รางวัลของผู้ที่ขยันและทำถูกหลักวิชชา
ถ้าเราทำถูกวิธี..จะมีรางวัลเกิดขึ้นให้แก่ตัวเรา คือ ร่างกายจะผ่อนคลาย รู้สึกสบาย ใจก็รู้สึกสบายๆ แม้จะยังไม่เห็นอะไรก็ตามแต่เราจะรู้สึกพึงพอใจกับความรู้สึกเช่นนี้ จะรู้สึกโล่งๆ โปร่งๆ กลวงๆ สบายๆ นี่คือรางวัลเบื้องต้นสำหรับตัวเราที่ทำได้ถูกหลักวิชชา
พอได้อารมณ์อย่างนี้ สภาวธรรมอย่างนี้ ที่สบายทั้งร่างกายและจิตใจ ตอนนี้ต้องทำใจเย็นๆ ให้รักษาความนิ่งๆ นุ่มๆ สบายกายสบายใจต่อไปอีก ความพึงพอใจอย่างนี้แหละ คือ รางวัลของชีวิตเรา ที่จะเชื่อมต่อไปสู่รางวัลถัดไป คือ กายก็ยิ่งสบายขึ้น ใจก็ยิ่งสบายเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นในระดับที่ร่างกายของเราค่อยๆ โล่ง โปร่ง เบา สบาย ขยาย หรือกลืนหายไปกับบรรยากาศ คล้ายๆ กับเราไม่มีร่างกาย ไม่มีตัวตน เหมือนเป็นอากาศธาตุที่ละเอียดอ่อน และมีกระแสแห่งความสุขและความบริสุทธิ์อย่างอ่อนๆ เข้ามาแทนที่ ซึ่งจะเพิ่มความสบายของกายและใจมากขึ้นไปเรื่อยๆ ใจของเราก็จะเริ่มนิ่ง นุ่ม ไม่ซัดส่ายไปคิดในเรื่องราวต่างๆ ที่เราคุ้นเคย เราจะชอบความรู้สึกอย่างนี้..ที่นิ่งๆ นุ่มๆ โดยปราศจากความคิดใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเราไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน สภาวะของใจที่ปลอดความคิดอย่างนี้ให้ความบันเทิงใจ ความพึงพอใจมากกว่าใจที่ใช้ความคิด ให้เราใจเย็นๆ ต่อไป รักษาสภาวะใจที่นิ่งๆ นุ่มๆ อย่างละเอียดอ่อนของเราอย่างนั้นต่อไป..ถ้าทำได้ก็จะมีรางวัลเกิดเพิ่มขึ้นมาอีก ความรู้สึกฟองเบาของเราจะเพิ่มขึ้นจนเข้าใจคำว่า กายเบา ใจเบา ละเอียดนุ่มนวลเพิ่มมากขึ้น จนถึงจุดที่ใจอยากจะนิ่งอย่างนั้นอย่างเดียวไปนานๆ จนไม่จำกัดกาลเวลา
การนิ่งที่เพิ่มขึ้นนั้นก็จะทำให้ใจเปลี่ยนสภาวะจากนิ่งๆ หลวมๆ ที่เดี๋ยวนิ่ง เดี๋ยวหลุด กลายเป็นสิ่งที่ค่อยๆ แน่นขึ้น และนิ่งแน่นขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นนิ่งแน่นที่ไม่อึดอัด ไม่คับแคบ นิ่งแน่น ที่กว้างขวางและใจก็นุ่มนวลเพิ่มขึ้น เราจะเข้าใจคำว่า นุ่มนวล มากกว่าที่เราเคยเข้าใจแค่เพียงได้ยินได้ฟังหรือได้อ่านมา มันเป็นประสบการณ์ภายในของคำว่า นิ่งแน่นและนุ่มนวล
เมื่อรักษาสภาวะใจนี้ต่อไป แสงสว่างส่องทางชีวิตใหม่ก็จะเกิดขึ้น เป็นชีวิตที่แตกต่างจากชีวิตเดิม..ที่เหมือนคนยังนอนหลับอยู่หรือคนที่อยู่ในโลกมายา แต่เป็นแสงสว่างส่องทางชีวิตใหม่เป็นชีวิตของท่านผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว เป็นแสงสว่างภายในที่ให้ความพึงพอใจมากกว่าแสงสว่างภายนอก เป็นความอัศจรรย์ที่เดียวที่เราหลับตาแล้วไม่มืด เริ่มจากสว่างคล้ายฟ้าสางตอนตี ๕ ในฤดูร้อน และสว่างขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าเรายังคงรักษาใจของเราให้นิ่งๆ นุ่ม ๆ นานๆ อย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องอะไรเลย จากฟ้าสางๆ ก็จะสว่างเพิ่มขึ้นเหมือนรุ่งอรุณแห่งชีวิตใหม่ ดังแสงเงินแสงทองในยามอรุโณทัยของดวงอาทิตย์ส่องสว่างมาบนโลกใบนี้
แสงสว่างนี้ คือ แสงแห่งพระธรรมภายใน เป็นดวงตะวันภายในที่ใสเย็น ซึ่งมีอยู่แล้วภายในแต่ถูกบดบังด้วยนิวรณ์ทั้ง ๕ คือ สิ่งที่เราไปหมกมุ่นอยู่ในเรื่องกามฉันทะ พยาบาท อะไรต่างๆ เหล่านั้นเป็นต้น เมื่อเกิดแสงสว่าง..เราจะค่อยๆ เห็นไปตามลำดับ แม้เห็นแล้วก็ต้องตามรักษาใจให้นิ่งแน่นและนุ่มนวลอย่างเดิม เหมือนดูดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าในยามเช้า เราอย่าไปตื่นเต้น เพราะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้ที่มีใจหยุดนิ่งภายใน ดวงตะวันภายในหรือดวงธรรมภายในจะปรากฏเกิดขึ้น เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่ขยันและทำถูกหลักวิชชา เพราะฉะนั้นเบื้องต้นนี้ให้ลูกทุกคนฝึกวางใจให้เป็นอย่างนี้ก่อน ให้ใจนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ ให้ใจใสๆ ใจเย็นๆ นะลูกนะ
จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่ม ๕
คุณครูไม่ใหญ่