พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๖ ที่ตรัสพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า พระโสภิตะสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสรีระสูง ๕๘ ศอก
อายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น ๙ หมื่นปี
ทรงเป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าสุธัมมะ และพระนางสุธัมมเทวี แห่งสุธัมมนคร
ทรงครองฆราวาสวิสัยเสวยโลกียสุขอยู่ ๙ พันปี ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ แล้วสลดพระทัย จึงทรงผนวชในปราสาท ในวันที่พระนางมกิลาเทวีประสูติพระโอรสสีหกุมาร
ทรงบำเพ็ญเพียรภายในปราสาท ๗ วัน ก็บรรลุฌาน ๔
ผู้ถวายข้าวมธุปายาส คือพระนางมกิลามหาเทวี แล้วเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์
พอมีพระดำริประสงค์ออกบรรพชา ปราสาทที่ประทับก็พลันเลื่อนลอยขึ้นไปในอากาศจากพระราชนิเวศน์ของพระเจ้าสุธัมมราช ไปสถิตอยู่ยังแผ่นดินมีต้นนาคะเป็นโพธิพฤกษ์อยู่ตรงกลาง เมื่อพระโสภิตะโพธิสัตว์ประทับนั่งบนนิสีทนสันถัตกว้าง ๓๘ ศอก ที่โคนต้นนาคะเหล่าสนมนารีทั้งปวงก็พากันลงจากปราสาทไปหมด โดยไม่ต้องมีใครบอก พระโสภิตะทรงบำเพ็ญเพียรและตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใต้ต้นนาคะนั้น
พระอัครสาวกคือ พระอสมะ และพระสุเนตตะ
พระพุทธอุปัฏฐากคือ พระอโนมะ
จำนวนครั้งที่ทรงแสดงธรรม ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๒ ทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์ ที่โคนต้นจิตตปาฏลี ใกล้ประตูสุทัสสนะ
มีสาวกสันนิบาตเกิดขึ้น ๓ ครั้ง
ทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนาและทรงจาริกโปรดเวไนยสัตว์จนพระชนมายุได้ ๙ หมื่นพรรษา จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ พระวิหารสีหาราช พระบรมธาตุแผ่กระจายไปเป็นส่วนๆ อยู่ ณ ที่ต่างๆ
พราหมณ์สุชาตะ
ในครั้งนี้พระโพธิสัตว์ของเราทรงบังเกิดในตระกูลพราหมณ์ชื่อ สุชาตะ อาศัยอยู่ในเมืองรัมยวดี ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาแล้ว บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์ ถวายมหาทานด้วยภัตตาหารอันสมบูรณ์ ประณีตทั้งคาวหวานแด่พระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานตลอด ๓ เดือน พระบรมศาสดาตรัสพยากรณ์ว่า พราหมณ์สุชาตะ จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ ในเวลาต่อไปภายหน้า ๒ อสงไขยแสนกัป
พราหมณ์สุชาตะฟังแล้วยินดียิ่งนัก เพราะตระหนักดีว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีดำรัสสั่งใดต้องเป็นความจริงเสมอ จึงเร่งทำความเพียรสร้างบารมีต่างๆ จนสิ้นชีวิต