พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๕ ที่ตรัสพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเรวตะสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสรีระสูง ๘๐ ศอก มีพระรัศมีฉายออกรอบพระวรกายตลอดเวลา ๑ โยชน์ ทั้งกลางวันกลางคืน
อายุขัยของมนุษย์ยุคนั้น ๖ หมื่นปี
ทรงเป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าวิปุลราช และพระนางวิปุลาพระอัครมเหสีแห่งกรุงสุธัญญวดี
ทรงครองฆราวาสวิสัยเสวยโลกียสุขอยู่ ๖ พันปี เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ด้วยยานคือรถเทียมม้า ในวันที่พระโอรสวรุณะ ประสูติจากพระครรภ์ของพระนางสุทัสสนา พระอัครชายา มีข้าราชบริพารออกบวชตามเสด็จ ๑ โกฏิ
ทรงทําความเพียรเป็นเวลา ๗ เดือน
ผู้ถวายข้าวมธุปายาส คือ นางสาธุเทวีธิดาเศรษฐี
นิสีทนสันถัตกว้าง ๕๓ ศอก โดยใช้หญ้าคา ๘ กำ ที่อาชีวกผู้หนึ่งถวาย ประทับนั่งใต้ต้นนาคะ (ต้นกากะทิง หรือต้นบุนนาค)
พระอัครสาวกคือ พระวรุณะ และพระพรหมเทวะ
พระพุทธอุปัฏฐากคือ พระสัมภวะ
ทรงแสดงพระธรรมเทศนา ๓ ครั้ง
มีสาวกสันนิบาตเกิดขึ้น ๓ ครั้ง
เสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ พระราชอุทยานมหานาควัน พระบรมธาตุแผ่กระจายไปเป็นส่วนๆ ในนานาประเทศ โดยทรงอธิษฐานขอให้พระบรมธาตุของพระองค์ “จงเฉลี่ยให้ทั่วถึงกัน”
พราหมณ์อติเทวะ
ในพระพุทธกาลนี้ พระโพธิสัตว์ของเราเกิดในตระกูลพราหมณ์ชื่อ อติเทวะ ศึกษาเชี่ยวชาญเรื่องไตรเภท วันหนึ่งอติเทวะมีโอกาสได้ฟังธรรมจากพระเรวตะสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความเลื่อมใสศรัทธา ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ กล่าวสดุดีพระบรมศาสดาด้วยคาถาพันโศลก แล้วเปลื้องผ้าห่มมีค่าหนึ่งพันบูชาพระธรรมเทศนา พระบรมศาสดาตรัสพยากรณ์ว่าอีก ๒ อสงไขยแสนกัปต่อไป จะเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ อติเทวะ ได้ฟังแล้วก็ยิ่งเลื่อมใส ปีติยินดี ได้บำเพ็ญบารมีต่างๆ ยิ่งยวดขึ้นไป