วิสาขามหาอุบาสิกา
ตอนที่ ๑๐ สู่เมืองสาวัตถี
โค ซึ่งได้รับการปรนปรือเป็นอย่างดีก่อนหน้าออกเดินทาง ย่างเท้าพาเกวียนไปด้วยท่าทางบึกบึน แต่ละตัวที่นำมาใช้ ได้เลือกล้วนล่ำสันและมีลักษณะอันเป็นมงคล ในเกวียนคันหน้า มีพระราชาแห่งแคว้นโกศลพร้อมอำมาตย์และข้าราชบริพารเป็นอันมาก ทอดทัศนาการหนทางสู่ราชธานีที่จากมานาน แรมเดือนเหมือนแรมปี อุปมาดังสกุณาพลัดถิ่นฐาน แล้วถึงกาลหวนคืนกลับสู่รวงรังอีกครั้ง จะรื่นเริงบันเทิงใจสักเพียงไหน
อันว่าความงามแห่งเมืองสาวัตถี ที่เตือนตาผู้เดินทางมาแต่ไกลให้เพลินชมแต่ยังไม่ทันย่างเข้าสู่ประตูเมือง คือทิวเขาเรียงรายสลับซับซ้อน เนืองแน่นด้วยแมกไม้พันธุ์ไม้เขียวขจี มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน อีกทั้งสองฝั่งเป็นที่ลุ่ม ชอุ่มด้วยพันธุ์พฤกษชาติหลากชนิด ข้าวกล้าในนาเขียวไสวแลดูไกลสุดสายตา เหล่าบริวารชนของนางวิสาขามาถึงเมืองสาวัตถีแล้ว ให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับภูมิประเทศ ไม่น่าเชื่อว่าเบื้องหลังกำแพงกั้นกลาง จะมีความแตกต่างกับภาพภายนอกถึงเพียงนี้
ด้วยอาคารร้านตลาดอันแออัดคึกคักยิ่งกว่าเมืองสาเกต สาวัตถีเป็นเมืองใหญ่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย เป็นที่ชุมนุมแห่งนักปราชญ์ราชบัณฑิตและเจ้าลัทธิทั้งหลาย มีเทวาลัยและอาศรมบทแห่งนักบวชเหล่านั้น พ่อค้าเกวียนและโคจากชนบทและราชธานีใกล้เคียง เดินทางไปมาค้าขายอยู่คับคั่ง
ข่าวการมาของเจ้าสาวผู้เป็นธิดาของคฤหบดีมหาศาลแห่งแคว้น นาม วิสาขา สร้างความปีติยินดีแก่ชาวเมืองเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเสียงร่ำลือถึงความงามแห่งนางล้ำเลิศกว่าหญิงทั้งหลาย ทุกถ้วนสรรพางค์กายดังแสร้งปั้น ให้งดงามเฉิดฉันท์ราวชาวฟ้าชาวสวรรค์ ข่าวว่านางนั้นเพียบพร้อมด้วยบุญลักษณะแห่งเบญจกัลยาณี อันเป็นที่สุดของรูปสมบัติแห่งหญิง ชนทั้งหลายจึงเฝ้าชะแง้แลดูกันอยู่เนืองแน่น
พ่อค้าประชาชน ตลอดจนอำมาตย์เสนาบดีมากหลาย ต่างเตรียมการต้อนรับพระราชากันอย่างเอิกเกริก ครั้นเห็นขบวนเกวียนนับหมื่นเคลื่อนมาทางประตูเมืองด้านหน้า ผู้คนทั้งหลายต้องอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ ถึงความยิ่งใหญ่ของทรัพย์สมบัติและบริวารสมบัติแห่งนางวิสาขา ต่างแก่งแย่งชะเง้อมองว่าเกวียนเล่มไหนหนอ เป็นยานอันประเสริฐแห่งนางนั้น
ครั้นพอถึงประตูเมืองสาวัตถี นางวิสาขาคิดว่า “เราจะนั่งบนยานที่ปกปิดเข้าไป หรือจะยืนบนรถเข้าไป ” แล้วจึงตกลงใจได้ว่า
“ผู้คนทั้งหลายปรารถนาจะเห็นเรา อีกทั้ง เมื่อเราเข้าไปด้วยยานที่ปกปิด ความวิเศษแห่งเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์จะไม่ปรากฎ”
เมื่อนางจะแสดงตนให้ปรากฎ ดังเป็นการแนะนำตัวแก่ชาวเมืองผู้เป็นประดุจญาติในเรือนหลังใหม่ จึงยืนบนรถอย่างสง่างาม ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเข้าสู่ประตูเมือง ชนทั้งหลายได้เห็นความงามแห่งนางและความอลังการแห่งเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์เช่นนั้น ต่างส่งเสียงไชโยโห่ร้องดังกึกก้อง พร้อมใจกันร้องเรียกชื่อ วิสาขา วิสาขา กันอึงมี่ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “หญิงคนนี้แหละชื่อวิสาขา สมบัติเห็นปานนี้สมควรแก่นางอย่างแท้จริง ”
เมื่อมาถึงประตูเรือนมิคารเศรษฐี บ่าวไพร่ทั้งหลายได้ออกมาต้อนรับนางวิสาขาด้วยความสมัครใจ ธรรมดาของผู้มีบุญ ย่อมเพียบพร้อมด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติ ใครได้เห็นต่างเย็นใจ ให้รู้สึกเอ็นดูรักใคร่นายหญิงคนใหม่กันถ้วนหน้า
หลังจากที่นางวิสาขาได้พักผ่อนที่เรือนท่านเศรษฐีหนึ่งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น ได้พบกับชาวเมืองทั้งหลายนำเครื่องบรรณาการที่ตนมีมามอบให้ ชนเหล่านั้นคิดว่า เมื่อครั้งที่พวกเราไปพักยังเมืองสาเกต ท่านธนัญชัยเศรษฐีได้กระทำสักการะแก่พวกเรามากมาย มีทรัพย์สิ่งของทั้งอุปโภคบริโภคมิได้ว่างเว้น ให้รู้สึกขอบคุณท่านธนัญชัยเศรษฐีอย่างยิ่ง ครั้นนางวิสาขาได้มาสู่เมืองเรา ร่วมเป็นดังเครือญาติแล้ว พวกเราควรกระทำการสักกา-ระแก่นาง ด้วยเครื่องบรรณาการเหล่านี้ตอบแทนบ้าง
กอปรด้วยอานิสงส์ผลบุญแห่งทานบารมีที่นางวิสาขาได้เคยกระทำไว้ จึงทำให้ผู้คนมากมายพร้อมใจกันกระทำสักการะเช่นนี้ นางวิสาขาผู้มีอัธยาศัยอันงาม ได้รับมอบเครื่องบรรณาการเหล่านั้นด้วยคำขอบคุณที่แสดงถึงความซาบซึ้งในไมตรีจิต และสั่งให้บ่าวไพร่จัดเก็บสิ่งของเหล่านั้นอย่างดี
พอเช้าวันรุ่งขึ้นถัดมา นางวิสาขาได้จัดเครื่องบรรณาการเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์แก่คนทั้งเมือง และมอบให้ด้วยมือของตนเอง มืออันเรียวงามที่ไม่เคยว่างเว้นจากการประกอบบุญกุศล นางวิสาขามีความปีติใจทั้งก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และด้วยวาจาไพเราะอ่อนหวาน กิริยาพาที่น่ารัก เหมาะสมแก่วัยของชาวเมืองทั้งหลายว่า “ท่านจงให้สิ่งนี้แก่คุณแม่ของดิฉัน จงให้สิ่งนี้แก่คุณพ่อของดิฉัน จงให้สิ่งนี้แก่พี่ชายน้องของดิฉัน จงให้สิ่งนี้แก่ชายพี่สาวน้องสาวของดิฉัน ” นางวิสาขาได้กระทำให้ชาวเมืองทั้งหมดเป็นเสมือนเครือญาติด้วยอาการอย่างนี้
ต่อมาท่านมิคารเศรษฐีได้จัดงานแต่งงานให้แก่บุตรของตน แต่มิได้นึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าแม้ว่าพระพุทธองค์ประทับอยู่ในพระวิหารใกล้บ้าน เพราะท่านเศรษฐีมีความนับถืออยู่ในพวกอเจลกะ หรือนักบวชชีเปลือย ฝังใจกับความเชื่อผิดๆ มานานว่า บุคคลผู้หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ จักต้องไม่ยึดติดกับอะไร แม้แต่เสื้อผ้า จึงนับเป็นหนทางที่ถูกต้อง
เมื่อถึงคราวจัดพิธีอาวาหมงคลแก่บุตร จึงให้คนรับใช้หุงข้าวมธุปายาสที่ใส่น้ำน้อย บรรจุในภาชนะใหม่หลายร้อยสำรับ แล้วเชื้อเชิญให้บรรดาอเจลกะ ๕๐๐ คน มาสู่เรือนเพื่องานเลี้ยงนั้น แล้วสั่งให้คนรับใช้ไปเรียกนางวิสาขา เพื่อมาไหว้พระอรหันต์ทั้งหลายของพ่อเถิด
นางวิสาขาผู้เป็นอริยสาวิกา บรรลุโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ พอนางได้ฟังคำว่า “ พระอรหันต์ทั้งหลาย ” เท่านั้น ก็เป็นผู้ร่าเริงดีใจ เข้าใจว่าจักต้องเป็นบรรดาพระภิกษุสงฆ์ซึ่งมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุขเป็นแน่แท้ จึงมาสู่ที่ฉันอาหารตามคำเชิญของท่านเศรษฐีในทันที