ปริศนาธรรม

วันที่ 27 กพ. พ.ศ.2567

2703267b.01.jpg

พระธรรมเทศนาพระสุธรรมยานเถร (หลวงพ่อธัมมชโย)
วันขึ้นปีใหม่ ๑ มกราคม ๒๕๓๙

ปริศนาธรรม

 

                 เมื่อเราสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ขอให้ทุกคนตั้งใจให้แน่แน่วมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานกันนะจ๊ะ ให้นั่งขัดสมาธิ เอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ กันทุกคนนะจ๊ะ ส่วนใครที่นั่งไม่ถนัดก็ให้นั่งอยู่ในท่าที่มีความรู้สึกว่าสบาย มือขวาทับมือซ้ายนิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ เหมือน ๆ กันนะจ๊ะ หลับตาของเราเบา ๆ หลับตาพอสบาย คล้าย ๆ กับเรานอนหลับ อย่าไปบีบหัวตา อย่ากดลูกนัยน์ตา หลับตาพอสบายนะจ๊ะ หลับพอสบาย เราก็ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้เบิกบาน ให้แช่มชื่นให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส ใจจะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับพระรัตนตรัย 

 

                  โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งชาวโลกเขาสมมติกันว่าเป็นวันที่เริ่มต้นชีวิตใหม่ และก็มักจะใช้วันนี้ ในการเริ่มต้นใหม่ จากชีวิตที่ผ่านมาจากปีที่แล้ว ที่อาจจะพลาดพลั้ง ทำอะไรบกพร่องผิดพลาดไปบ้าง ก็จะเริ่มต้นใหม่ในวันนี้ ด้วยหัวใจที่เบิกบานที่แช่มชื่น ของพวกเรานักรบกองทัพธรรมก็เช่นเดียวกัน ในวันนี้ ก็คล้าย ๆ กับวันปีใหม่ปีที่แล้วถ้าหากว่าเราไม่ลืมกันว่าปีที่แล้วนี้ เราได้ใช้วันในวาระวันสำคัญนี้ ได้กลั่นแผ่นดิน สร้างธรรมกายเจดีย์ให้สะอาดให้บริสุทธิ์ แล้วเราได้มาร่วมกันอยู่ธุดงค์กันปีใหม่ เอากลดไปปักกันเรียงกันเป็นแถว รูปกลดก็เป็นรูปทรงคล้ายกับธรรมกายเจดีย์ 

 

           ทุกคนมาด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจที่จะมากลั่นแผ่นดิน ที่จะสร้างธรรมกายเจดีย์ ให้สะอาดบริสุทธิ์ จะได้เป็นที่ประดิษฐานธรรมกายเจดีย์ อยู่ไปเป็นที่พึ่งต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งมนุษย์และเทวดาไปอย่างน้อยพันปี ให้มาเป็นที่ระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย และวันนั้นเรามีความชื่นบาน มีความเบิกบานกัน ทุก ๆ คนได้กล่าวกันว่ายังไม่เคยเห็นงานไหน ที่เป็นงานที่จะนำมาซึ่งความปิติยินดี ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบาน ต่างก็ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นแขกของงาน รู้สึกว่าทุกคนมีความคิดว่า ตัวของเรานั้นเป็นเจ้าของงาน ต่างก็ช่วยกันต้อนรับซึ่งกันและกัน ผู้มาเก่ายินดีต้อนรับผู้มาใหม่หรือผู้ไม่เคยมา ช่วยกันจัดแจงปักกลดกัน แนะนำการปักกลด การอยู่ธุดงค์ปีใหม่ในปีที่แล้วน่ะ ทุกคนชื่นบาน ทั้ง ๆ ที่อากาศก็หนาว หนาวคล้าย ๆ กับปีนี้ ที่นั่งที่นอนมันก็ไม่สะดวกสบายเหมือนที่บ้าน

 

                     พราะว่าแผ่นดินในฤดูหนาวซึ่งเพิ่งผ่านฤดูฝนมาใหม่ ๆ มันก็แข็งกระด้าง โดยเฉพาะแผ่นดินที่จะสร้างธรรมกายเจดีย์เนี่ย จังหวัดปทุมธานีนี้เป็นดินเหนียว ผ่านฝนมาหยก ๆ เมื่อมาถึงฤดูหนาว มันก็แข็งกระด้าง ที่นั่ง ที่นอน ที่ยืน ที่เดิน ไม่นุ่มนวล แต่ว่าทุกคนมีใบหน้าที่เบิกบานยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นงานที่มีแต่รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าทุก ๆ คน ราวกับว่าธรรมกายเจดีย์สำเร็จแล้วในวันนั้น มีความปลื้มปีติยินดีกัน สวดมนต์ไหว้พระเจริญภาวนาช่วยกันอธิษฐานจิตให้แผ่นดินที่จะเป็นที่ประดิษฐาน สร้างธรรมกายเจดีย์ เป็นแผ่นดินที่สะอาด ที่บริสุทธิ์ เป็นแหล่งแห่งบุญ เป็นเนื้อนาบุญอย่างแท้จริงทีเดียวนี่คือภาพที่ปีที่ผ่านมาซึ่งหลวงพ่อก็ยังประทับใจไม่เลือนเลย

 

                     แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าที่ท่านเดินทางไกลมาจากทั่วประเทศ เมื่อท่านกลับไปที่วัด มีภารกิจ ท่านเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาก แต่พอกล่าวถึงเตือนความจำของท่านว่า ปีใหม่ปีที่แล้ว ท่านได้ไปช่วยกันกลั่นแผ่นดินให้บริสุทธิ์ เป็นที่ประดิษฐานธรรมกายเจดีย์ เจดีย์แห่งพระรัตนตรัย รู้สึกรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าท่าน หน้าท่านก็มีความสุข หายเหน็ด หายเหนื่อยจากภารกิจในชีวิตประจำวันของท่าน พระสงฆ์องค์เจ้าก็ยังมีความปลื้มปีติ ภิกษุสามเณรชื่นใจกันหมดทุกคน เมื่อนึกย้อนหลังไป หนึ่งปีที่แล้ว วันนี้มาครบรอบอีกหนึ่งปี ๓๖๕ วัน เราจะสังเกตได้ว่า เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน 
 

             ทำบุญยังไม่ทันเต็มอิ่ม ก็มีบุญใหม่มาอีกแล้ว และเป็นบุญที่สำคัญด้วย เรากำลังจะสร้างวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่ประดิษฐานรูปหล่อทองคำ รูปเหมือนท่าน ที่เราได้สละทองคำร่วมกันสร้างกันมาให้สำเร็จเมื่อปี ๒๕๓๗ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินท่านเสด็จมา และมีสาธุชนจากทั่วประเทศ ภิกษุสามเณรมากมายทีเดียวมาช่วยกันสร้างได้สำเร็จแล้ว หลวงพ่อคาดว่าเราคงยังจำภาพนี้กันได้ดีทีเดียว ภาพที่พวกเราสาธุชนทั้งหลายภิกษุสามเณร เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จ เทียบกันแล้วก็เกือบจะเท่ากับกัปโกลาหลทีเดียว แต่นี่เป็นเรื่องของการบุญโกลาหล ต่างก็มีความสุขมีความเบิกบานน่ะ เมื่อปี ๒๕๓๗ นี่ผ่านมา ๒ ปี ถึงคราวที่เมื่อสร้างกันเสร็จแล้ว ก็จะได้สร้างที่ประดิษฐานองค์ท่านเสียทีหนึ่ง

 

                    เพราะฉะนั้นวันนี้ วันที่พวกเราได้มาประชุมพร้อมกัน ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของคุณยายอุบาสิกาจันทร์ คุณยายอาจารย์ของเรา ครบ ๘๘ ปี เราก็ได้เริ่มมาอยู่ธุดงค์กัน มาเมื่อวานนี้วันที่ ๓๑ ส่งท้ายปีเก่า เตรียมตัวเข้ามา ๒ วัน ถึงวันนี้วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๙ เตรียมตัวขึ้นมา ๓ วันทีเดียว เพื่อที่จะให้กาย วาจา ใจ ของเราสะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส มีอานุภาพ ซึ่งเมื่อเราได้ร่วมใจกันอธิษฐานจิต นำแผ่นดินที่จะเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อทองคำท่าน ประดิษฐานสร้างวิหารพระมงคลเทพมุนีขึ้น จะได้บริสุทธิ์สะอาด ผ่องใส เป็นสถานที่ที่เป็นเนื้อนาบุญของโลก เราได้เตรียมตัวเตรียมใจกันมา ๒ วันเต็ม 

 

                    ถึงวันนี้ ปีนี้อากาศดูเหมือนจะเป็นใจให้พวกเราได้บำเพ็ญขันติบารมีเพิ่มขึ้น คือมีความเยือกเย็นมากกว่าปีที่แล้ว แต่เป็นความเย็นที่ที่ไม่ได้ทำให้พวกเราได้ท้อถอยกันเลยมีหลาย ๆ ท่านที่อยู่ในกลด ไม่คาดว่าอากาศจะเย็นขนาดนี้ ก็ไม่ได้เตรียมตัวกันมาเตรียมอุปกรณ์กันมาต่อสู้กับความหนาวเย็น แต่ว่ามีแต่หัวใจที่เป็นนักสู้ของนักรบกองทัพธรรม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็จะต้องต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะชนะ แล้วในที่สุดเราก็ชนะ ผ่านมาได้ ๒ วัน ดินอากาศฟ้าไม่เป็นอุปสรรคต่อการประพฤติธรรมของพวกเรา เพราะฉะนั้นในวันนี้ เป็นวันที่ ที่เราจะได้รวมบุญกัน รวมใจของเราให้เป็นหนึ่ง ที่จะชำระแผ่นดินซึ่งจะเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อทองคำพระมงคลเทพมุนีนี้ ให้บริสุทธิ์ สะอาดเป็นเนื้อนาบุญ ดวงใจทุกดวงของเรานั้น จะเป็นดวงใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอานุภาพแห่งบุญ 

 

                    ดังนั้น ในตอนช่วงเช้านี้ ก่อนที่จะได้ประกอบพิธีกลั่นแผ่นดิน ก็ให้ทุก ๆ ท่าน ทำใจให้มันบริสุทธิ์ ให้สะอาดยิ่ง ๆ ขึ้นไปกว่าเมื่อ ๒ วันที่ผ่านมา ให้ใจของเรานี่ให้หยุดนิ่ง ทุกคนคงเข้าใจวิธีการทำอย่างดีแล้ว ที่หลวงพ่อทัตตะ พระอาจารย์ท่านได้เมตตาสั่งสอนมาตั้งแต่ต้น รวมทั้งลูก ๆ ทุก ๆ คน ที่ได้เคยปฏิบัติธรรมกันมาอย่างสม่ำเสมอก็คงจะเข้าใจ เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ทำใจของเราให้หยุดให้นิ่ง ให้ใจของเราใส ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ หยุดนิ่งอยู่ภายในกึ่งกลางกายตรงฐานที่ ๗ ใจหยุดตรงนั้นทีเดียวนะจ๊ะ

 

                  ย้ำอีกทีว่า ฐานที่ ๗ หมายถึงตำแหน่งที่เหนือจากจุดตัด ของเส้นด้ายทั้งสองที่เรานำมาขึงให้ตึง จากสะดือทะลุไปข้างหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม ตรงนั้นเรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๖ ยกถอยหลังขึ้นมา ๒ นิ้วมือโดยเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางวางซ้อนกัน แล้วนับไปทาบตรงนั้น สูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ตรงนี้แหละเรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ 

 

                 สำหรับท่านที่มาใหม่นะจ๊ะ หลวงพ่อก็ขอย้ำอีกทีหนึ่งศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ คือตำแหน่งที่เหนือจากจุดตัด ของเส้นด้ายขึ้นมา ๒ นิ้วมือ อยู่ในกลางท้องของเราตรงนี้สำคัญนะจ๊ะ หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านพูดไว้อย่างนี้ ตรงนี้เนี่ยว่าตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้ เป็นทางเสด็จไปสู่อายตนนิพพานของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ เป็นทางเสด็จไปสู่อายตนนิพพาน ดินแดนแห่งบรมสุข นิพพานํ  ปรมํ สุขํ ดินแดนแห่งบรมสุข สุขอย่างยิ่ง ที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์เสด็จไปทางนี้ ไม่ใช่ไปทางอื่นเลย ไม่ได้ไปทางรถ ทางเรือ ทางยานอวกาศ หรือทางไหน ทางบก ทางน้ำ ใต้ดินไม่ได้ไปทั้งนั้น ไปทางนี้ 



                   ทางของพระอริยะ ทางของพระอริยเจ้า ตรงฐานที่ ๗ ทางของพระอริยะ ถ้าหากหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านไม่ได้ชี้ ไม่ได้รู้จักหรอกนะ แม้ว่าเราจะได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ได้ศึกษา จากคัมภีร์ต่าง ๆ บางทีเราอ่านเราก็ไม่เข้าใจว่าทางสายกลางน่ะมันเป็นอย่างไร จะปฏิบัติอย่างไรถึงจะถึงซึ่งทางสายกลาง หรือทางของพระอริยเจ้า จนกระทั่งหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี ท่านได้ค้นพบขึ้นมา และก็สรุปได้ว่าตรงนี้แหละเป็นทางเสด็จไปของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เป็นทางของพระอริยเจ้าจริง ๆ อยู่ที่ตรงนี้ แล้วท่านพูดต่อไปอีกว่า เอาใจให้มาจรดมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ ตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้นะจ๊ะ แม้ว่ายังไม่เข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ก็ได้ชื่อว่ามาถูกทาง มาถูกทางแล้ว 

 

                มาถึงทางแล้ว มาถูกทางมาถึงทาง แม้ยังไม่เห็นอะไรก็ตาม ก็มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ไพศาลทีเดียว เพราะว่าถูกทางเดินของพระอริยเจ้า จะเดินตามรอยเท้าของพระพุทธเจ้าแล้วนะ มีอานิสงส์มาก ปิดประตูอบายนรกไม่ไป มีสุคติเป็นที่ไป นี่ขนาดยังไม่ได้เห็นอะไรนะจ๊ะ เพราะมาถูกทาง พอถูกทางแล้วไม่ช้าก็จะถึงที่ ที่ประดิษฐานดวงธรรม ที่ดวงธรรมเกิด ที่พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ สิงสถิตอยู่ เมื่อถูกทางก็ถึงที่ ที่ว่าใจหยุดนิ่งถูกส่วนทีเดียว เดี๋ยวก็ถึงที่หมาย เข้าถึงธรรมกายถึงธรรมก่อน ดวงธรรมใส ๆ อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน พอถูกส่วนเข้าก็ถึงเลย ถึงดวงธรรมก่อน ดวงธรรมเบื้องต้น คือความบริสุทธิ์เบื้องต้น ก็จะเห็นหนทางของพระอริยเจ้า ซึ่งดำเนินไปในทางกลางนั้น กลางดวงธรรมนั้นไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็จะเข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ นี่ขนาดยังไม่เห็นอะไรนะจ๊ะ แค่จรดไว้แค่นั้นเอง ขนาดยังหยุดไม่สนิท ก็ยังมีอานิสงส์ใหญ่ 

 

                  แล้วท่านพูดต่อไปอีกว่า หยุดตรงนี้ที่เดียวเป็นทางมาแห่งบุญ หยุดตรงนี้ได้ชื่อว่าเคารพสักการะในพุทธรัตนะ ในธรรมรัตนะ ในสังฆรัตนะ ได้ชื่อว่าเคารพพระสัทธรรม เคารพพระสัทธรรม คือใจไม่ไปที่ไหนอยู่ที่ตรงนี้ ให้ความสำคัญกับตรงนี้ เทิดทูนยกย่องชื่นชมระลึกนึกถึง ท่านบอกไม่ว่าจะนั่งจะนอนจะยืนจะเดินจะอยู่ในห้องน้ำห้องส้วมอะไรก็แล้วแต่ ขับถ่าย หรือทำภารกิจอะไร หยุดอยู่ตรงนี้น่ะ เป็นทางมาแห่งบุญ ได้ชื่อว่าเคารพในพระสัทธรรม และถ้าหากว่ามีความเคารพกันอย่างแท้จริง 

 

                 ท่านพูดต่อไปอีกตามประสาของท่านท่านใช้ภาษาว่า ให้นั่งกระทั่งหลังหักก็ยอม ให้นั่งกระทั่งหลังหักก็ยอม คือหลังมันจะหักก็ช่างมัน ใจจะหยุดนิ่งแน่วแน่อยู่ที่ตรงนี้ เพราะว่ามาถูกทางแล้ว แล้วท่านกล่าวต่อไปอีกว่า ใครก็ตามที่เป็นนักปฏิบัติ รักการปฏิบัติ ถ้าหากว่าไม่รู้จักทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน ไม่รู้จักนะจ๊ะ ท่านใช้คำ ไม่รู้จักทาง คือได้ยินได้ฟัง ได้อ่าน ได้ศึกษามาแล้ว ว่าทางเป็นอย่างงั้นอย่างงี้อย่างโน้น แต่ว่าไม่รู้จักทางว่าอยู่ที่ตรงไหนน่ะ จะเอาใจไปจรดตรงไหนถึงจะเรียกว่า รู้จักทาง ถูกทาง ปฏิบัติอย่างนั้นไป ๑๐๐ ปีก็เหลวนะ ท่านใช้คำว่าอย่างนี้ ก็เหลวคือไม่ได้เรื่อง แม้เป็นนักปฏิบัติ รักการปฏิบัติ อยากได้อยากเข้าถึงหนทางของพระอริยเจ้า ถ้าไม่ถูกทางก็เหลว นี่ท่านใช้คำว่าอย่างนี้ นะจ๊ะ 

 

                  นั่งต้องเอาจริงจัง กระทั่งหลังหักก็ยอมท่านว่าอย่างนี้อีก ถูกทางแล้วเดี๋ยวก็ถึงที่หมาย นี่ท่านให้ความสำคัญของฐานที่ ๗ อย่างนี้ทีเดียวนะจ๊ะ เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้แล้วเนี่ย เราก็ต้องให้ความสำคัญกับฐานที่ ๗ นี่ให้มาก นั่งไปทำไมเนี่ย ท่านก็เทศน์ต่อ สอนต่อไปอีก นั่งไปให้เข้าไปถึง ฉากหลังที่บังคับบัญชาเราอยู่ บังคับให้เกิดให้แก่ ให้เจ็บ ให้ตาย ให้โลภ ให้โกรธ ให้หลง ให้มีความทุกข์ทรมาน โศกเศร้า เสียใจ คับแค้นใจ ร่ำพิไรรำพัน อะไรต่าง ๆ ผิดหวัง ไม่สมหวังซึมเซ็ง เครียด เมื่อกลุ่ม อะไรต่าง ๆ เหล่านั้น ที่มันบังคับอยู่ ต้องนั่งไปให้สุดฉากหลัง คำนี้สำคัญนะ คำว่าฉากหลังก็หมายถึงว่า ยังมีสิ่งที่อยู่เบื้องหลังที่เรายังไม่รู้เนี่ยอยู่อีกเยอะ ที่คอยบังคับเราอยู่ ทำให้เราไม่เป็นตัวของเราเองน่ะ ไม่เป็นอิสระ ต้องอยู่ในบังคับบัญชาของเขาตลอด ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ต้องทุกข์ทรมาน อยู่ตลอดเวลาเลย
 

                เมื่อพูดถึงตรงนี้เนี่ย พอดีหลวงพ่อได้ยินข่าวมาจากกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ท่านนั้นท่านได้ดูทีวี เป็นสารคดีค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของต่างประเทศ เค้าค้นพบอย่างนี้นะ เค้าค้นพบว่า มนุษย์ไม่ได้มาจากลิง เพราะมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน มนุษย์นี่ไม่ได้มาจากลิงแล้วค้นต่อไปอีกว่า เค้าพบอีกตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แผ่นดินที่เห็นอยู่ที่แยกกระจายเป็นทวีปต่าง ๆ นั้นน่ะ แต่เดิมมันติดกันเป็นผืนแผ่นดินเดียว แล้วเค้าก็ค้นต่อไปอีกว่ามนุษย์นี่ยังมีสิ่งที่อะไรก็ไม่รู้เหมือนกันนะ บังคับ คอยคอนโทรลอยู่ข้างหลัง แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอะไร บังคับ คอยคอนโทรลอยู่ข้างหลัง ให้มนุษย์ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เค้าก็ไม่รู้ว่ามันอะไร แล้วเขาใช้คำ ๆ หนึ่ง ซึ่งน่าฟังน่าคิดทีเดียว เขาใช้คำว่าสิ่งที่เชื่อมความรู้เนี่ยมันได้สูญหายไป คือสิ่งที่ได้เชื่อมความรู้ ถึงแผ่นดินที่แยกกระจัดกระจายไปก็ดี มนุษย์มาจากไหนก็ดี หรือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของมนุษย์ก็ดี ความรู้ชนิดนี้ได้ขาดหายไป ขาดการเชื่อมโยงไป ขาดการเชื่อมโยงไป

    
                 แต่สิ่งเหล่านี้หลวงพ่อวัดปากน้ำได้พูดมาเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ท่านบอกว่ามันมีฉากหลังคอยบังคับบัญชาอยู่ แผ่นดินแต่เดิมติดกันเป็นผืนเดียวกัน มนุษย์มาจากจุดเดียวกัน ก่อนที่จะแตกแยกเป็นหลายชาติ หลายภาษา หลายความเชื่อถือหลายขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี ก่อนที่จะหลากหลายแตกต่างกันนั้นน่ะ แต่เดิมมันมาจากแหล่งเดียวกัน และก็มีฉากหลังคอยบังคับอยู่ อยู่ข้างใน บังคับออกมาเป็นชั้น ๆ เลย ตั้งแต่ตอนนี้เราไม่รู้เลยว่า ฉากหลังข้างในเราน่ะมันมีอยู่ คือกายมนุษย์ละเอียด ที่บังคับบัญชา ที่อยู่ข้างในเราอยู่นะ แล้วก็มีผู้บังคับบัญชากายมนุษย์ละเอียดอยู่ ที่ซ้อนอยู่กลางกายมนุษย์หยาบ มีกายทิพย์ซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด นี่เราไม่รู้กันเลย

 

                ถึงรู้ก็ยังไม่เคยเห็น มีกายรูปพรหมก็ซ้อนกันอยู่ในกายทิพย์ มีกายอรูปพรหมก็ซ้อนกันอยู่ในกายรูปพรหม มีกายธรรมโคตรภูซ้อนอยู่ในกลางกายอรูปพรหม มีกายธรรมพระโสดาซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมโคตรภู มีกายธรรมพระสกิทาคามีซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระโสดา มีกายธรรมพระอนาคามีซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระสกิทาคามี มีกายธรรมพระอรหัตซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระอนาคามี และก็ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ๆ ๆ ขึ้นไป แต่ละชั้นก็มีฉากหลังคอยบังคับบัญชา คอยควบคุมกันอยู่ ไม่ให้เราทำอะไรได้เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ให้สมหวัง บังคับซ้อน ๆ ๆ ๆ กันไปทีเดียว ถ้าหากว่าเข้าถึงธรรมกาย เข้าถึงวิชชาธรรมกาย เราก็จะเห็นฉากหลังนั้น ด้วยธรรมจักขุของธรรมกาย และก็หยั่งรู้ได้ด้วยญาณทัศนะของธรรมกาย จะเห็นเลยว่าเขาบังคับเราเป็นชั้น ๆ ๆ เข้าไป

 

                หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านค้นอย่างนี้เข้าไปเรื่อย ๆ ท่านก็พบเข้าไปเรื่อย ๆ ว่าสิ่งที่บังคับตลอดกายต่าง ๆ ของท่านน่ะมีมากมายทีเดียว ไปยังไม่สุด ไม่สุดที่เขาบังคับอยู่ ท่านก็บอกว่า ท่านก็เลยต้องเป็นบ่าวเป็นทาสเขาอยู่เรื่อย ๆ แต่ใจท่านนั้นอยากจะหลุดพ้นจากบ่าวจากทาสของเขา เพราะฉะนั้น ท่านก็ค้นคว้าเข้าไปเรื่อย เพื่อจะไปให้หลุดจากฉากหลังที่บังคับเข้าไป กายของพวกเขานั้นก็โตใหญ่ทีเดียว อย่าเข้าใจว่าโลกมนุษย์นี้ยิ่งใหญ่ไพศาล ท่านบอกว่าเล็กกว่ากายของเค้า ที่เค้าบังคับอยู่นั่นน่ะ เป็นชั้น ๆ เข้าไปทีเดียว นับชั้นไม่ถ้วน ท่านกวดไปที่จะให้ถึงฉากหลังนี้ ๒๕ ปีเศษ ยังไปไม่ถึง แต่ว่าไปเกือบครึ่งแล้ว ท่านว่าอย่างนั้น เกือบครึ่งทางแล้ว จะถึงเมื่อไหร่

 

                ท่านก็บอกต่อว่ายังไม่ทราบ แต่ถ้ายังไปไม่ถึงเมื่อไหร่ก็ยังถูกบังคับบัญชาอยู่อย่างนี้แหละ บังคับกันไปเป็นชั้น ๆ ๆ เข้าไปเรื่อย ๆ เลย ธาตุธรรมแก่บังคับธาตุธรรมอ่อน ธาตุธรรมที่ละเอียดบังคับธาตุธรรมที่หยาบบังคับเป็นชั้น ๆ ๆ เข้าไป ท่านจะต้องไปให้สุดให้ได้ ในแง่ของการปฏิบัตินั้น ท่านก็หมายถึงว่าจะต้องเอาใจหยุดเข้าไป เพราะจะหลุดพ้นจากฉากหลังเค้าได้ต้องหยุดนิ่งให้สนิท หยุดแล้วหยุดอีก หยุดในหยุดเข้าไปเรื่อยคือใจนิ่งอยู่ที่เดียวตรงนั้นน่ะ หยุดตรงนั้นไปเรื่อย ๆ เลย แล้วเดี๋ยวก็เห็นไปเรื่อย ๆ เลย เห็นฉากหลังเข้าไปเรื่อย ๆ เลย ที่เค้าบังคับอยู่ พอเราละเอียดกว่าเขา เค้าก็บังคับเราไม่ได้ พอละเอียดกว่าก็บังคับไม่ได้ แต่ไอ้ที่ละเอียดกว่าเราเค้าก็บังคับเราได้อยู่ ท่านก็เข้าไปอย่างนี้ จนกว่าจะสุดสายธาตุสายธรรมของท่าน ไปสุดถึงจุดที่เลยเข้าไปเลย 



                มีความละเอียดกว่าเค้า เค้าก็บังคับไม่ได้ ถึงตอนนั้นแหละท่านบอกว่า เราจะเป็นอิสระ เป็นตัวของเราเอง มีสุขล้วน ๆ ไม่มีใครบังคับเราเลย กวดสลักกันมาอย่างนี้ กวดสลักกันมาอย่างนี้ ๒๕ ปีเศษ กระทั่งท่านถูกฉากหลังถอดกายไปเลย เมื่ออายุ ๗๖ ปี เพราะฉะนั้น ฉากหลังนี้สำคัญ และท่านสอนต่อว่าพระเณรอุบาสกอุบาสิกา ถ้ารักตัวเอง จะต้องไปให้ถึงฉากหลังที่บังคับเราอยู่ ที่คอยกดขี่คอยบังคับคอยปิดบังไม่ให้เรารู้อะไรเลย ไม่รู้ที่ท่านเรียกว่า อวิชชา คือไม่รู้อะไรเลย จะต้องหยุดนิ่งเข้าไปเรื่อย ๆ เนี่ยไปเรื่อย ละเอียดเข้าไปเรื่อย ๆ ไปถึงจุดที่เขาบังคับไม่ได้ นั่นแหละถึงจะรู้เรื่องรู้ราวทุก ๆ เรื่องเลย แล้วเราก็จะได้เป็นไทแก่ตัวเราเอง เป็นอิสระต่อตัวของเราเอง ต่อไปในอนาคต ถ้าหากว่าวิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้ากว่านี้ ต่อไปเขาจะค้นพบว่า ในจักรวาลต่าง ๆ นั้นน่ะ มันมีรอยเชื่อมกันอยู่ ซึ่งยังมีร่องรอยให้เห็นว่า แต่ละจักรวาลมีความเชื่อมโยงกัน เหมือนเป็นแผ่นดินอันเดียว แต่ได้ถูกระเบิดย่อยแยกออกไป สิ่งที่เชื่อมโยงความรู้นี้ ได้ขาดหายไป

 

                 เรากำลังจะไปค้นคว้าในสิ่งที่ขาดหายไปนี้ ให้มันมาเชื่อมโยงต่อไปเพื่อรุ่นหลังๆ จะได้ศึกษากัน กวดสลักไปให้ถึงฉากหลังให้ได้ ถ้าวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปกว่านี้ เขาจะค้นพบร่องรอยของการเชื่อมต่อของจักรวาลที่พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และถูกย่อยแยกกันออกไป ถึงตอนนั้นวิชชาธรรมกายจะเป็นที่พึ่งของชาวโลก ชาวโลกจะรู้จักอานุภาพแห่งพระธรรมกายกัน นี่ถ้าหากลูก ๆ ทุกคนให้โอกาสหลวงพ่อไม่ต้องทำงานหยาบ คือไม่ต้องมาระดมทุนสร้างธรรมกายเจดีย์ สร้างวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ สร้าง WDC ศูนย์กลางธรรมกายแห่งโลก ให้หลวงพ่อได้มีโอกาสทำงานละเอียด ควบคู่กันไปกับทีมงานที่จะทำละเอียด เดี๋ยวก็จะมีเรื่องราวต่าง ๆ มาเล่าให้ฟังอีกเยอะแยะทีเดียว 

 

                แต่นี่หลวงพ่อต้องมาทำงานที่ไม่ถนัด คืองานระดมทุนซึ่งไม่ถนัดเลย เพราะฉะนั้นมันก็แบ่งตัวปลีกตัวออกมาทำงานหยาบ เวลาที่จะให้ทำความละเอียดมันก็มีน้อย เพราะฉะนั้นเรื่องราวอะไรต่าง ๆ ร่องรอยต่าง ๆ ที่ขาดหายไปจึงยังไม่มีโอกาสที่จะไปเชื่อมโยงความรู้นี้มาเผยแพร่ มาเล่าสู่กันฟัง ถ้าหากลูก ๆ ทุก ๆ คนที่มาประชุมกันที่นี้ มีความเข้มแข็งไม่ต้องกระตุ้นเตือนกันบ่อย ๆ ว่าให้ทำบุญ ว่าให้ช่วยกันทำ ต้องกระตุ้นกัน ต้องสัมมนากันบ่อย ๆ ต้องบอกกันบ่อย ๆ กันอย่างนี้ จึงจะมีกำลังใจ ไม่งั้นเดี๋ยวก็ใจตกกันอีกแล้ว ก็ปลุกกำลังใจกันขึ้นมาใหม่ มันก็วนไปเวียนมาอย่างนี้ เวลาในโลกมันก็หมดไป เห็นมั้ยจ้ะ ๑ ปีผ่านมา ถึงปีนี้มันหมดไปอีกแล้ว เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะทำละเอียดมันก็ไม่ค่อยมี แต่ถ้าหากว่ามีจิตสำนึกลึก ๆ อยู่ในใจว่าเป็นหน้าที่ของเรา ว่าเราจะต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้สมบูรณ์ ให้สำเร็จ นอกจากทำหยุดทำนิ่งแล้วไปช่วยกันระดมทุน เพื่อจะหนุนระดมธรรม ทำให้สำเร็จ

 

                ปลดกังวลของหลวงพ่อกับทีมงานที่จะทำละเอียด เป็นหน้าที่ของเราที่เราจะทำเพราะการให้นั้นน่ะมีอยู่ได้เฉพาะในมนุษย์เท่านั้น เป็นเทวดาแล้วหมดโอกาสในการให้ เป็นพรหมเป็นอรูปพรหมก็หมดโอกาสในการให้ จะให้มันต้องให้ตั้งแต่เป็นมนุษย์ และเป็นมนุษย์เท่านั้น สัตว์เดรัจฉานเปรต อสุรกาย สัตว์นรก ก็ให้ไม่ได้ ให้ไม่เป็น มีมนุษย์เท่านั้นที่ให้กันได้ ถ้าหากมีจิตสำนึกลึก ๆ ว่าเราจะต้องช่วยกันทำให้สำเร็จ โดยหลวงพ่อไม่ต้องมาเสียเวลาที่จะต้องมาปลุกระดม ให้กำลังใจกัน พูดครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชาติ อย่างนี้งานสำเร็จ ผู้ที่ทำหน้าที่ค้นฉากหลังก็จะค้นกันไป ผู้ทำหน้าที่ระดมทุนก็ระดมทุนสร้างกันไปแม้ว่าไม่ได้มีโอกาสมาทำหยุดทำนิ่ง เวลางานสำเร็จมันก็สำเร็จไปพร้อม ๆ กัน เมื่อทะลุฉากหลังที่บังคับได้ เมื่อฉากหลังบังคับทีมงานไม่ได้ มันก็บังคับใคร ไม่ได้หมด เราก็จะไปพร้อม ๆ กัน เพราะฉะนั้นให้เข้าใจกันอย่างนี้นะจ๊ะ



                เมื่อเข้าใจดีแล้ว ต่อจากนี้ไปเราจะได้ตั้งใจกลั่นแผ่นดินกัน โดยเราเอาใจของเราให้หยุดนิ่งไปที่ศูนย์กลางกายตรงฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นทางเสด็จไปสู่อายตนนิพพานของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ให้ใจเราหยุดนิ่งอยู่ตรงกลางอย่างสบาย ๆ อายตนะก็แปลว่าดึงดูด อย่างเช่น ตาดึงดูดรูป หูดึงดูดเสียง จมูกดึงดูดกลิ่น ลิ้นดึงดูดรส กายดึงดูดความสัมผัส ใจดึงดูดธรรมารมณ์ อายตนะเขามีไว้ดึงดูดกันอย่างนั้นน่ะ อายตนนิพพานก็ดึงดูดพระนิพพาน ดึงดูดธรรมกาย ที่เอาชนะเขาไปได้ขั้นหนึ่งแล้วนะ ไปสู่นิพพานเป็นพระนิพพาน เพราะฉะนั้นศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ คือทางเสด็จไปสู่อายตนนิพพาน ถ้าเราทำได้ถูกส่วนเดี๋ยวเราจะถูกดึงดูดเข้าไปวูบเข้าไปสู่ภายในทีเดียว พอหยุดถูกส่วนก็วูบเข้าไปเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้เอาใจหยุดนิ่งนะจ๊ะ ใจหยุดนิ่งให้ใจใส ให้ใจของเราสบาย ให้ใจของเราเบิกบานแช่มชื่น 

 

                ใครจะตรึกนึกถึงดวงใสก็ได้ หรือจะนึกถึงพระแก้วใส ๆ สักองค์หนึ่งก็ได้ หรือนึกอะไรไม่ออกก็ทำใจหยุดใจนิ่ง อยู่ตรงกลางกาย ภาวนาสัมมาอะระหัง เรื่อยไปเลยนะ สัมมาอะระหัง ๆ ภาวนาไป จะกี่ครั้งก็แล้วแต่ ภาวนาไปอย่างสบาย ๆ จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง เมื่อใจหยุดนิ่งถูกส่วนเดี๋ยวก็เห็นดวงใส ดวงธรรมเบื้องต้น เห็นดวงซ้อน ๆ ๆ ๆ กันขึ้นมา เดี๋ยวเข้าถึงกาย กายภายใน เดี๋ยวก็เข้าถึงกาย กายธรรม กายพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ กายสังฆรัตนะ เห็นชัดใสแจ่มกระจ่างอยู่ในกลางกายทีเดียว มีสุขกันในปัจจุบันที่เข้าถึง ถึงเมื่อไหร่ก็มีความสุขเมื่อนั้น เอาใจหยุดนะ ของใครของมันนะจ๊ะ หยุดกันให้ดี ใจหยุดในหยุด หยุดในหยุด ๆ หยุดนิ่งเฉยตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดอยู่ที่กลางความใส ดวงจะเล็กจะใหญ่ก็ได้ เอาดวงแก้วที่คุณยาย คุณยายอาจารย์ของเราได้มอบให้ เมื่อวันที่ ๓๐ เอาไว้เป็นบริกรรมนิมิต ดวงแก้วนั่นน่ะที่เล็ก ๆ โตเท่ากับแก้วตา

 

                พอพูดถึงตอนนี้ขอย้อนไปอีกนิดหนึ่ง ที่ท่านให้ดวงเล็กขนาดดวงเท่าแก้วตานั้น ท่านให้เป็นปริศนาธรรมว่าท่านรักพวกเราประดุจแก้วตาของท่าน ที่จริงดวงโตกว่านั้นท่านก็มีจะให้เมื่อไหร่ก็ได้ เอาดวงที่โตขนาดแก้วตาที่ท่านรักพวกเรานั่นน่ะ มานึกน้อมเอาไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ดวงแก้วใส ๆ โตเท่ากับแก้วตา คงจำกันได้นะจ้ะ ดวงแก้วใส ๆ โตเท่าแก้วตา ดวงนั้นน่ะใสกลมรอบตัวทีเดียว กลม ตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกาย จำให้มั่นทีเดียว จำอย่าให้เลื่อน ให้ติดอยู่ในใจของเรา เมื่อติดอยู่ในใจแล้ว ต่อไปจะได้หมดความจำเป็นที่เราจะใช้ดวงที่คุณยายท่านมอบให้ เราจะได้นำไปมอบให้กับผู้ที่เป็นที่รักต่อไปอีก ดวงแก้วดวงนั้นก็จะไปตามผู้มีบุญให้เขาได้มาร่วมกันสร้างวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำต่อไป ถ้าเราหวงแหนก็ต้องนึกถึงดวงนั้นให้มันชัด ๆ แม้เรือนหยาบจะไปตกอยู่กับผู้ที่เป็นที่รัก 

 

                แต่ของละเอียดก็จะเป็นดวงแก้วดวงธรรมประจำตัวเราซึ่งขโมย หรือโจรมันปล้นจี้ไม่ได้ ไม่เสื่อมสลายด้วยภัยธรรมชาติต่าง ๆ อัคคีภัย โจรภัย ภัยทุกชนิด จะติดตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติวัตถุประสงค์ที่ยายมอบให้เพราะรักพวกเราปานแก้วตานั้นน่ะ หวังจะให้มีดวงธรรมติดตัว แล้วเอาดวงแก้วดวงนั้นมอบต่อไป ๆ ยังผู้มีบุญที่เรารัก เห็นว่าสมควรแก่ของที่มีคุณค่านี้ เมื่อเขาจำได้เขาก็จะได้ส่งมอบให้กับผู้ที่เป็นที่รักต่อไปอีก มันก็จะส่งกันต่อ ๆ ๆ กันไป อย่าไปเก็บเอาไว้หวงแหนเอาไว้เฉพาะตัว ต้องทำใจให้กว้างขวางประดุจพระบรมโพธิสัตว์ ประดุจนักรบกองทัพธรรม เห็นทุก ๆ คนในโลกเหมือนหมู่ญาติ สมควรแก่ของอันมีคุณค่า จะได้เป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมีและการประพฤติธรรม เป็นบริกรรมนิมิต เราจะได้เป็นผู้ฉลาดในการแสวงหาบุญ จากดวงแก้วดวงหนึ่งที่ส่งทอดกันไปยังผู้มีบุญต่อ ๆ ไปถึงร้อยคนเราก็ได้บุญร้อยเท่า ร้อยชั้น ถึงพันคนเราก็พันเท่าพันชั้น 



                ดวงแก้วนั้นไม่ได้หายไปไหนเลย ยังอยู่กับเราอยู่ตลอดเวลา แต่เราเปลี่ยนมาเป็นดวงธรรมภายใน ซึ่งเป็นอริยทรัพย์ติดเราไปเป็นบุญข้ามภพข้ามชาติ จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม เพราะฉะนั้นจะต้องทำใจให้กว้างขวาง แต่เวลาจะให้ใครก็เลือกเฉพาะผู้มีบุญ พูดให้เขารู้จักว่านี่คืออะไรให้เห็นคุณค่าแม้มูลค่ามันจะไม่สูงเท่ากับเพชร แต่คุณค่ามหาศาล จะนำให้เข้าถึงความสุข ความรู้แจ้งภายใน อย่างที่เราคาดไม่ถึงทีเดียว และก็จะเป็นทางมาแห่งบุญ ให้กันต่อ ๆ ไปคล้ายกับท่านโชติกเศรษฐี สมัยที่ยังเป็นเศรษฐีน้อย ๆ อยู่มีความคิดที่แตกต่าง จากคนทั่ว ๆ ไปซึ่งมักจะหวงแหนตระหนี่ ถ้าใครมาฟังธรรมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ โน้นมีแก้วแหวนเงินทองรัตนชาติแค่ไหนน่ะ ให้หยิบเอาไปได้เลยหนึ่งกำมือ คือเอาทรัพย์หยาบ รัตนชาติหยาบนั้น เป็นเครื่องดึงดูดให้เข้าถึงรัตนภายใน คือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้เข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

 

                เมื่อท่านทำอย่างนั้นก็มีอานิสงส์ใหญ่จากเศรษฐีน้อยก็เป็นเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ที่ยังหาใครเสมอเหมือนได้ยากในปัจจุบัน คือเป็นท่านโชติกเศรษฐี สมบัติของท่านนั้นมหาเศรษฐีทั่วโลกเอามารวมกันก็ไม่เท่าท่าน เพราะสมบัติของท่านมันไม่มีวันหมด ตักเท่าไหร่ก็ไม่พร่อง แก้วแหวนเงินทองเยอะแยะหมด เต็มไปหมดเลย ต้นกัลปพฤกษ์เอย ปราสาทแก้วเอย ดวงแก้วที่ให้แสงสว่างภายในปราสาทแก้วนั้นเต็มไปหมดเลย ใช้เท่าไหร่ก็ไม่พร่อง โจรก็ปล้นไม่ได้ น้ำก็ไม่ท่วม ไฟก็ไม่ไหม้ ใครจะแย่งจะชิงแค่ไหนไม่ถล่มทลายหมดเลยแล้วใครจะสู้ได้ สมบัติในโลกนี้ของมหาเศรษฐีทั้งหลายมีวันเสื่อมมีวันสลาย ต้องแอบซ่อนเร้นต่าง ๆ เศรษฐีใหญ่บางคนมีทรัพย์ที่มีความทุกข์ ไม่รู้จะเอาเงินนั้นไปไว้ที่ไหนเก็บไว้ที่ไหนกลัวคนอื่นเขาจะรู้ นี่มันเป็นอย่างนี้นะจ๊ะ

        
               เพราะฉะนั้นดวงแก้วที่คุณยายท่านมอบให้นั้นน่ะ ท่านต้องการให้เราเป็นโชติกเศรษฐีในภพชาติต่อไปในอนาคต จะได้ไม่มาลำบากแสวงหาทรัพย์ด้วยความลำเค็ญเหมือนในยุคปัจจุบันนี้ พอภพต่อไปเราถอยหรือลงมาเกิดกันอีก จะได้มีสมบัติมาคอยรองรับไม่ต้องมัวมาทำมาหากิน มาแค่มาทำทานกับมาทำหยุดในหยุดอย่างเดียว ศึกษาวิชชาธรรมกายกันอย่างเดียว เราจะมีสมบัติทั้ง ๓ มาก ที่บริสุทธิ์ที่ละเอียดที่ประณีต ทั้งรูปสมบัติ ทั้งทรัพย์สมบัติทั้งคุณสมบัติ เพราะใจเราประณีต ดังนั้นรักยายรักตัวเอง รักในการสร้างบารมี อยากให้วิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญสำเร็จเร็ว ๆ เพื่อปลดภาระเครื่องกังวลของหลวงพ่อ จะได้ไปทำละเอียดได้ บริจาคดวงแก้วต่อไปซะเถอะนะจ๊ะ ให้กับผู้ที่เป็นที่รักที่สมควร ว่าถ้าใครทำบุญเท่านั้นเท่านี้ ก็แล้วแต่เราจะตั้งกันไป

 

                สมมติเอาตอนนี้ว่า 44 ตารางฟุต ก็รับไป บางคนดูแล้วกำลังเขาถึงเงินกว่านั้นก็ให้เขาทำบุญมันมากกว่านั้น เขาทําเขาก็ได้บุญเค้า แล้วเราก็มอบสิ่งที่มีคุณค่า แต่ก่อนจะให้ก็เล่าให้เขาฟังว่าดวงแก้วดวงนี้ได้มาอย่างไร ในวาระอันสำคัญอย่างไร มีวัตถุประสงค์อย่างไร เล่าให้เขาฟังกันนะจ๊ะ ที่หลวงพ่อต้องพูดแวะข้างทางอย่างนี้น่ะเผื่อจะลืม กลัวจะลืม เพราะสังขารมันอายุมากมันแก่แล้ว นึกอะไรได้ก็จะพูดกันตอนนี้ไปซะก่อน แต่อย่างไรก็ตามให้จำภาพดวงแก้วดวงนั้นเอาไว้นะจ๊ะ ดวงที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ นึกให้มันใสที่สุด นึกอย่างสบาย ๆ นะจ๊ะ ให้มันใสเหมือนกับเพชรลูกที่เจียรไนแล้ว ไม่มีขีด ไม่มีข่วน ไม่มีขนแมว โตเท่ากับแก้วตา เท่าดวงนั้นเลยนั่นน่ะ มาตั้งไว้ในกลางกาย ตั้งให้ใส แล้วก็ทำใจหยุดนิ่งอยู่ในกลางนั้นน่ะ ดูไปเรื่อย ๆ ดูสบาย ๆ เหมือนเราดูเพชรพลอยน่ะ เหมือนได้เพชร ได้พลอยมาเราก็ดูให้มันสบาย ๆ ใจนะ เดี๋ยวใจมันจะได้หยุด


.
                ส่วนพระเณรที่ได้ดวงโต ๆ น่ะ ก็อย่าไปเสียดายเลยนะลูกนะ เอาไปทำบุญต่อไป เอาของละเอียดติดตัวเราไป แต่ให้กับบุคคลที่ควรให้ ถึงแม้ดวงแก้วของเราจะโตใหญ่มาก ก็อย่าเสียดายเลยนะจ๊ะ จำไว้ให้ดี จำจนกระทั่งติดอยู่ในกลางกายไม่หายจากใจน่ะ แม้เรือนหยาบจะไปตกอยู่ที่ใครก็ตามนะ ก็ได้ชื่อว่าไม่ได้สูญหายไปไหน มันก็ยังอยู่ในใจเราตลอด เอาติดตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติจะได้เป็นภิกษุสามเณรอภิญญาเข้าถึงวิชชาธรรมกาย จะไปอยู่ที่ตรงไหนเดี่ยวสมบัติมันก็หลั่งไหลมานะ ไหลมาเทมา เราจะสร้างบารมีกันอย่างสนุกสนานทีเดียว ไม่ต้องมาลำบากยากแค้นเหมือนภพปัจจุบัน ฉะนั้นลูกพระลูกเณรตรึกเอาไว้อย่าเสียดายนะจ๊ะ มองดูบุคคลที่สมควรแล้วก็มอบให้เขาไป ให้เขาได้ทำบุญในระดับที่วิหารพระมงคลเทพมุนีจะสำเร็จได้อย่างรวดเร็วอย่างอัศจรรย์ ให้ทันคุณยายท่านได้เห็น เพราะปีนี้ท่านอายุ ๘๘ แล้วนะจ๊ะ

 

                เพราะฉะนั้นตอนนี้เอาใจหยุดนิ่งให้ใจใส ใจสบาย ทำใจให้เบิกบานให้แช่มชื่น เมื่อใจเราแช่มชื่นดีแล้วเราก็นึกน้อมแผ่นดินที่จะเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อทองคำ หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ วิหารพระมงคลเทพมุนี เรานึกด้วยใจของเราอย่างสบาย ๆ ทำใจให้สบาย อธิษฐานใจโดยนึกถึงบุญ ว่าบุญบารมี ๓๐ ทัส ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี ที่เราสร้างมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ตั้งแต่เริ่มถอยพรืดลงมาเกิดนับกันไม่ถ้วนเลย จงมารวมอยู่ที่ศูนย์กลางกายของเรา ให้เป็นดวงบุญที่มีความบริสุทธิ์ สว่างโพลงประดุจดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ให้ดวงบุญนี้ มีอานุภาพกลั่นแผ่นดิน ที่จะเป็นที่ประดิษฐาน รูปหล่อทองคำหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และวิหารพระมงคลเทพมุนี ให้เป็นแผ่นดินที่สะอาด ปราศจากมลทินทั้งปวง เป็นที่บริสุทธิ์ เป็นประดุจเนื้อนาบุญของโลก 

 

                เมื่อใครที่มาเคารพ กราบไหว้บูชาหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ขอให้เค้าได้บรรลุธรรม ได้บรรลุความสำเร็จ ในสิ่งที่เค้าพึงปรารถนา สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ก็ให้ละลายหายสูญไปให้หมด ให้เป็นสถานที่ ที่จะเป็นจุดศูนย์รวมใจของทุก ๆ คนในโลก ของมนุษย์ ของเทวดา พรหม อรูปพรหม ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ผู้ที่ต้องการแสวงบุญ เมื่อมายังสถานที่นี้จึงได้บุญ ที่มาแล้วก็ให้อยู่เป็นสุข ที่ยังไม่ได้มาก็ขอให้ได้มา เมื่อมาแล้วกลับไปก็ให้นำแต่ความปลื้มปีติ ความสุขความเจริญรุ่งเรือง กลับคืนไปสู่ตระกูล ต่อตัวเอง และให้เป็นแหล่งแห่งบุญที่จะขยายสันติสุขที่แท้จริง ไปยังชาวโลก ให้ชาวโลกได้มีความสุข มีความบริสุทธิ์ ให้ผู้รู้ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ค้นพบร่องรอยในอดีต ที่เป็นจุดเชื่อมโยงว่ามนุษย์ทั้งผองพี่น้องกัน แผ่นดินทั้งผืนเป็นผืนเดียวกัน ให้เขาพบร่องรอยว่า แต่เดิมมีขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม ประเพณีอันเดียวกัน ให้เห็นร่องรอยของการเชื่อมโยง ของจักรวาลต่าง ๆ ว่าเป็นแผ่นเดียวกัน เรานึกเราอธิษฐานจิตอย่างสบาย ๆ 

 

                ให้แผ่นดินนี้บริสุทธิ์ แผ่นดินนี้สะอาด ลึกลงไปในแผ่นดินมีเท่าไหร่ จากศูนย์กลางของวิหารพระมงคลเทพมุนี ขยายไปทั่วแผ่นดินที่มีอยู่ในโลกนี้ ให้เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง นึกอย่างสบาย ๆ ประดุจเห็นโลกทั้งโลก อยู่ในกลางใจของเราน่ะ ใสสว่างเป็นโลกแก้ว เป็นแผ่นดินแก้ว เป็นจักรวาลแก้ว แผ่ไปไม่มีที่สิ้นสุดอย่างสบายๆ ทุก ๆ คนนะจ๊ะ แผ่กันไปอย่างเนี้ยะ เมื่อเรานึกถึงบุญ บุญก็ไหล จากสายธาตุสายธรรมมาจากที่กลางกาย เป็นดวงใสสว่างทีเดียวนะ บุญนี้มีอานุภาพที่จะดึงดูดสิ่งที่ดี ๆ นะเข้าหาตัวเรา เพราะฉะนั้นเมื่อเราอธิษฐานเอาบุญบารมี ช่วยกันกลั่นแผ่นดินนี้ก็จะใส ใสเป็นแก้วเลย ใสเกินใส คือเกินความใสกว่าความใสที่มีในโลก เป็นความใสที่มีความสว่าง มีความสุขปนมากับความใสนั้นน่ะ มันเจือกันอยู่ สว่างจ้าไปหมดเลย

         

                วิหารพระมงคลเทพมุนีก็จะสว่าง บริสุทธิ์เหมาะสมที่จะเป็นที่รองรับ รูปหล่อทองคำของ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย สุกใสสว่างหมดเลย เทวดา พรหม อรูปพรหมพระนิพพาน ท่านหยุดนิ่งทำคล้าย ๆ กับเราอย่างนี้แหละ นิ่ง แล้วท่านก็กลั่น ช่วยกันกลั่น ท่านเอาใจจรดไปที่กลางกายท่านหมด แผ่นดินนั้นก็ใสสว่าง อยู่ในกลางท่านเต็มไปหมด ทำกันไปพร้อม ๆ กันไปเลยนะ สุกใสสว่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ การสร้างธรรมกายเจดีย์และวิหารพระมงคลเทพมุนีนี้ เป็นความโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ ที่กระจายกันไปอย่างทั่วถึง เพราะวิชชาธรรมกายเกิดขึ้น รู้ได้ยากในโลก เกิดขึ้นได้ยากในโลก เมื่อมีผู้ค้นพบขึ้นมาแล้วไม่หวงแหน นำมาเผยแผ่ ยิ่งเป็นความอัศจรรย์ เพราะปกติคนที่เขารู้วิชชาต่าง ๆ เขามักจะหวงแหน แต่นี่ไม่หวงแหน แถมแบ่งปันกันไปทั่วหมด ใครเข้าถึงก็จะได้เป็นพยาน ในการตรัสรู้ธรรมในการเข้าถึง มีความสุขเฉพาะตัวไปที่เดียวนะ ทำกันทั่วถึงหมด สะอาดบริสุทธิ์



                เราก็อธิษฐานจิตกันให้ดี ว่าในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นี้ ขออานุภาพแห่งบุญบารมี รัศมี กำลัง ฤทธิ์ อำนาจสิทธิเฉียบขาด ของพระพุทธเจ้า ในอายตนนิพพานนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน บารมีธรรมของพระปัจเจกพุทธเจ้า บารมีของพระอรหันตเจ้าทั้งปวง บารมีธรรมหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย บารมีของคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ให้มารวมอยู่ที่ศูนย์กลางกายของเรา ให้ดวงบุญดวงบารมีนี้กลั่นธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้เราให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับ โลกียทรัพย์และอริยทรัพย์ ให้ประสบความสุขความเจริญ ความสำเร็จในชีวิต ในธุรกิจการงาน ให้เป็นปีแห่งความสมหวัง สมปรารถนา ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข นักเรียนก็ให้ศึกษาเล่าเรียน ให้ได้คล่องเป็นบัณฑิต เป็นนักปราชญ์ ข้าราชการก็ให้บรรลุเป้าหมายในสิ่งที่ได้ตั้งใจไว้ ที่เป็นนักธุรกิจก็ให้ซื้อง่ายขายคล่องกำไรงาม เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ 

 

                ให้อานุภาพแห่งบุญนี้ กลั่นธาตุธรรม เห็นจำคิดรู้เรา ให้สะอาดบริสุทธิ์ ให้เหมาะสมที่จะไปทำหน้าที่ ยอดกัลยาณมิตร จะไปชักชวนใครสร้างธรรมกายเจดีย์ก็ดี สร้างวิหารพระมงคลเทพมุนีก็ดี ให้ได้รับการต้อนรับในทุกสถานที่ แล้วให้เขาเกิดความปีติเลื่อมใส ร่วมบุญกับพวกเราอย่างสะดวกอย่างสบาย อย่างง่ายอย่างดายในปีนี้ ขอให้มีจิตใจที่เข้มแข็งกว่าปีที่แล้ว ไม่ให้ใจตกต่ำ ให้จิตใจสูงขึ้น มีกำลังกายกำลังใจที่เข้มแข็ง มีความรัก มีความสามัคคีกันในหมู่คณะ ไม่ขัดอกขัดใจกัน มีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน ให้ทีมงานของเราเป็นทีมที่เข้มแข็ง ที่มีพลังจะสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลก เป็นทีมแห่งอุดมคติ ที่โลกต้องการ ที่ยังไม่เคยบังเกิดขึ้นมาก่อนเลยในโลก สุขภาพร่างกาย ก็ให้แข็งแรง หายเจ็บ หายป่วย หายไข้ ให้อายุยืนยาว ให้ได้สร้างบารมีกันไปนาน ๆ 

 

                เวลาอธิษฐานจิตของเราให้ดี ด้วยอานุภาพของความตั้งใจมาอยู่ธุดงค์ มาประพฤติธรรม มากลั่นแผ่นดิน มาร่วมบุญวันคล้ายวันเกิดของคุณยายของเรา ให้เราสำเร็จเป็นอัศจรรย์ ให้ใจเราใสบริสุทธิ์ ให้จิตใจเราใส จิตใจเราละเอียด จะได้เป็นพยานยืนยันที่ หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า ถ้าใจใสบริสุทธิ์ เห็นดวงใส ดวงใสนั่นแหละจะดึงดูดสมบัติมาหาเรา แต่ก่อนต้องไปหาเงินหาทอง หาก็ไม่ค่อยเจอ มันผ่านไปผ่านมา แต่ว่าดวงธรรมใส ๆ ดวงบุญใส ๆ เงินทองมาหาเรา จะอยู่ตามป่าตามเขา คนก็ไปบูชา เอาปัจจัย ๔ ไปให้ จะอยู่ในบ้านในเรือน จะครองเรือน ถ้าพ่อเรือนแม่เรือนมีจิตใจที่ใสบริสุทธิ์ เป็นบุญเป็นกุศล ก็จะดึงดูดสมบัตินั้นให้บังเกิดขึ้นอย่างสะดวกสบายง่ายดาย ทำมาหากินก็คล่อง เงินทองไหลมาเทมา จะได้เป็นพยานในคำสั่งสอนของ หลวงพ่อวัดปากน้ำ เพราะฉะนั้นปีใหม่นี้ ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า จะต้องตั้งใจให้หยุดนิ่ง ให้ใจใสบริสุทธิ์ เข้าถึงดวงธรรม ถึงกายภายในให้ได้ สมกับเป็นปีที่หลวงพ่อตั้งให้เอาไว้ว่า เป็นปีแห่งความสมหวังสมปรารถนากันนะจ๊ะ ต่อนี้เราก็อธิษฐานจิตของเราให้ดีกันทุกคน ทำใจให้นิ่ง
 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0010432998339335 Mins