นางวิสาขา
ตอนที่ ๒๐ นางผู้มีใจประเสริฐ
นางวิสาขาได้กราบทูลเล่าเรื่องที่ใช้นางทาสีไปกราบอาราธนาพระภิกษุสงฆ์ยังวัดเชตวัน และได้เห็นพระภิกษุอยู่ในอาการไม่งามให้ทรงทราบแล้ว จึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า
๑ . การเปลือยกายเป็นสิ่งไม่งาม น่าเกลียดน่าชัง หม่อมฉันพิจารณาเห็นประโยชน์ จึงประสงค์จะถวายผ้าสาฎกแก่พระสงฆ์จนตลอดชีวิต
๒ . พระภิกษุอาคันตุกะไม่ชำนาญทาง ไม่รู้จักที่โคจร ย่อมจาริกบิณฑบาตลำบาก เมื่อพระคุณเจ้าได้ฉันอาคันตุกภัตของหม่อมฉันแล้ว พอชำนาญทางและรู้จักที่โคจรก็จะจาริกบิณฑบาติได้สบาย หม่อมฉันพิจารณาเห็นประโยชน์นี้ จึงประสงค์จะถวายอาคันตุกภัตแก่พระสงฆ์จนตลอดชีวิต
๓ . พระภิกษุผู้เตรียมตัวจะเดินทางไกล มัวแสวงหาอาหารเพื่อตนอยู่ อาจจะทำให้พลาดจากหมู่เกวียน หรือจะทำให้เดินทางล่าช้าไปถึงเวลาพลบค่ำทำให้ประสบความลำบาก เมื่อพระคุณเจ้าได้ฉันคมิกภัตของหม่อมฉันแล้วจะเดินทางได้โดยสะดวก หม่อมฉันพิจารณาเห็นประโยชน์อย่างนี้จึงประสงค์จะถวายคมิกภัตแก่พระสงฆ์จนตลอดชีวิต
๔ . เมื่อพระภิกษุอาพาธ ไม่ได้รับโภชนาหารเป็นที่สบาย บางทีอาพาธอาจกำเริบหรืออาจทำให้มรณภาพได้ แม้เมื่อพระคุณเจ้าฉันคิลานภัตของหม่อมฉันแล้ว อาพาธจะทุเลาหรือพระคุณเจ้าไม่ถึงมรณภาพ หม่อมฉันพิจารณาเห็นประโยชน์อย่างนี้ จึงประสงค์จะถวายคิลานภัตแก่พระสงฆ์จนตลอดชีวิต
๕ . พระภิกษุผู้พยาบาลพระภิกษุอาพาธ มัวแสวงหาอาหารเพื่อตนเอง กว่าจะได้อาหารไปถวายพระภิกษุอาพาธก็จวนเวลาสาย กลัวตนเองจะอดอาหาร เมื่อพระภิกษุผู้พยาบาลได้ฉันคิลานุปัฏฐากของหม่อมฉันแล้วจะได้นำอาหารไปถวายพระภิกษุอาพาธได้ทันเวลา หม่อมฉันพิจารณาเห็นประโยชน์อย่างนี้ จึงประสงค์ที่จะถวายคิลานุปัฏฐากแก่พระสงฆ์จนตลอดชีวิต
๖ . พระภิกษุอาพาธเมื่อไม่ได้คิลานเภสัชที่ตรงกับโรคอาพาธ อาพาธจะกำเริบหรือจะถึงมรณภาพ เมื่อพระคุณเจ้าได้ฉันคิลานเภสัชของหม่อมฉันแล้ว อาพาธจะทุเลาลงหรือไม่ถึงมรณภาพ หม่อมฉันพิจารณาเห็นประโยชน์ข้อนี้ จึงประสงค์ที่จะถวายคิลานเภสัชแก่พระสงฆ์จนตลอดชีวิต
๗ . พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นอานิสงส์ ๑๐ ประการ คือ ให้อายุ ให้วรรณะ ให้สุข ให้กำลัง ให้ปฏิญาณ ช่วยกำจัดความหิว ช่วยบรรเทาความกระหาย ทำลมให้เดินสะดวก ชำระล้างลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ได้ทรงอนุญาตข้าวต้มไว้แล้ว ณ เมือง อันธกวินทะ หม่อมฉันพิจารณาเห็นอานิสงส์ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสนั้น จึงประสงค์จะถวายธุวยาคู คือ ข้าวต้มประจำวันแก่พระสงฆ์จนตลอดชีวิต
๘ . ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระภิกษุณีทั้งหลายเปลือยกายอาบน้ำร่วมท่าน้ำเดียวกับหญิงแพศยา ณ แม่น้ำอจิรวดีนี้ พวกหญิงแพศยาเหล่านี้พากันเย้ยหยันพระภิกษุณีว่า “แม่เจ้าเอ๋ย พวกท่านกำลังสาว มัวประพฤติพรหมจรรย์จะได้ประโยชน์อะไร ควรบริโภคกามไม่ดีกว่าหรือ แล้วค่อยประพฤติพรหมจรรย์เมื่อเวลาแก่เฒ่า ทำอย่างนั้นท่านจะได้ประโยชน์ทั้ง ๒ ประการ” เมื่อพวกพระภิกษุณีเหล่านั้นถูกพวกหญิงแพศยาเย้ยหยันอยู่ได้เป็นผู้เก้อเขิน การเปลือยกายของหญิงไม่งาม น่าเกลียดน่าชัง หม่อมฉันพิจารณาเห็นประโยชน์อย่างนี้ จึงประสงค์จะถวายผ้า อุทกสาฎก คือผ้านุ่งอาบน้ำแก่พระภิกษุณีสงฆ์จนตลอดชีวิต
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามต่ออีกว่า “ ดูก่อนวิสาขา เธอเห็นอานิสงส์อะไร จึงขอพร ๘ ประการต่อตถาคต “
นางวิสาขากราบทูลว่า “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระภิกษุทั้งหลายในพระธรรมวินัยนี้ จำพรรษาในทิศทั้งหลายแล้วจะเดินทางมายังเมืองสาวัตถี เพื่อเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระภิกษุทั้งหลายกราบทูลถามถึงคติของพระภิกษุที่มรณภาพว่าเป็นอย่างไร พระพุทธเจ้าจะทรงพยากรณ์ว่า พระภิกษุนั้นได้สำเร็จโสดาปัตติผล พระสกทาคามิผล พระอนาคามิผล หรืออรหัตผล หม่อมฉันจะเข้าไปหาพระภิกษุเหล่านั้น แล้วกราบเรียนถามว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นเคยเดินทางมายังเมืองสาวัตถีหรือไม่ พระเจ้าข้า
ถ้าพระภิกษุเหล่านั้นตอบกับหม่อมฉันว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นเคยมาเมืองสาวัตถีนี้ หม่อมฉันจึงจะปลื้มใจได้ว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นคงเคยได้ใช้สอบผ้าวัสสิกสาฎก คงได้ฉันอาคันตุกภัต คมิกภัต คิลานภัต คิลานุปัฏฐากภัต คิลานเภสัช หรือข้าวต้มประจำวันเป็นแน่ ครั้นทราบดังนั้นแล้วหม่อมฉันจะอิ่มเอิบเบิกบานใจ แล้วกายจะสงบ เมื่อกายสงบแล้ว ใจจะเสวยสุข เมื่อใจเสวยสุขแล้วจิตจะตั้งมั่น เท่ากับหม่อมฉันได้อบรมอินทรีย์ พละ โพชฌงค์ หม่อมฉันเห็นอานิสงส์นี้ จึงกราบทูลขอพร ๘ ประการ พระเจ้าข้า”
พระบรมศาสดาจึงตรัสรับรองว่า “ดีแล้ว วิสาขา ดีแล้ว เธอเห็นอานิสงส์นี้จึงขอพร ๘ ประการต่อตถาคต ตถาคตอนุญาตพร ๘ ประการแก่เธอ”
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนาแก่นางวิสาขามหาอุบาสิกาด้วยพระคาถาว่า “สตรีใดให้ข้าวและน้ำ มีใจเบิกบาน มีศีลสมบูรณ์ เป็นสาวิกาของพระสุคตผู้ครอบงำความตระหนี่ได้แล้ว บริจาคทานอันเป็นเหตุแห่งสวรรค์ เป็นเครื่องบรรเทาความโศก นำความสุขมาให้ สตรีนั้นอาศัยมรรคปฏิบัติ ไม่มีธุลี ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวนใจ ย่อมได้กำลังและอายุอันเป็นทิพย์ สตรีผู้ประสงค์บุญนั้นย่อมเป็นผู้มีสุข มีอนามัยสมบูรณ์ ย่อมปลื้มใจในสวรรค์ตลอดกาล”
นางวิสาขามหาอุบาสิกาเป็นผู้ได้รับเกียรติเชื้อเชิญจากประชาชนผู้ปรารภการถวายทาน และได้รับความไว้วางใจจากพระภิกษุทั้งหลายที่มารับการถวายทาน ด้วยในเมืองสาวัตถีนั้น เรือนที่เปิดรับพระภิกษุสงฆ์จำนวนมากอยู่เสมอนั้น คือ เรือนของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และเรือนของนางวิสาขามหาอุบาสิกา ซึ่งนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ ๒ พันรูป มาฉันภัตตาหารเป็นประจำทุกวัน
ผู้ใดก็ตามในเมืองสาวัตถีมีความประสงค์จะถวายทาน ผู้นั้นจะต้องได้เวลาที่เหมาะสมจากท่านทั้ง ๒ ก่อน จึงจะกระทำได้ ด้วยเหตุที่ว่าท่านทั้ง ๒ คน ย่อมรู้จักความชอบใจของพระภิกษุและกิจที่สมควรกระทำ จึงบุคคลที่เป็นที่เคารพนับถือแก่ชนทั้งปวง ดังนี้