พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๑๑ ที่ตรัสพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า พระสุเมธสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสรีระสูง ๘๘ ศอก
อายุขัยของมนุษย์ยุคนั้น ๙ หมื่นปี
ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทัตตะ และพระนางสุทัตตาพระอัครมเหสี แห่งนครสุทัสสนะ
ทรงครองฆราวาสวิสัย เสวยโลกียสุขอยู่ ๙ พันปี ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ และเมื่อพระอัครชายาสุมนาประสูติพระโอรสปุนัพพะแล้ว เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์โดยทรงช้างต้น
ทรงใช้เวลาบำเพ็ญเพียร ๘ เดือนเต็ม
ผู้ถวายข้าวมธุปายาส คือธิดาของนกุลเศรษฐี แห่งนกุลนิคม
นิสีทนสันถัตกว้าง ๕๗ ศอก สุวัฑฒอาชีวกถวายหญ้า ๘ กำ ประทับนั่งโคนต้นนีปะ(ต้นกระทุ่ม)
พระอัครสาวกคือ พระสรณะ และพระสัพพกามะ
พระพุทธอุปัฏฐากคือ พระสาคระ
ทรงแสดงธรรม ๓ ครั้ง ในครั้งที่สองทรงทรมานยักษ์ชื่อกุมภกรรณ ให้ละทิฏฐิและถือพระองค์เป็นสรณะด้วย
มีสาวกสันนิบาตเกิดขึ้น ๓ ครั้ง
เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๙ หมื่นพรรษา ณ พระวิหารเมธาราม พระบรมสารีริกธาตุเฉลี่ยกระจายไปในที่ต่างๆ
อุตดรมานพ
ในพระพุทธกาลนี้พระโพธิสัตว์ของเราเกิดเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งเพียรประกอบอาชีพ มีทรัพย์ถึง ๘๐ โกฏิ เมื่อพบพระบรมศาสดาผู้งดงาม มีพระรัศมีแผ่ออกไปโดยรอบถึง ๑ โยชน์ ส่องสว่างไปทั่วทุกทิศ เกิดมีความศรัทธาแรงกล้า ครั้นเมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้ว ได้สละทรัพย์ทั้งหมดถวายเป็นมหาทานแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์
พระสุเมธสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์ว่าชายหนุ่มชื่อ อุตตระผู้นี้ต่อไปภายหน้าอีก ๓ หมื่นกัป จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า โคตมะ
อุตตระมานพได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แล้วปลาบปลื้มใจมาก ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ออกบวช แล้วอธิษฐานข้อวัตรบำเพ็ญพุทธบารมีให้บริบูรณ์ยิ่งยวด อุตส่าห์เล่าเรียนปริยัติธรรมและปฏิบัติธรรมโดยเคร่งครัดไม่ประมาท บำเพ็ญตบะแรงกล้า บรรลุอภิญญา ๕ เมื่อสิ้นอายุขัยก็ไปสุคติพรหมโลก