"ความอาภัพ ๑๘ ประการ...เป็นเช่นใด?"
=======================================
"ความอาภัพ ๑๘ ประการ" หมายถึง...ผู้ที่มีฐานะหรืออัตภาพที่เป็น "นิยตโพธิสัตว์" คือ...ผู้ที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์...พระองค์ใดพระองค์หนึ่งว่า...จะได้เป็น "พระพุทธเจ้า" องค์หนึ่ง...ในอนาคตแน่นอน...
ผู้ที่รับ "พุทธพยากรณ์" เหล่านี้...จะไม่ไปบังเกิดในอัตตภาพ ๑๘ ประการ นั้น...เพราะเป็นการ...เสียเวลาและเสียโอกาสในการสร้างบารมี... การที่พระโพธิสัตว์ได้รับพยากรณ์เช่นนี้ ย่อมเป็นอานิสงส์ที่มาจากการ "บำเพ็ญบารมี" สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วนนั่นเอง...
มีบทสวดมนต์อยู่บทหนึ่ง...เรียกว่า "ปัฏฐนฐปนคาถา" ซึ่งเป็นบทสวดอันแสดงถึงการ...ตั้งความปรารถนาขอให้ไม่เกิดความอาภัพ ๑๘ ประการ...
บทสวดมนต์นี้...เป็นพระราชนิพนธ์ของ "พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔"
ขึ้นต้นว่า "ยนฺทามิ เม กตํ ปุญฺญํ..." และจบลงที่ "ปจฺเจกโพธิ มุตฺตมนฺติ" รวม ๑๑ คาถาครึ่ง...คาถาที่หนึ่งมี ๔ บท ๒ คาถาครึ่งแรกมีใจความว่า...
"บุญใดที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้วในบัดนี้...เพราะบุญนั้นและการอุทิศแผ่ส่วนบุญนั้น...ขอให้ข้าพเจ้าทำให้แจ้งโลกุตตรธรรม ๙ โดยเร็ว...ถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้อาภัพอยู่...ยังต้องท่องเที่ยวไปในวัฏสงสาร...ขอให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนพระโพธิสัตว์...ผู้เที่ยงแท้แน่นอน (นิตยโพธิสัตว์)...ซึ่งได้รับพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว...และขอข้าพเจ้าอย่าพึงถึงความอาภัพ ๑๘ ประการ"
"ความอาภัพ ๑๘ ประการ" นั้นมีอะไรบ้าง?
++++++++++++++++++++++++++++++++
"อาภัพพฐาน ๑๘ ประการ" หรือ "ความอาภัพ ๑๘ ประการ" ซึ่งไม่มีแก่พระนิตยโพธิสัตว์ ปรากฏอยู่ใน สารัตถสังคหะ และอรรถกถาชาดก
ฉบับไทย มจร. หน้า ๗๕ สุเมธกถา ทูเรนิทาน...มีเนื้อความดังนี้คือ...
๑. เกิดเป็นมนุษย์ที่ตาบอดแต่กำเนิด
๒. เกิดเป็นมนุษย์ที่หูหนวกแต่กำเนิด
๓. เกิดมาเป็นคนบ้า
๔. เกิดมาเป็นคนใบ้
๕. เกิดมาเป็นคนแคระ ง่อยเปลี้ย
๖. เกิดในชนชาติมิลักขประเทศคือ เป็นบ้านเมืองที่ป่าเถื่อน...ที่ไม่มี โอกาสศึกษาเล่าเรียน...หรือไม่ได้พบกัลยาณมิตรที่คอยให้คำแนะนำ ตักเตือน
๗. เกิดในท้องนางทาสี ไม่มีอิสระแก่ชีวิต ไม่เป็นไทแก่ตน ต้องอยู่ในความควบคุมของผู้อื่น
๘. เกิดเป็นคนนิยตมิจฉาทิฏฐิ หมายถึง พวกที่มีความเห็นผิด ซึ่งจะทำให้ไม่มีโอกาสหลุดพ้นจากวัฏสงสาร และเป็นผู้ถูกห้ามหนทางสวรรค์และหนทางมรรค ผล นิพพาน
๙. เกิดเป็นเพศหญิง บัณเฑาะก์ หรือกะเทย หรือเป็นบุคคล ๒ เพศ (อุภโตพยัญชนก)
๑๐. ทำอนันตริยกรรม คือ กรรมหนัก ๕ อย่าง ได้แก่ ฆ่าพ่อของตนเอง ฆ่าแม่ของตนเอง ฆ่าพระอรหันต์ ทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้อพระโลหิต ทำให้สงฆ์แตกแยกกัน
๑๑. เป็นคนโรคเรื้อน โรคร้ายแรง
๑๒. เมื่อเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสัตว์ประเภทที่มีกายเล็กกว่านกกระจาบหรือใหญ่กว่าช้าง
๑๓. เกิดในขุปปิปาสิกเปรต คือ เปรตผู้หิวกระหาย และนิชฌามตัณหิกเปรต คือ เปรตผู้ถูกความอยากเผาผลาญ และกาลกัญชิกาสูร คือ เปรตชนิดหนึ่งที่ตัวสูงใหญ่มาก
๑๔. เกิดในอเวจีมหานรกและโลกันตนรก
๑๕. เมื่อเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นกามาวจรเป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิ และเป็นเทวบุตรมาร
๑๖. เกิดเป็นอสัญญีพรหม ซึ่งเป็นพรหมที่มีแต่รูปร่าง ไม่มีความรู้สึกนึกคิด หรือเกิดเป็นสุทธาวาสพรหม ซึ่งจะต้องบรรลุเป็นพระอรหันต์ในไม่ช้า
๑๗. เกิดในอรูปภพ เป็นอรูปพรหมที่ทำฌานที่ไม่มีรูปมากำหนดเป็นอารมณ์ มีอายุยืนยาวมาก
๑๘. เกิดในจักรวาลอื่น
ดังนั้น... การที่เราตั้งใจสร้างกุศลและทำบุญต่าง ๆ แล้วตั้งจิตอธิษฐานให้ไม่พบกับฐานะเช่นนี้ ก็จะเป็นเครื่องรับประกันอีกชั้นหนึ่งว่า เราจะไม่พลัดไปสู่ฐานะเหล่านั้น แต่การที่จะหลุดพ้นจาก...ความอาภัพทั้ง ๑๘ ประการ...ได้อย่างแท้จริง...เราจะต้องสั่งสมบุญบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันนับภพนับชาติไม่ถ้วน ดำเนินรอยตามเหล่าพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายจนกว่าจะมีโอกาสบรรลุธรรม ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกต่อไป...
...เอวัง...ก็มีด้วยประการฉะนี้แล...