น ต้องนอนบนเตียงไม้ ฉันมื้อเดียว มีผ้าครองกายเป็น 3 ผืน ไม่ได้รับความสะดวกสบายเหมือนเด็กทั่วไป พ่อหนูจะทนได้หรือ
สุขกุมาร ตอบว่าผมทนได้ เมื่อบวชแล้วจะทำตามโอวาทของท่านทุกอย่าง ขอท่านได้โปรดเมตตารับผมไว้เป็นศิษย์ด้วยเถิด พระเถระเห็นความมุ่งมั่นของสามเณรแล้ว จึงสอนวิธีการเจริญกรรมฐาน จากนั้นจะให้บวชเป็นสามเณร ครั้นบวชไปได้ 3 วัน เมื่อภิกษุสงฆ์เข้าไปในหมู่บ้านเพื่อบิณฑบาตกันหมดแล้ว พระสารีบุตรเถระได้ทำกิจที่ควรทำในวิหารเสร็จแล้ว จึงให้สามเณรครองจีวรถือบาตร เข้าไปสู่หมู่บ้านเพื่อบิณฑบาต
การที่พระเถระไม่ได้ไปกับหมู่ภิกษุสงฆ์ เพราะต้องดูแลสามเณรบวชใหม่ อีกอย่างหนึ่ง วัตรที่ควรทำในวิหารเถระก็ยังมีอยู่ เนื่องจากพระเถระเป็นเสาหลักของพระวิหารจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเป็นผู้มีความรอบคอบเสมอ เพราะฉะนั้นเมื่อภิกษุสงฆ์เข้าไปภายในหมู่บ้านแล้ว ท่านจะเดินตรวจดูทั่ววิหาร
กวาดที่ยังไม่ได้กวาด ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ไว้ในภาชนะที่ว่างเปล่า เก็บเตียงตั่งเป็นต้น ยังเก็บไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นจึงค่อยไปบิณฑบาตกับสามเณร อีกประการหนึ่ง ท่านต้องการให้ภาพลักษณ์ของพระภิกษุสงฆ์ ในบวรพระพุทธศาสนาดูน่าเลื่อมใส ดังนั้นจึงต้องทำวัดให้สะอาดเรียบร้อย นำความเลื่อมใสมาให้แก่ผู้มาเยือน โดยเฉพาะพวกเดียรถีย์ มักหาโอกาสมาจับผิดพระสงฆ์อยู่เสมอ หากพบตรงไหนไม่เรียบร้อยก็จะนำไปโพนทะนาให้สาวกของตัวเองฟังเป็นการลดความน่าเลื่อมใส นี่เป็นความฉลาดและรับผิดชอบต่อหมู่คณะของพระเถระ
เช้าวันนั้นก็เช่นเดียวกัน หลังจากจัดการงานในวัดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ให้สามเณรครองจีวรและถือบาตรตามหลังท่านไปสู่หมู่บ้าน ซึ่งสายหน่อยก็ไม่เป็นไร
สุขสามเณรได้ออกบิณฑบาตเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกตื่นเต้น แต่ก็พยายามสำรวมอินทรีย์ ในระหว่างทางเห็นเหมืองน้ำ จึงเรียนถามพระสารีบุตรว่า สิ่งนี้เขาเรียกว่าอะไร มีไว้ทำอะไรครับ พระสารีบุตร ตอบว่าเขาเรียกว่าเหมือง มีไว้สำหรับไขน้ำเข้าไปในนา สามเณรถามต่อว่าน้ำมีจิตไหมครับ พระเถระตอบว่าน้ำไม่มีจิตหรอกสามเณร สามเณรก็เกิดความคิดว่าถ้าคนสามารถไขน้ำซึ่งไม่มีจิตให้ไหลไปสู่ที่ที่ตนปรารถนา และทำการงานด้วยตามชอบใจ แล้วเหตุไฉนคนที่มีจิตแท้ๆ จะไม่สามารถบังคับจิตของตนได้
สามเณรเดินต่อไป เห็นช่างศรกำลังเอาลูกศรลนไฟ เล็งดูด้วยหางตาแล้วดัดให้ตรง จึงเรียนถามพระเถระด้วยความอยากรู้ตามประสาเด็กอายุ 7 ขวบ ที่มีบารมีแก่กล้าเมื่อได้คำตอบแล้วก็ตรึกธรรมะไปว่า
ถ้าสามารถดัดลูกศรที่ไม่มีจิตให้ตรงได้ ทำไมหนอคนจะมีจิตแท้ๆจะไม่สามารถบังคับจิตของตัวเอง ครั้นสามเณรเดินต่อไป เห็นช่างไม้กำลังถากไม้เพื่อทำกงเเละดุมเกวียน จึงเรียนถามพระเถระด้วยความอยากรู้ว่า เขาถากไม้เพื่อทำอะไรครับท่านอาจารย์ พระเถระตอบว่าเขาถากไม้เพื่อทำล้อเกวียน สามเณรถามต่อว่า แล้วไม้เหล่านั้นมีจิตไหมครับ
เมื่อรู้ว่าไม้ไม่มีจิตก็ขบคิดขึ้นมาว่า ถ้าคนทำท่อนไม้ที่ไม่มีจิต ให้เป็นล้อได้แล้วทำไมคนผู้มีจิตจะไม่สามารถบังคับจิตของตนได้ เมื่อได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบตัวแล้ว สามเณรจึงคิดว่า เราเองก็ควรฝึกจิตของตนเองให้ตรงต่อพระนิพพาน จึงได้กราบเรียนพระเถระว่า กระผมจะขอตัวกลับวัดไปก่อน พระสารีบุตรทราบจุดมุ่งหมายของสามเณร ว่าการกลับไปก็เพื่อนั่งสมาธิตามลำพังจึงอนุญาตให้กลับไปก่อน
โปรดติดตามตอนต่อไป
ธรรมะเพื่อประชาชน
คุณครูไม่ใหญ่