สุขสามเณร ตอน7 จบ
สุขสามเณรเมื่อกลับถึงที่พักแล้ว ก็ตั้งใจนั่งสมาธิอยู่ในห้องตามลำพัง ด้วยอานุภาพบุญของสามเณร ทิพยอาสน์ของท้าวสักกะได้เกิดอาการร้อนขึ้น ท้าวเธอใคร่ควรดูก็ทราบว่า สุขสามเณรถวายบาตรแก่พระอุปัชฌาย์แล้วจึงเดินทางกลับด้วยความตั้งใจว่าจะบำเพ็ญสมณธรรมจึงตรัสเรียกท้าวมหาราชทั้ง 4 มา มีพระบัญชา รับสั่งให้ขับไล่เหล่านกกาที่ร้องจอแจอยู่ใกล้บริเวณวิหารให้หนีไป เเล้วอารักขาให้ดี
ตรัสบอกจันทบุตรให้ไปฉุดรั้งมณฑลพระจันทร์ไว้ ฝ่ายสุริยเทพบุตรให้ไปฉุดรั้งมณฑลพระอาทิตย์ไว้ ส่วนพระองค์เองได้ไปเสด็จประทับยืน อารักขาอยู่ที่กุญแจประตูวิหาร แม้เสียงใบไม้ร่วงมิได้มี ทั่วบริเวณเงียบสนิทเหมาะแก่การทำใจหยุดใจง่ายนัก สามเณรเจริญวิปัสสนาด้วยจิตที่มีอารมณ์เป็นหนึ่ง จึงได้บรรลุมรรคและผล 3 แล้ว คือได้บรรลุเป็นอริยบุคคลระดับพระอนาคามี
ย้อนไปทางพระเถระ เมื่อสามเณรขอร้องว่าอยากฉันโภชนะที่มีรสอร่อยหนึ่งในร้อยชนิดที่โยมแม่เคยทำถวายบ่อยๆก็คิดว่าจะไปหาที่ไหนดีหน ท่านนึกถึงตระกูลอุปฐากที่เคยไปมาหาสู่กัน รู้ว่าตะกูลนี้มีความศรัทธามาก เมื่อไปถึงที่บ้าน ก็ได้รับนิมนต์ให้เข้าไปนั่งภายในบ้าน
ทุกคนในครอบครัวมาช่วยกันใส่บาตรพระเถระ ด้วยความปิติยินดีเพราะรู้ว่านานๆพระเถระจะเมตตามาโปรดที่บ้านเนื่องจากท่านต้องจาริกไปโปรดญาติโยมคนอื่นด้วย เช้าวันนั้นจึงถวายข้าวยาคูและของขบฉันทุกอย่าง โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเลิศซึ่งเป็นหนึ่งในอาหาร 100 ชนิดที่สามเณรต้องการ
ตั้งใจว่าเมื่อรับแล้วจะให้พร และขอตัวกลับวัด แต่ญาติโยมอยากฟังธรรม จึงกราบนิมนต์ให้ท่านนั่งฉันในบ้าน บอกว่ายังมีอาหารอีกมากมายพระคุณเจ้าสามารถนำกลับไปฉันที่วัดด้วยก็ได้ พระเถระจึงต้องเจริญศรัทธาญาติโยมเสียก่อนจะรีบกลับวัดก็ไม่ได้ เมื่อเห็นว่าใกล้จะเพลแล้วจึงให้ศีลให้พรกับญาติโยมที่มาฟังธรรม
แล้วก็ขอตัวกลับไปยังวิหาร ในระหว่างทางพระเถระเป็นห่วงว่าสามเณรน้อยคงหิวมาก ป่านนี้คงรอคอยเราด้วยความกระวนกระวาย จึงรีบเดินให้ทันเวลา ในวันนั้นเองพระบรมศาสดาทรงเห็นสุขสามเณรเข้ามาในข่ายพระญาณ จึงทราบด้วยญาณทัศนะอันบริสุทธิ์ทุกอย่าง ทรงทราบว่าตอนนี้กิจของสามเณรยังไม่สำเร็จเพิ่งจะได้บรรลุเป็นพระอนาคามี สามเณรรูปนี้มีบุญมากพอจะได้บรรลุอรหัตตผลภายในอาสนะเดียว เเต่พระสารีบุตรอาจมาทำอันตรายเกิดการบรรลุพระอรหัตผลของสามเณร เราควรไปให้การอารักขาสามเณรอยู่ที่ซุ้มประตู
ครั้นทรงดำริแล้ว จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฏีประทับยืนอยู่ที่ซุ้มประตู ฝ่ายพระเถระกำลังนำภัตตาหารมา ครั้นเห็นพระบรมศาสดาประทับยืนอยู่ข้างหน้าก็เข้าไปถวายความเคารพพระบรมศาสดาได้ตรัสถามปัญหา 4 ข้อ กับพระเถระ เพื่อเป็นการถ่วงเวลาว่า สารีบุตรเธอได้อะไรมาหรือ อาหารพระเจ้าข้า ชื่อว่าอาหารย่อมนำอะไรมา เวทนาพระเจ้าค่ะ เวทนาย่อมนำอะไรมา รูปพระเจ้าค่ะ รูปย่อมนำอะไรมาพระสารีบุตร ผัสสะพระเจ้าค่ะ การถามตอบของพระอริยบุคคลอาจทำให้บางท่านเข้าใจได้ยากสักนิด
เรามาฟังรายละเอียดกันดู ที่พระเถระตอบว่า อาหารนำมาซึ่งเวทนา หมายความว่าอาหารที่คนหิวบริโภคแล้ว สามารถกำจัดโรคคือความหิวได้ ย่อมนำสุขเวทนามาให้ ซึ่งเวทนามีทั้งสุขเวทนา ทุกขเวทนา เเละ ทุกขมสุขเวทนา คือเวทนาที่เป็นสุขเป็นทุกข์หรือไม่สุขไม่ทุกข์ เมื่อสุขเวทนาเกิดขึ้น คือมีความสุข
เพราะได้บริโภคอาหารเนื้อหนังมังสาก็เต่งตึงมีน้ำมีนวลขึ้น อาหารก่อให้เกิดความรูปด้วยอาการอย่างนี้ ก็คือผู้ที่มีความสุขเพราะอาศัยรูปที่เกิดจากอาหาร เมื่อนั่งนอนยืนเดินด้วยความคิดว่าความสุขสําราญความเพลิดเพลินความสุขกายสบายใจเกิดแก่เราแล้ว ย่อมได้สุขสัมผัส
เมื่อพระเถระแก้ปัญหาทั้ง 4 ข้อได้แล้ว เวลานั้นสามเณรก็ได้บรรลุเป็นพระอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ 4 พระบรมศาสดาตรัสบอกพระเถระว่า สารีบุตรจงไปเถิดสามเณรกำลังรอฉันภัตตาหารจากเธออยู่ พระเถระไปถึงแล้วจึงได้เคาะประตูเรียกสามเณร สามเณรออกมาทำวัตรแก่พระอุปัชฌาย์เหมือนที่เคยทำมาตามปกติ พระเถระบอกว่าสามเณรจงฉันอาหารตามสบายเถิดวันนี้พระอาจารย์ฉันเสร็จแล้ว เมื่อสามเณรรู้ว่าพระอุปัชฌาย์ฉันมาเรียบร้อยแล้ว
จึงนั่งฉันตามลำพัง แล้วทำภารกิจเสร็จแล้ว ขณะกำลังล้างบาตรและนำมาคว่ำนั้นเอง ท้าวมหาราชทั้ง 4 เห็นว่า ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว จึงเลิกการอารักขา จากนั้นจันทเทพบุตรก็ปล่อยมณฑลพระจันทร์ สุริยะเทพบุตรได้ปล่อยมณฑลพระอาทิตย์ แม้ท้าวสักกะก็ทรงเลิกการอารักขากุญแจประตู
พระอาทิตย์บังเกิดขึ้นคล้อยมาจากท่ามกลางท้องฟ้าเข้าสู่ตะวันบ่าย ทำให้พระทั้งวัด สงสัยเหตุการณ์ที่ผิดธรรมชาติในครั้งนี้ ว่าเกิดจากอะไร เเต่ก็ได้รับคำตอบจากพระบรมศาสดาจนหายสงสัยและอนุโมทนาสาธุการ กับการเข้าถึงธรรมของสุขสามเณรด้วย
ตอนจบ
ธรรมะเพื่อประชาชน
คุณครูไม่ใหญ่