พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๒๑ ที่ตรัสรู้พระพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า พระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสรีระสูง ๖๐ ศอก
อายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น ๖ หมื่นปี
ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุปปตีตะ (บางแห่งว่าบุปผาติกะ) และพระนางยสว พระอัครมเหสี แห่งนครอโนมะ
ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่ ๖ พันปี ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ เมื่อพระนางสุจิตตาพระอัครมเหสี ประสูติพระโอรสสุปปพุทธะแล้ว เสด็จประทับพระวอทองออกมหาภิเนษกรมณ์มีข้าราชบริพารตามเสด็จออกบวช ๗ หมื่นคน
ทรงทําความเพียรอยู่ ๖ เดือน
ผู้ถวายข้าวมธุปายาสคือ พระพี่เลี้ยงชื่อ สิริวัฒนา ณ สุจิตตนิคม
นิสีทนสันถัตกว้าง ๔๐ ศอก พญานาคนรินทะถวายหญ้า ๘ กำ ประทับนั่ง ณ โคนต้นสาละ
พระอัครสาวกคือ พระโสณะ และพระอุตตระ
พระพุทธอุปัฏฐากคือ พระอุปสันตะ
ทรงแสดงธรรม ๓ ครั้ง
ครั้งแรก ทรงประกาศพระธรรมจักรแก่พระโสณกุมาร และพระอุตตรกุมาร ณ อรุณราชอุทยาน ใกล้กรุงอนุปมะ
ครั้งที่ ๒ ทรงทำยมกปาฏิหาริย์ ณ กรุงอนูปมะ เพื่อทำลายทิฏฐิของเหล่าเดียรถีย์
มีสาวกสันนิบาตเกิดขึ้น ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๓ เกิดขึ้นในขณะที่พระบรมศาสดาเสด็จไปอนุเคราะห์พระราชบุตรอุปสันตะ แห่งกรุงนารีวาหนะ ซึ่งต่อมาเป็นพระอรหันต์และเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก
เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๖ หมื่นพรรษา ณ พระวิหารเขมาราม (เขมิคทายวัน) กรุงอุสภวดี พระบรมสารีริกธาตุแผ่ไปยังที่ต่างๆ นานาประเทศได้สักการบูชา
พระเจ้าสุทัสสนะ
ในพุทธกาลนี้ พระโพธิสัตว์ของเราบังเกิดเป็นพระราชาแห่งกรุงสรภวดี มีพระนามว่า พระเจ้าสุทัสสนะ ทรงเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา สดับพระธรรมเทศนา แล้วทรงเกิดพระราชศรัทธาบูชาพระพุทธเจ้าพร้อมเหล่าภิกษุด้วยข้าว น้ำ และจีวร ทรงสร้างพระคันธกุฎี พร้อมทั้งพระวิหารหนึ่งพันหลังรายล้อมพระคันธกุฎี แล้วทรงบริจาคพระราชทรัพย์ทุกอย่างไว้ในพระศาสนา ทรงผนวชในสำนักของพระบรมศาสดา ตั้งมั่นในวัตรและศีล เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสพุทธพยากรณ์ว่าต่อไปภายหน้าอีก ๓๑ กัป พระเจ้าสุทัสสนะนี้จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า โคตมะ พระเจ้าสุทัสสนะสดับพระพุทธพยากรณ์แล้ว ทรงอธิษฐานบำเพ็ญข้อวัตรสั่งสม พุทธบารมียิ่งยวดขึ้น