พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๑๓ ที่ตรัสพระพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า พระปิยทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสรีระสูง ๘๐ ศอก
อายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น ๙ หมื่นปี
ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทัตตะ และพระนางสุจันทาอัครมเหสี แห่งนครสุธัญญะ
ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่ ๙ พันปี ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ สลดพระทัย เมื่อพระนางวิมลาพระอัครชายาประสูติพระโอรสกัญจนเวฬะ ได้เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ด้วยราชรถเทียมม้า ข้าราชบริพารที่เป็นบุรุษออกเสด็จตาม ๑ โกฏิ
ทรงใช้เวลาบำเพ็ญเพียร ๖ เดือน
ผู้ถวายข้าวมธุปายาสคือ ธิดาของพราหมณ์วสภะ แห่งบ้านวรุณพราหมณ์
นิสีทนสันถัตกว้าง ๕๓ ศอก โดยสุชาตะอาชีวกถวายหญ้า ๘ กำ ประทับนั่งโคนต้นกกุธะ(ต้นกุ่ม)
พระอัครสาวกคือ พระปาลิตะ และพระสัพพทัสสี
พระพุทธอุปัฏฐากคือ พระโสภิตะ
ทรงแสดงธรรม ๓ ครั้ง
มีสาวกสันนิบาต ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๒ และ ๓ เกิดพร้อมกับการแสดงธรรม เมื่อคราวทรงแสดงธรรมในสมาคมของท้าวสุทัสสนเทวราช เทวดาและมนุษย์ ๙ หมื่นโกฏิ บรรลุพระอรหันต์ พระพุทธองค์ทรงนำเรื่องปาฏิโมกข์ขึ้นแสดงท่ามกลางภิกษุสาวก นับเป็นสาวกสันนิบาตครั้งที่ ๓ ด้วย
เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๙ หมื่นพรรษา ณ พระวิหารอัสสัตถารามพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสูง ๓ โยชน์
พราหมณ์กัสสปะ
ในพระพุทธกาลนี้ พระโพธิสัตว์ของเราเกิดเป็นพราหมณ์หนุ่มชื่อ กัสสปะ เป็นผู้คงแก่เรียน รอบรู้วิชาทางศาสนาพราหมณ์เป็นอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่งมีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดา เกิดศรัทธายิ่งนัก ได้สละทรัพย์จำนวนถึงแสนโกฏิสร้างสังฆารามถวายพระพุทธองค์ตั้งตนอยู่ในศีล ๕ ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
พระบรมศาสดาตรัสพยากรณ์ว่าพระโพธิสัตว์พราหมณ์กัสสปะจะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า โคตมะ ในกาลภายหน้าอีก ๑,๘๐๐ กัป พระโพธิสัตว์ยินดียิ่งนัก หมั่นสั่งสมพุทธบารมีอย่างยิ่งยวดมากขึ้น จนสิ้นชีวิตไปสู่สุคติ