พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๑๙ ที่ตรัสพระพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสรีระสูง ๘๐ ศอก
อายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น ๘ หมื่นปี
ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าพันธุมะ และพระนางพันธุมดี พระอัครมเหสี แห่งพันธุมดีนคร
ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่ ๘ พันปี ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ สลดพระทัย เมื่อพระนางสุทัสสนา (หรือพระนางสุตนู) ประสูติพระโอรสสมวัฏฏขันธกุมาร เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ด้วยรถเทียมม้า มีข้าราชบริพารตามออกบวช ๘ หมื่น ๔ พัน
ทรงทำความเพียรอยู่ ๘ เดือนเต็ม
ผู้ถวายข้าวมธุปายาส คือ ธิดาของสุทัสสนเศรษฐี
นิสิทนสันถัตกว้าง ๕๓ ศอก คนเฝ้าไร่ข้าวเหนียวชื่อสุชาตะ ถวายหญ้าคา ๘ กำมือ ประทับนั่ง ณ โคนต้นปาฏลี(แคฝอย)
พระอัครสาวกคือ พระขัณฑะ และพระติสสะ
พระพุทธอุปัฏฐากคือ พระอโสกะ
ทรงแสดงธรรม ๓ ครั้ง
ครั้งแสดงปฐมเทศนา พระอัครสาวกทั้งสองบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
มีสาวกสันนิบาตเกิดขึ้น ๓ ครั้ง
เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๘ หมื่นพรรษา ณ พระวิหารสุมิตตาราม พระสถูปสูง ๗ โยชน์อยู่ที่นั่น
พญานาคอตุละ
ในพระพุทธกาลนี้ พระโพธิสัตว์ของเราเกิดเป็นพญานาค มีนามว่าอตุละ มีบุญญาฤทธานุภาพมาก เมื่อได้ยินข่าวพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นก็มีใจยินดี รีบพาบริวารจํานวนหลายโกฏิไปเข้าเฝ้า ถวายมณฑปเรือนยอดประดับรัตนะ ๗ พร้อมบรรเลงดุริยางค์ทิพย์ ทำการสักการะพระพุทธเจ้าผู้มีพระรัศมีแผ่ไปถึง ๗ โยชน์โดยรอบ พญานาคอตุละถวายมหาทานตลอด ๗ วัน พร้อมด้วยดั่งทองประดับด้วยรัตนะ ๗ มีแก้วมณี และแก้วมุกดา เป็นต้น แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
พระบรมศาสดาทรงตรัสพุทธพยากรณ์ว่า ต่อไปจากเวลานั้นอีก ๙๑ กัป พญานาคอตุละจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า โคตมะ พระโพธิสัตว์ฟังแล้ว ยิ่งมีใจเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้ายิ่งขึ้น ตั้งใจปฏิบัติข้อวัตรต่างๆ ในการสะสมพุทธบารมีให้บริบูรณ์ จนสิ้นอายุขัย