ความรู้ที่สมบูรณ์

วันที่ 28 กพ. พ.ศ.2567

280267b01.jpg

พระธรรมเทศนาพระสุธรรมยานเถร (หลวงพ่อธัมมชโย)
วันขึ้นปีใหม่ ๑ มกราคม ๒๕๓๙

ความรู้ที่สมบูรณ์

 

                ก่อนที่พวกเราจะได้รับรูปหล่อหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ให้พวกเราทุกท่าน ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนา เพื่อให้ใจของเราจะได้สะอาดบริสุทธิ์ เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย จะได้นำไปประดิษฐานที่โต๊ะหมู่บูชาที่บ้าน เอาไว้เป็นมิ่งขวัญของครอบครัว เพราะฉะนั้นให้ทุกคนตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันทุก ๆ คนนะจ๊ะ ให้เอาใจหยุดนิ่งไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้หยุดในหยุด หยุดนิ่งกันให้ดีกันทุก ๆ คน หยุดอย่างสบาย ๆ อย่าไปตั้งใจกันมากเกินไป ทำสบาย ๆ ให้นิ่ง ให้เฉย ใจที่สบายนั้นจะทำให้ถูกส่วนได้เร็ว แล้วก็ง่ายขึ้น เมื่อใจถูกส่วนเพราะอาศัยความสบายเป็นอุปการะ ที่เราทำอย่างต่อเนื่องเป็นอุปการะ ไม่ช้าเราก็จะเข้าถึงดวงธรรมภายใน ถึงปฐมมรรคหนทางเบื้องต้นที่จะไปสู่อายตนนิพพาน 

 

                เพราะฉะนั้นความถูกส่วนซึ่งเรามักจะได้ยินกันบ่อย ๆ มันจะเกิดขึ้นเอง เมื่อเราทำถูกต้อง ถ้าทำถูกต้อง จึงจะได้ความถูกส่วน จำตรงนี้เอาไว้นะจ๊ะ  ถูกต้องนั้นก็คือทำใจให้หยุดนิ่งอย่างสบาย เราจับหลักได้จากคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ เราจำคำนี้ได้ แต่หยุดกว่าจะทำใจให้หยุดนั้น ต้องมีกลเม็ด มีวิธีการ ตั้งใจเกินไปมันก็ไม่หยุด ย่อหย่อนเกินไปก็ไม่หยุด ต้องพอดี ๆ พอดีสังเกตได้อย่างไร สังเกตดูที่ตรงอารมณ์สบาย ถ้าอารมณ์ของเราสบายน่ะ ใจจะไม่ฟุ้งซ่าน จะไม่หลับ จะไม่ง่วง จะไม่เคลิบเคลิ้ม จะไม่ตึงเครียด ให้สังเกตอารมณ์สบายตรงนี้เอาไว้นะจ๊ะ 

 

                อารมณ์สบายคือความพอดี แล้วเราจะมีความรู้สึกว่าเราชอบ ชอบอารมณ์ชนิดนี้ ความรู้สึกชนิดนี้ ซึ่งเมื่อพอเราหลับตาเอาใจไปตรึกหยุดนิ่งที่กลางท้อง กลางกาย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เห็นอะไร เราจะมีความรู้สึกว่าตัวเราจะโล่ง ๆ โปร่ง ๆ เหมือนร่างกายที่ปราศจากอวัยวะภายใน เป็นช่องโล่ง ๆ โปร่ง ๆ แล้วความรู้สึกก็จะเริ่มขยาย คือตัวจะพองโตขึ้นขยายขึ้น คล้าย ๆ อยู่กลางอวกาศ คือมันจะเวิ้งว้าง มันจะเคว้งคว้างกว้าง พูดง่าย ๆ ใจเริ่มกว้างขวางเป็นอิสระ คล้าย ๆ กับเริ่มออกมาจากที่แคบ ที่คับแคบไปสู่ที่โล่งกว้าง มันจะขยายความรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมขยายไป พร้อมกับร่างกาย ความรู้สึกของเราก็ขยายตาม มันพอง มันโต นั่นแหละคืออารมณ์สบาย 

 

                แม้ยังไม่เห็นอะไรก็ตาม ให้รักษาความรู้สึกชนิดนั้นให้ต่อเนื่องให้สม่ำเสมอ โดยไม่คำนึงว่า มันจะเห็นหรือไม่เห็นเข้าถึงหรือยังเข้าไม่ถึง จะมืดหรือสว่างไม่กังวล ไม่นึกถึง จะรักษาอารมณ์สบายให้ต่อเนื่องตรงนั้นโดยไม่คาดหวังว่าเราจะได้อะไร จะเห็นอะไร รักษาอารมณ์สบายให้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ อย่าให้มีความคิดชนิดนี้แลบมาเลยนะจ๊ะ ว่าเรารักษา อารมณ์สบายขนาดนี้ ใจไม่ฟังไม่คิดเรื่องอื่น แต่ทำไมไม่มีอะไรมาให้เห็นสักที หรือไม่มีอะไร ใหม่ ๆ มาให้ดูสักที ถ้าความคิดชนิดนี้เกิดขึ้น แสดงว่าเรานั่งโดยคาดหวัง เมื่อไรเราคาดหวัง ความตั้งใจมากจะเกิดขึ้น จะทำให้ใจไม่บริสุทธิ์ ไม่ละเอียด ไม่พอดี ซึ่งจะทำให้ไม่ถูกส่วน 

 

                เพราะฉะนั้นถ้าเกิดความรู้สึก โล่งโปร่ง เบา สบาย แม้ยังไม่เห็นอะไรก็ตาม รักษาความรู้สึกชนิดนี้ต่อไปโดยไม่คำนึงถึงว่าจะได้อะไร เห็นอะไร หรือเป็นอะไร ให้รักษาอย่างนี้ไปนะจ๊ะ แล้วอย่าไปสงสัยคลางแคลงตัวเองว่านั่งทีไรก็ได้อย่างนี้ทุกที ไม่เห็นมีอะไรใหม่ ๆ คล้ายกับนั่งแล้วไม่ก้าวหน้า นั่งแล้วเท่าเดิม นี่เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง ถ้าหากเราไม่อนุญาตให้ความคิดชนิดนี้ มันเกิดขึ้น ไม่ช้าใจก็จะเข้าไปถึงความถูกส่วนเอง เข้าถึงความถูกส่วนเองนะจ๊ะ เอง พอถูกส่วนเข้าใจก็หยุด พอหยุดก็ตกศูนย์วูบลงไป ดวงธรรมก็บังเกิดขึ้น ขั้นตอนของการเข้าถึงมันเป็นอย่างนี้ จะไปผิดขั้นตอนไม่ได้ เมื่อมันเป็นอย่างนี้ เราก็ต้องทำอย่างนี้ อย่างนี้ถึงจะได้อย่างนั้นนะจ๊ะ

 

                วันปีใหม่นี้เราต้องทำให้มันถูกต้องซะตั้งแต่ต้นปี ตลอดปีมันจะได้ถูกต้องตลอด จะได้ก้าวหน้า เดี๋ยวนี้ เขาเข้าถึงขั้นศึกษาวิชชาธรรมกายกันแล้ว ไม่ใช่อยู่ช่วงที่มะงุมมะงาหราอะไรอย่างนั้น ทำให้มันถูกวิธีซะ แล้วเดี๋ยวเราก็จะได้เข้าถึงดวงธรรม ถึงกายภายใน ที่เราได้ยินได้ฟังกันบ่อย ๆ ว่ามีกายซ้อน ๆ กันอยู่ มันเป็นเรื่องลับทีเดียวนะจ๊ะ พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ หลวงพ่อวัดปากน้ำค้นพบถัดมาน่ะ เข้าถึงความลี้ลับภายในซึ่งไม่มีใครได้รู้จัก ถึงกายต่าง ๆ ที่ซ้อนกันอยู่ในเส้นทางแห่งความบริสุทธิ์คือศูนย์กลางกาย ซ้อนกันไปเป็นชั้น ๆ นี่คือความอัศจรรย์ของการค้นพบที่ไม่มีใครได้กล่าวถึงกันเลย มนุษย์ทุกคนในโลกนี้อยากเข้าถึงความสุข อยากพ้นทุกข์กันทั้งนั้น แต่ว่าแสวงหาวิธีการน่ะ มันไม่ถูก แล้วแต่ความรู้ของใคร 

 

                ถ้าความรู้ไม่สมบูรณ์อย่างไรมันก็ไปหากันไปอย่างนั้น แต่ใช้คำเหมือนกันว่าความสุข กินเหล้าก็บอกว่ามีความสุข เที่ยวบาร์ เที่ยวคลับ บอกมีความสุขไปเที่ยวชายทะเล น้ำตก ก็ว่ามีความสุข ใช้คำ คำเดียวกัน แต่จริง ๆ มันขอยืมคำว่าความสุขน่ะมาใช้ ยังไม่เคยรู้จักเลย ความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่อารมณ์อย่างนั้น ไอ้นั่นมันได้แต่ความสนุก กับความเพลินไป หมดเวลาไปวัน ๆ ก็แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นความสุขที่แท้จริงมันต้องโล่ง มันต้องโปร่ง มันต้องเบา สบาย ใจขยายเข้าไป จิตสะอาดบริสุทธิ์ มีคุณภาพ เป็นตัวของตัวเอง เป็นอิสระ ความรู้สึกชนิดนี้ถึงจะเรียกว่าความสุข จนกระทั่งไปถึงจุดที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเพราะอับจนด้วยภาษา ไม่ทราบว่าจะหาถ้อยคำชนิดไหนที่มาอธิบายคำว่าความสุขที่ได้เข้าถึงธรรม 

 

                เข้าถึงกายภายใน ถึงธรรมกายที่ซ้อน ๆ กันอยู่นั้นน่ะมันสุขขนาดไหน บางทีก็อับจนด้วยถ้อยคำ ด้วยภาษา ดังนั้นจึงมีคำว่าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกทีเดียว มันสุขเป็นสุขขึ้นไปน่ะ ยิ่ง ๆ ขึ้นไปเป็นชั้น ๆ ขึ้นไป เหมือนเถาปิ่นโตที่วางซ้อน ๆ กัน เปิดขึ้นมาทีละชั้น ว่าอาหารชั้นนี้อร่อยแล้ว เปิดอีกชั้นหนึ่งอร่อยกว่า กายต่าง ๆ ก็เช่นเดียวกันที่ซ้อนกันอยู่ เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดว่าสุขกว่ากายมนุษย์หยาบแล้ว ถึงกายทิพย์สุขกว่ากายมนุษย์ละเอียดอีก ถึงกายอรูปพรหมสุขกว่าเข้าถึงกายทิพย์ ถึงกายอรูปพรหมสุขกว่าถึงกายรูปพรหม ถึงกายธรรมโคตรภูสุขกว่าถึงกายอรูปพรหม เป็นชั้น ๆ กันเข้าไปอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

 

                หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญพระมงคลเทพมุนี ค้นพบวิชชาธรรมกาย ท่านค้นเข้าไปอย่างนี้แหละ ทำใจหยุดทำใจนิ่งเข้าไปเรื่อย ๆ หยุดอย่างเดียว ดูทั้งวันทั้งคืนยกเว้นเวลาหลับ ถ้ารู้สึกตัวขึ้นมาใหม่ดูต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ซ้ำที่ทีเดียว ดูที่เดิมแต่ว่าไม่ซ้ำที่ นี่ก็แปลก พูดแล้วเหมือนเล่นสำนวน ดูที่เดิมแต่ไม่ซ้ำที่ ที่พูดอย่างนี้เพราะว่าใจหยุดอยู่ที่ตรงกลางที่เดิม แต่ประสบการณ์ภายในเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เห็นกายธรรมในกายธรรมที่โตใหญ่หนักยิ่งขึ้น โลกว่าใหญ่ขนาดนี้ ใคร ๆ เค้าว่าเป็นใหญ่ในโลก พอไปเทียบกับกายภายในที่เข้าถึงมันมีใหญ่กว่านั้นเข้าไปอีก มีภพที่ใหญ่กว่าโลกที่เราอยู่นี้เยอะแยะทีเดียว มากมายก่ายกอง เป็นภพที่ใหญ่ กายที่อยู่ในภพเหล่านั้นน่ะ ใหญ่โตตามกันไป เหมาะสมกับภพนั้น กายมนุษย์เหมาะสมกับภพมนุษย์ กายทิพย์เหมาะสมกับภพทิพย์ กายรูปพรหมเหมาะสมกับภพรูปพรหม กายอรูปพรหมเหมาะสมกับภพอรูปพรหม กายธรรมเค้าก็มีภพที่เหมาะสมขึ้นไปเรื่อย ๆ ใหญ่โตหนักยิ่งขึ้น

 

                เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้คำหนึ่งว่า "ลูกทั้งหลายจงมาดูโลกนี้ อันตระการประดุจราชรถ ที่คนเขลาหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่" ก็หมายถึงว่าปกติมนุษย์นี้ติดข้องอยู่ในโลกนี้ว่าสวยงามหรือว่าใหญ่ แต่ผู้ที่เขารู้น่ะคือผู้ที่เห็นแล้ว ใจหยุดแล้วเห็นได้กว้างขวาง พอเห็นแล้วท่านก็รู้ได้กว้างขวาง กว้างกว่านี้ ท่านเห็นมามากกว่านั้น รู้มามากกว่านั้น เพราะฉะนั้นท่านไม่ติดข้องอยู่ในโลก ท่านไปอยู่ในภพที่ละเอียด มุ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ เลย หลวงพ่อวัดปากน้ำนี่แหละท่านค้นเข้าไปอย่างนี้ ทำตลอดเวลาทีเดียว ท่านค้นพบว่าต้นเหตุแห่งความทุกข์ทรมานทั้งหลายที่บังคับอากาศโลก ขันธโลก สัตวโลกอยู่นี้ เค้าอยู่ที่ไหน เค้ามีความเป็นมาอย่างไร ท่านรู้เห็นหมด จากอาศัยการหยุดนิ่งเนี่ย สัตวโลกได้แก่ จิตใจและเห็น จำคิด รู้ ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย

 
                ขันธโลกก็ได้แก่ขันธ์ ๕ ตั้งแต่ขันธ์ ๕ ของสรรพสัตว์ มนุษย์ เทวดา พรหม อรูปพรหม ถึงกายธรรมโคตรภู เรื่อยไปเลย โสดา สกิทาคามี อนาคามี อรหัตโน่นแน่ะ อากาศโลกก็ได้แก่สิ่งแวดล้อม ตั้งแต่สิ่งแวดล้อมที่ติดตัวเราเลยเนี่ย กระจายออกไปโดยรอบ ไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ถึงจักรวาลต่าง ๆ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ขยายใหญ่โตขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่มีขอบเขต ไม่มีที่สิ้นสุด ไปเรื่อยเลย นั่นเรียกว่าอากาศโลก ทั้งอากาศโลก ทั้งสัตวโลก อยู่ในความปกครองของเค้าทั้งนั้น เค้าปกครองให้บังคับบัญชาได้ทุกอย่างหมดเลย มนุษย์ก็ให้เกิดแก่เจ็บตาย โศกเศร้าเสียใจคับแค้นใจพิไรรำพัน มีความทุกข์ทรมาน มีอุปสรรคกันอยู่ตลอดเวลา ให้วนเวียนกันอยู่ ให้หาทางออกไม่เจอ ไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของตัวเอง ว่าเกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต นั่นไม่รู้เลย หุ้ม ห่อหุ้มเคลือบ เอิบอาบ ซึมซาบปนเป็นไว้หมดเลย บังคับไว้หมดเลย จนกระทั่งไม่รู้ ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย 

 

                คำว่าไม่รู้ท่านใช้คำว่าอวิชชา คือไม่รู้เลย ปิดบังไปหมด ทั้งกดขี่ทั้งบังคับ ทุกอย่างเป็นชั้น ๆ กันขึ้นไป บังคับปกครองกันอยู่เป็นชั้น ๆ กันขึ้นไป ซ้อน ๆ ขึ้นเข้าไปเรื่อย ๆ เลยนี่ท่านไปรู้ไปเห็นกันอย่างนี้ทีเดียว ไม่ใช่ของพอดีพอร้าย เป็นของที่สำคัญที่ท่านได้ไปรู้ และท่านก็กันต่อไปอีกว่าต้องไปดับต้นเหตุ ผลทั้งหลายจึงจะดับ เหตุซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ทรมานทั้งหลายในโลก ที่เค้าบังคับบัญชากันมาเป็นชั้น ๆ นั้นจะต้องไปให้ถึงให้หมด ไปให้สุด ให้หมด ให้ไม่มีทีเดียว ไปเรื่อยเลยจนกระทั่งสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษโน้น ไปให้ถึงที่สุดของเค้า ด้วยวิธีการหยุดกับนิ่งอย่างนี้แหละ 

 

                พอหยุดเข้าไปเรื่อย ๆ ก็เห็นกายธรรมเป็นชั้น ๆ ทีเดียว โตใหญ่หนักยิ่งขึ้นไปเรื่อย เห็นกายธรรมไปเรื่อย ละเอียดไป ละเอียดไป ละเอียดไปโน้น จนกระทั่งละเอียดถึงจุด ๆ หนึ่ง ก็หลุดวูบออกไปเลย สู่ความละเอียดอีกชั้นหนึ่ง ที่ครอบคลุม นิพพาน ภพ ๓ โลกันตร์ ไปโน้น ไปละเอียด ไปไกลทีเดียวถึงจะเห็นเค้าได้ อยู่ในภพลับ ๆ ที่ละเอียด ๆ ร้อน ๆ กันอยู่เป็นชั้น ๆ ไปทีเดียว กายใหญ่โตมโหฬารใหญ่ทีเดียว กายใหญ่โตมากครอบคลุมหมด บังคับหมดเลย มีมากน้อยเท่าไรถูกบังคับบัญชาหมด 

 

                ท่านก็หยุดของท่านไปเช่นนี้ เห็นเข้าไปเรื่อย ๆ เห็นเข้าไปเป็นชั้น ๆ ๆ ถึงไหนท่านก็หลุดถึงนั่น เห็นถึงนั่นรู้ถึงนั่น และก็หลุดพ้นตรงนั้น คือพอหยุดก็สว่าง สว่างก็เห็น เห็นก็รู้ รู้ก็หลุดเป็นชั้น ๆ อย่างนี้นะจ๊ะ หยุดก็สว่าง สว่างก็เห็น เห็นแล้วก็รู้ รู้แล้วก็หลุด หลุดพ้นจากที่เค้าบังคับเอาไว้เป็นชั้น ๆ แต่หลุดชั้นนี้เจออีกชั้นหนึ่งอีกแล้ว ทำดักกันไปเป็นล็อค ๆ ทีเดียว เป็นชั้น ๆ กันเข้าไปเนี่ย ท่านก็หยุดเข้าไปเรื่อย หลุดชั้นนี้ ไปเจออีกชั้น หลุดชั้นนี้ไปเจออีกชั้น เจอเข้าไปนับชั้นไม่ถ้วนทีเดียว เป็นชั้น เป็นตอน เป็นภาค เป็นพืด พืดไปเลยนับกันไม่ถ้วนทีเดียว การสลับทับทวีกันมาอย่างนี้ตลอด ๒๕ ปีเศษ ๆ จนกระทั่งท่านละโลก ยังไปได้ไม่สุดเขายังบังคับถอดกายเอาไปได้แล้ว ถอดกายออกไปหมด                    



                 เพราะฉะนั้นท่านก็ต้องละโลกไป ขนาดผู้รู้ขนาดนี้ยังถูกถอดกายได้ นับประสาอะไรกับผู้ไม่รู้อย่างพวกเรา นั่งอยู่ในสภาธรรมกายนี้ ล้วนตายหมด ถูกบังคับหมด แต่หลวงพ่อท่านไปรู้ไปเห็นอย่างนี้นี่ ท่านบอก สู้ก็ตายไม่สู้ก็ตาย เพราะว่ายังไปไม่ถึงสุดที่เค้าบังคับ ที่เค้าบังคับได้ยังไปไม่ถึง ถ้าไปถึงเค้าก็บังคับไม่ได้ อายุท่านก็จะยืนยาว ศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกาย สั่งสอนกันสืบต่อไปกันไปอีก นี่ท่านยังไปอย่างอย่างนั้น คนที่จะมีความรู้อย่างนี้ อย่างหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ไม่มี หายาก ผู้ที่ทำวิชชาไปพร้อมกับท่านที่จะติดกันไปขนาดนี้มีอยู่ไม่กี่คนหรอก 

 

                ก็มีคุณยายของเราท่านหนึ่งที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านได้กล่าวถ้อยคำอันเป็นอมตะว่า หนึ่งไม่มีสอง คือทันกันไปทีเดียว ครูทำได้อย่างไรนักเรียนทำได้อย่างนั้น เป็นนักรบกองทัพธรรมที่เคียงคู่กันไปเลย ทำกันตลอดเวลา ครูเห็นอย่างไร นักเรียนเห็นอย่างนั้น ครูรู้อย่างไรนักเรียนรู้อย่างนั้น รู้กันเข้าไปทีเดียว ทำควบคู่กันไป ไปถึงจุดตรงนั้น เพราะฉะนั้นหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านกล่าวมาคำหนึ่งว่า ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ท่านพูดอย่างนี้ก่อน ในวัดปากน้ำนี้ ภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา ไม่รู้เลยว่าผู้เทศน์กำลังทำอะไรอยู่ แต่มีรู้เฉพาะพวกที่ทำวิชชาอยู่ในโรงงานด้วยกันเท่านั้น นอกนั้นไม่รู้เลย มนุษย์ทั้งหลายทิพย์ พรหม อรูปพรหม ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล รวมทั้งนิพพานถอดกายโน่น ไปถึงโน่นทีเดียวไม่รู้เลยว่าผู้เทศน์กำลังทำอะไรกันอยู่ นี่ท่านพูดค้างเอาไว้อย่างนั้นนะ 

 

                ก็หมายความว่า ไม่มีรู้เลยว่าท่านกำลังทำหยุดทำนิ่งทำละเอียดเข้าไปให้มันถึงที่สุดแห่งธรรม เพื่อจะให้หลุดพ้นจากที่เค้าบังคับบัญชากันไปเป็นชั้น ๆ ถ้าตรงนั้นหลุดได้ก็หลุดกันหมดเลย ถ้าบังคับท่านไม่ได้ก็บังคับใคร ไม่ได้ทั้งหมด เพราะท่านเป็นผู้รู้ ผู้เห็น เมื่อบังคับผู้รู้ไม่ได้ ผู้ไม่รู้ก็หลุดตามไปด้วย เพราะแหล่งที่มานั้นแหล่งเดียวกัน จุดเดียวกัน นี่ท่านกวดสลักทับทวีกันไปอย่างนี้ เมื่อท่านกล่าวอย่างนี้ก็หมายถึงว่าตลอดในมนุษย์ ในแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ในภพทั้ง ๓ รวมทั้งนิพพานถอดกายทั้งหมด จะหาคนอย่างท่านนั้นได้ยาก มีเพียงหนึ่งที่รู้ อย่างนี้ 

 

                เพราะฉะนั้นบุคคลอย่างท่านจึงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทีเดียว เป็นบุคคลที่สำคัญยิ่งกว่าบุคคลสำคัญของโลกที่ผู้ไม่รู้เขายกย่องกัน นี่เป็นบุคคลที่สำคัญทีเดียว เรากำลังจะสร้างวิหารที่ประดิษฐานผู้รู้ที่ไม่มีใครเหมือนในโลก ในแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ในภพทั้ง ๓ ตลอดถึงนิพพานถอดกายก็ลองคิดดูว่าเราจะได้บุญกันขนาดไหน บุญที่เราจะได้นั่นน่ะ มันมากเสียจนกระทั่งไม่ทราบว่าจะหยิบยกตรงไหนออกมาพูด ถึงอานิสงส์ของบุญ แค่ความดีส่วนหนึ่งของบุญว่าอย่างไรเนี่ย หรือจะพูดอย่างไรถึงจะให้ครอบคลุมเกี่ยวกับอานิสงส์ของการที่ได้มีส่วนร่วมกันสร้างวิหารพระมงคลเทพมุนี ที่ประดิษฐานรูปหล่อทองคำขององค์ท่าน ไม่ทราบว่าจะหยิบยกมาจากตรงไหน 

 

                แต่สรุปง่าย ๆ ว่าเป็นสุดยอดแห่งบุญ ที่จะทำให้เราได้ไปถึงที่สุดแห่งธรรม จะทำให้เราสมบูรณ์ไปด้วยสมบัติทั้ง ๓ ที่ละเอียดที่ประณีต ที่ไม่มีใครเสมอเหมือนกันไปเป็นทีมทีเดียว จะได้รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ แล้วคุณสมบัติที่พร้อมไปหมด ที่ละเอียดประณีต รูปสมบัติพร้อมเหมาะสมในการสร้างบารมี ทรัพย์สมบัติที่มหาศาล คุณสมบัติก็เป็นเลิศ แทงตลอดหมดทั้งทางโลกทางธรรม เราได้กันไปพร้อม ๆ กันไปเป็นทีม แต่ปริมาณนั้นขึ้นอยู่กับกำลังแห่งความตั้งใจ ศรัทธาทุ่มเท ชีวิตจิตใจของเราได้แค่ไหน ถ้าหากว่าเราทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง เราก็ได้ไปมาก ก็มีมากกว่ากัน คือในจำนวนหมู่เศรษฐี ก็จะมีอัครเศรษฐี มหาเศรษฐี บรมเศรษฐี และก็เศรษฐีธรรมดา มันก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเรานั่นน่ะว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน บริสุทธิ์แค่ไหน 

 

                   ถ้าหากว่าเราบริสุทธิ์มาก มีความตั้งใจมาก ทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพันมากก็อยู่ในขั้นอัครบรมมหาเศรษฐี ถ้าหย่อนลงมาก็ยิ่งหย่อนลงมาตามลำดับกันไปอย่างนั้น แต่ว่าจะอยู่ในหมู่เศรษฐีที่ไปเป็นทีม ที่สมบูรณ์ไปด้วยสมบัติทั้ง ๓ มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ นิพพานสมบัติ หรือรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติคุณสมบัติอะไรเหล่านี้เป็นต้น เราจะมีอย่างมากมายมหาศาลทีเดียว เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล นิพพานถอดกายไม่มีใครรู้เรื่องเลย ก็คือ ไม่มีใครเหมือนนั่นเองวันนี้รูปหล่อท่าน เรากำลังจะอาราธนาอัญเชิญท่านไป ประดิษฐานในครอบครัวของเรา เพื่อความเป็นศิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่  เป็นอานิสงส์ที่ได้จากการทุ่มชีวิตในการสร้างบารมี 

 

                   วันนี้ก็เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ เรากำลังจะรับสิ่งที่เป็นตัวแทนของบุคคลที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ของโลก ไม่ใช่ของแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ไม่ใช่ของภพทั้ง ๓ แต่ยิ่งไปกว่านั้น ต้องทำความเข้าใจกันอย่างนี้นะจ๊ะ เราจะได้เข้าใจว่าวันนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเรื่องน้อยเห็นว่ารูปหล่อนี้เป็นทองเหลืองที่ดี เป็นเงินก็ดี ถ้าเทียบถึงมูลค่าแล้วก็ไม่กี่สตางค์ ไม่เท่าไร แต่เทียบถึงคุณค่า อ้าปากพูดไม่ออก ไม่ทราบจะบอกกันว่าอย่างไร เอาภูเขาพระสุเมรุนี่เอามาขีดเขียนจนเหี้ยนเตียน ราบเป็นแผ่นดินเป็นหน้ากลองไปเลย ก็ยังพรรณนาถึงบุญกุศลหรือคุณงามความดีของหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญได้ไม่หมด    



                 เพราะฉะนั้นให้ทำความปลื้มปีติยินดีกันเอาไว้ให้ดี ว่าวันปีใหม่นี้เราได้มาอยู่ธุดงค์กัน มีความลำบากเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยดินฟ้าอากาศ แต่ว่ามีความสุขใจ มีความปลื้มใจ ยิ่งยากยิ่งลำบาก ยิ่งภาคภูมิใจ นึกเมื่อไรก็ปีติใจว่าปีใหม่ ๒๕๓๙ ตั้งแต่วันคล้ายวันเกิดของคุณยายอาจารย์ของเรา เราได้มาอยู่ธุดงค์ปีใหม่ ดินฟ้าอากาศในปีนี้ เยือกเย็นกว่าปกติ แต่เราไม่เคยมีความรู้สึกว่าเป็นเดือดเป็นร้อนใจ จะมีแต่ทุกข์กายนิดหน่อยเท่านั้น แต่เป็นความทุกข์ที่มีความสุขใจ เป็นความทุกข์ความยากลำบากที่มีความสุขใจ มีปีติเป็นรางวัล สิ่งนี้หลวงพ่ออยากจะให้มันเกิดขึ้นเป็นประเพณีว่า ถึงคราววันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นี้ ให้เป็นวันหยุดที่แท้จริงของเรา คือหยุดใจไว้ที่กลางกาย 

 

                    หยุดจากภารกิจ แล้วมาทำหยุดทำนิ่งกัน ให้เป็นประเพณีกันสืบไป เราจะได้ต้อนรับวันใหม่ของปีใหม่ ด้วยหัวใจที่เบิกบานที่แช่มชื่น จะได้เอากำลังบุญของวันนี้เอาไว้เป็นเสบียงเครื่องสนับสนุนดึงดูดสายสมบัติเอามาไว้ใช้สร้างบารมีกันตลอดทั้งปีที่ถัด ๆ กันไป แทนการใช้วันหยุดในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยการไปเที่ยวเตร่สนุกสนานเพลิดเพลิน ซึ่งเป็นการเสี่ยงภัยในการเดินทาง บางคนก็ตายในระหว่างทาง ไปแล้วก็เหนื่อย กลับมาก็เหนื่อย ไม่ใช่เป็นการหยุดที่แท้จริงหยุดที่แท้จริง ต้องหยุดตามความหมายของพระอริยเจ้า คือหยุดใจอยู่ภายในเนี่ย หยุดเข้าไปให้เห็นธรรมกาย ให้ได้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย ให้รู้เรื่องราวของตัวเองว่าเกิดมาจากไหน มาทำไม ตายแล้วจะไปไหน ต้องให้รู้เรื่องราวอย่างนี้ทีเดียว ต้องไปพิสูจน์ให้ได้ว่านรกมีจริงไหม สวรรค์มีจริงไหม นิพพาน ภพ ๓ โลกันตร์น่ะมีจริงไหม ให้หายสงสัย  

 

                 ถ้าเราหายสงสัยแล้ว เราจะได้ตั้งเป้าหมายชีวิตของเราได้ถูกต้อง ว่าต่อจากนี้ไป เราจะดำเนินชีวิตของเราไปสู่เป้าหมายอย่างไร ถ้ายังไม่เห็น ยังไม่รู้ มันก็ไม่หายสงสัย เพราะฉะนั้นหยุดอย่างเดียวจึงจะทำให้เราหายสงสัยได้ พอหยุดแล้วมันสว่าง สว่างก็เห็น เห็นแล้วก็รู้ รู้แล้วก็หลุด หายสงสัย จะได้มีกำลังใจในการสร้างบารมี สร้างความดี เป็นกำลังใจที่บังเกิดขึ้นด้วยตัวของเราเอง จากการไปเห็นไปรู้ที่เกิดขึ้นมา ไม่ต้องมาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อันที่จริงพวกเราทั้งหลายเป็นผู้ที่มีกำลังใจสูงอยู่แล้ว แต่บางครั้งก็ลืมไปว่าตัวน่ะมีกำลังใจอยู่ ไม่ได้เอามาใช้ เหมือนม้าฝีเท้าดี สามารถเตะเสือได้ ดีดเสือได้ วิ่งนำหน้าเสือได้ แต่ก็ยอมนอนอยู่ตรงนั้นน่ะให้เสือมันกิน ทั้ง ๆ ที่ตัวมีกำลังอยู่มากมายก่ายกอง เตะเสือได้ ดีดเสือได้ แต่ว่าไม่รู้ ไม่ได้เอากำลังมาใช้ กำลังใจของลูก ๆ ทุก ๆ คนในที่นี้น่ะมี มีมากทีเดียว เพราะกำลังบุญมาก 

 

                  ถ้ากำลังบุญไม่มากมาไม่ถึงหลวงพ่อ มาไม่ถึงวิชชาธรรมกาย ก็จะเตล็ดเตร็ดเตร่ออกไปอยู่ที่อื่นหมด กระจัดกระจายกันไปหมด แต่เพราะกำลังบุญน่ะมีมาก สร้างกันรวมกันมาหลายภพหลายชาติแล้ว จึงต้องมารวมกัน ฝูงเนื้อเข้าฝูงเนื้อ ฝูงนกเข้าฝูงนก เศรษฐีก็ดึงดูดคนมีเงินเข้ามา ขี้เมาก็เข้าอยู่ในวงเหล้า นักการพนันก็อยู่ในวงนักการพนัน ผู้มีบุญอย่างเราก็มารวมกันอยู่ในหมู่ของผู้ที่มีบุญ มันจะมีอายตนะดึงดูดกันเพราะฉะนั้นกำลังใจของเราน่ะมันมีมากเหลือเฟือ แต่บางทีก็ไม่เอามาใช้กัน การที่ไปจัดสัมมนาอะไรกันต่าง ๆ ควรจะเปลี่ยนแปลงความคิดที่ว่าไปเพื่อเติมกำลังใจนะ ให้ควรจะเปลี่ยนไปว่าไปเพื่อทำความเข้าใจเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เรามีเป้าหมายอะไร ทำอย่างไรถึงจะไปถึงเป้าหมายนั้น 

 

                    ไม่ใช่ว่าใจตกก็ไปรวมกันที ไปจัดสัมมนากันที อย่างนี้ไม่ถูกวัตถุประสงค์ของการมาเกิด ของการมาถึงวัดพระธรรมกาย ของการที่จะมาถึงองค์กรนี้ หรือตั้งใจจะไปถึงที่สุดแห่งธรรม เราจะต้องให้กำลังใจกับตัวของเราเองเสมอแม้ไม่มีใคร แล้วต้องนึกเสมอว่ากำลังใจของเราเหลือเฟือ มากพอที่จะแบ่งปันให้กับคนอื่นเค้า ให้กับผู้ที่เข้าใกล้ อย่าไปคอยหวังกำลังใจจากคนอื่น นั่นเป็นเรื่องของเด็ก ๆ นะจ๊ะ ที่ยังมีบารมีอ่อนธาตุธรรมอ่อน ๆ อยู่ ของเราไม่ใช่อย่างนั้น เป็นธาตุธรรมแก่ ๆ ทั้งนั้น ที่มารวมกัน แก่เหมือนเพชรเหมือนพลอยทีเดียว สุกใสสว่างมารวมกัน ดังนั้นจัดสัมมนากันที่ให้นึกอย่างนี้ว่าไม่ใช่มาเสริมกำลังใจ มาให้กำลังใจ เพราะเรามีเหลือเฟือ แต่จะมาทำความเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ อย่างไรถึงจะไปถึงเป้าหมายที่เราได้ตั้งใจเอาไว้ จึงจะคุ้มกับที่มารวมกันจัดวันสัมมนาขึ้น เพราะฉะนั้นให้ลูก ๆ ทุกคนต้องจำเอาไว้นะจ๊ะ   

 

                  ต่อจากนี้ไปเนี่ย อย่าใช้คำว่าใจตก ตกได้ที่เดียวคือตกศูนย์กลางกาย ตกแล้วเข้าถึงธรรม ตกต่ำไม่เอาตกต่ำเป็นเรื่องของพญามาร ตกศูนย์เป็นเรื่องของฝ่ายบุญ ของพระ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้เป็นต้นไป เวลาของเราเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ไม่ช้าเราก็จะต้องแยกย้ายกลับกันไปแล้ว ใช้เวลาที่มีอยู่ในโลกนี้ให้เต็มที่ เมื่อเช้าหลวงพ่อได้กล่าวถึงว่า การให้นั้นมีได้เฉพาะในเมืองมนุษย์ เป็นมนุษย์เท่านั้นจึงให้ได้ สัตว์เดรัจฉาน เปรตอสุรกายสัตว์นรกให้ไม่ได้ เทวดา พรหม อรูปพรหม ให้ไม่ได้ ไปเสวยสุขอย่างเดียว มนุษย์เท่านั้นจึงจะให้กันได้ เพราะฉะนั้นมีกำลังเท่าไร ให้มันสุดกำลังกันไป ใครจะว่าอย่างไร ไม่สนใจกันทั้งนั้น จะไปทำเป้าหมายให้สำเร็จให้ได้ เป้าหมายนี้ ขณะนี้เฉพาะหน้ากำลังสร้างธรรมกายเจดีย์ กำลังสร้างวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ทำตรงนี้ให้มันสำเร็จ 

 

                เมื่อสำเร็จเป้าหมายนี้ก็จะได้ก้าวสู่เป้าหมายต่อไป คือขยายธรรมกายไปทั่วโลก ให้ทุกคนในโลกได้รู้จักว่าตัวของตัวเองนั้นมีธรรมกายอยู่ ให้เค้าได้เข้าถึง เมื่อเค้าเข้าถึงแล้วเค้าจะได้หายสงสัย แล้วก็จะทำความเห็นให้ถูกต้องร่องรอย จะได้ทำความเห็นให้ถูกต้องร่องรอย ตรงไปตามความเป็นจริง ว่าความจริงแท้ ที่แท้จริงของพระอริยเจ้านั้นมันเป็นอย่างไร มันจะได้ตรงกันไปอย่างนั้น เมื่อทุกคนเข้าถึงธรรมกายมันจะได้คิดเหมือนกัน พูดเหมือนกัน แล้วก็ทำเหมือนกัน มีความสุขไปเหมือน ๆ กัน วิชชาธรรมกายนี้เป็นวิชชาที่แปลก ยิ่งรู้ยิ่งบริสุทธิ์ ยิ่งรู้ยิ่งมีความสุข ยิ่งรู้ยิ่งมีพลังใจ พลังใจสร้างความดียิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยไม่หวาดหวั่นกับอะไรทั้งสิ้น ยิ่งรู้ยิ่งมองไม่เห็นว่าอะไรเป็นอุปสรรค จะมุ่งหาที่สุดอยู่เรื่อยไป นี่วิชชาธรรมกาย เป็นของแปลกกันอย่างนี้ แตกต่างจากวิชชาทั่ว ๆ ไป ยิ่งรู้ยิ่งวน ยิ่งรู้ยิ่งมืด ยิ่งรู้ยิ่งทุกข์ทรมาน แคบ

 


                    เพราะฉะนั้นวาระดิถีขึ้นปีใหม่นี้ ให้ลูก ๆ ทุกคน กลับเนื้อกลับตัวตั้งใจกันเสียใหม่ ว่าจะเป็นนักสร้างบารมีที่ดี และต้องเป็นนักสร้างบารมีที่ดีให้ได้ งานที่เราจะทำนี้เป็นงานใหญ่ ทำตามลำพังไม่ได้ ต้องทำงานไปเป็นทีม ทั้งทีมต้องช่วยกันทำ อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน ต้องสามัคคีกลมเกลียวกัน อย่ากินแหนงแคลงใจกัน ให้รักกันเหมือนญาติ เหมือนพี่เหมือนน้องวางธรรมะ ให้มีหัวใจรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถ้าหากว่าผู้หนึ่งก็ชนะหนึ่ง สู้สิบชนะสิบ สู้ร้อยก็ชนะร้อย สู้ทั้งหมดก็ชนะกันทั้งหมด เราจะไปถึงที่หมายโดยพร้อมกัน เพราะฉะนั้นปีใหม่นี้ขอให้รักกันสามัคคีกัน ช่วยกันปรึกษาหารือร่วมกันว่าทำอย่างไรจึงจะไปถึงเป้าหมาย 

 


        เมื่อเช้าหลวงพ่อได้ฝากไว้ถ้อยคำไว้ประโยคหนึ่งว่า ให้โอกาสหลวงพ่อในการที่จะทำความละเอียดกับทีมงานที่จะทำความละเอียด เดี๋ยวจะมีเรื่องอะไรต่าง ๆ มาเล่าให้ฟังอีกเยอะแยะทีเดียว เป็นความรู้ที่ต้องรู้ ยิ่งรู้ยิ่งสว่าง ยิ่งมีความสุข ยิ่งปีติ ยิ่งมีกำลังใจเพิ่มขึ้น ทำให้เรานี่อยากจะรู้เพิ่มขึ้นไป อยากเข้าถึงกันไป ถ้าให้โอกาสหลวงพ่ออย่างนี้ ในวัยบั้นปลายของชีวิตที่อายุมากขึ้น ๆ ไปเรื่อย ๆ นี้เนี่ย จะเหลือเวลาแข็งแรงไม่กี่ปีนี้ ได้ทำในสิ่งที่หลวงพ่อถนัดและชอบ เราจะได้รู้เรื่องกันไปพร้อม ๆ กัน ส่วนลูกทุกคน ถนัดในการที่จะ แสวงหาทรัพย์รวบรวมทรัพย์ ระดมทุน ก็ทำหน้าที่ตรงนี้ให้มันสมบูรณ์กันไป ทุ่มเทชีวิตจิตใจเป็นเดิมพัน ทำไปให้สำเร็จให้ได้ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง และถือว่าเราต้องแสวงหาบุญอีกอย่างหนึ่ง ต้องการบุญด้วย และเป็นหน้าที่ด้วย มันจะได้ทำกันอย่างเต็มกำลัง ไม่ใช่ออมกำลังกัน 

 

                ผู้ที่เป็นเจ้าของบุญ ที่เค้าจะเป็นเจ้าภาพสร้างธรรมกายเจดีย์ สร้างพระธรรมกายประจำตัว หรือจองเสาเข็มสร้างวิหารพระมงคลเทพมุนีนี้ เจ้าของบุญนี้มีอยู่มากมายก่ายกองที่กำลังรอคอยเราอยู่ เหลือแต่เพียงว่าเราเดินทางไปหาเขา สวมหัวใจกัลยาณมิตร แล้วพูดออกไป เชิญชวนกันไปทุก ๆ คน เค้าจะมีปีติ มีความยินดีที่จะต้อนรับเรา พร้อมที่จะร่วมบุญกับเรา ก็มีบ้างเหมือนกัน ที่ความตระหนี่เข้าไปครอบงำใจเค้า หรือเราอธิบายอย่างขาดศิลปะ ไม่มีเทคนิคในการอธิบาย ในการเชิญชวน ทำให้เค้าเข้าใจได้ไม่สมบูรณ์ ก็มีบ้างที่ปฏิเสธ แต่คำปฏิเสธของเขาเนี่ย อย่าทำให้เราท้อถอย ควรจะมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป ที่จะนำให้เขาได้สร้างบุญได้สมปรารถนา    



                คล้ายกับสมเด็จพระบรมศาสดา ที่ท่านเทศน์โปรดสอนมหาทุคคตะ ยากจนมาหลายภพหลายชาติ กระทั่งถึงปัจจุบันน่ะ มีเพียงผ้าผืนเดียวผลัดกันนุ่งกับภรรยามาวัดมาฟังธรรมท่าน ก็เป็นผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ ไม่สะอาดสกปรก พระพุทธเจ้าเห็นแล้วท่านเกิดมหากรุณาอยากจะโปรดให้มหาทุคคตะนี้ พ้นจากความทุกข์ทรมาน เลิกยากเลิกจนกันซะทีหนึ่ง พอท่านเห็นว่าเพราะให้ไม่เป็นกันตั้งแต่ชาติในอดีต มันจึงไม่ได้รับในชาตินี้ ถ้าไม่ให้ในชาตินี้ ทั้ง ๆ ที่มาพบพระบรมศาสดา บุคคลที่หาได้ยากยิ่งในโลก แล้วไม่รู้จักการให้ ทำทานไม่เป็น เอาชนะความตระหนี่ไม่เป็น มันก็จะจนข้ามชาติต่อไปอีก

 

                เพราะฉะนั้นด้วยมหากรุณา ท่านก็เทศน์สั่งสอนอบรมไปเรื่อย ตั้งแต่หัวค่ำถึงสว่างทีเดียว พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ปรารถนาผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ สกปรกเหล่านั้นจากมหาทุคคตะเลย เพราะตามลำพังของพระองค์ท่านนั้นใคร ๆ ก็อยากได้บุญ อยากจะถวายของที่ประณีต แต่ว่าท่านต้องการให้มหาทุคคตะ เอาชนะความตระหนี่ที่อยู่ในใจ ท่านเทศน์ท่านสอนด้วยมหากรุณา ตลอดทั้งคืนทีเดียว ทั้งคืนก็หมายถึง ๑๒ ชั่วโมง ๑๒ ชั่วโมง ที่นั่งอยู่กับที่ไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำห้องท่าเลย เทศน์อย่างเดียว สอนอย่างเดียว อบรมอย่างเดียว ๑๒ ชั่วโมง จึงซึมซาบเข้าไปในใจ

 

              ทำให้มหาทุคคตะเข้าใจ แล้วเกิดกำลังใจตัดใจจากความตระหนี่ ถวายผ้าผืนนั้นแก่พระบรมศาสดา และด้วยความปีติจึงเปล่งอุทานว่าชนะแล้ว ชิ ตัง เม ชนะแล้ว เราเอาชนะความตระหนี่แล้ว แม้ว่าจะเอาชนะช้าหน่อยก็ตาม ทำให้พระผู้มีพระภาคเจ้าลำบากพระวรกายมาตั้งนาน แต่ในที่สุดก็ยังชนะ ๑๒ ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง ชนะแล้ว มหาทุคคตะนั้นหลุดพ้นจากความตระหนี่ ที่เข้าไปครอบงำ ที่พญามารมันบังคับเอาไว้ หลุดไปแล้ว เพราะฉะนั้น สายสมบัติที่มาจากธาตุธรรมเดิมนั้น ก็จรดไปที่ศูนย์กลางกายของมหาทุคคตะนั้น เขาจะเป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ไปทุกภพทุกชาติ 

 

             เพราะได้ถวายทานถูกทักขิไนยบุคคล อย่างพระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะฉะนั้นผู้ที่มีบุญเป็นเจ้าของบุญสร้างธรรมกายเจดีย์ สร้างพระธรรมกายประจำตัว สร้างวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ รอคอยพวกเราอยู่อย่างมากมายก่ายกองทีเดียว เหลืออย่างเดียวให้เราอาศัยหัวใจกัลยาณมิตร มีมหากรุณาเช่นเดียวกับพระผู้มีพระภาคเจ้า เดินไปทุกทิศทุกทาง พูดไปด้วยมหากรุณาชักชวน ให้เค้าได้มาช่วยกันสร้างให้สำเร็จ เอาบุญก้อนนี้ให้ได้ เอาชนะความตระหนี่ เค้าจะได้มีทรัพย์ มีสมบัติติดตัวไปในภพเบื้องหน้า ไปเกิดเจอกันอีกจะได้เจอกันในสภาพที่เรามีความสมบูรณ์มากกว่าภพนี้ ชาตินี้

 

                เพราะฉะนั้นปีใหม่นี้นะจ๊ะ ลูก ๆ ทุกคน ขอให้มีความตั้งใจ สวมหัวใจนักสร้างบารมี สวมหัวใจของกัลยาณมิตร ออกไปทำหน้าที่ตรงนี้ให้สำเร็จให้ได้ นอกจากเราจะได้บุญ นอกจากท่านเหล่านั้นจะได้บุญ ก็จะช่วยปลดเปลื้องภาระหยาบให้กับหลวงพ่อและทีมงานที่จะทำความละเอียด หลวงพ่อจะได้ปลอดกังวลในบั้นปลายของชีวิต มุ่งเข้าสู่ความละเอียดที่ตั้งใจมายาวนาน ๓๐ กว่าปี จะได้สืบทอดวิชชาธรรมกายกันต่อไป มีรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องละเอียดอย่างไร ก็จะได้มาเล่าสู่กันฟังว่าตอนนี้ไปถึงตรงนี้แล้วน่ะ เอ้าลูก ๆ ทุกคน ทำตรงนี้จะได้ไปถึงตรงนั้น ต่างก็จะได้เรียนรู้กันไปซึ่งกันและกัน ถ้าเราแบ่งหน้าที่กันอย่างนี้ หลวงพ่อระดมธรรม ลูกทุกคนระดมทุน ระดมทุนหนุนระดมธรรม ถ้าสองประสานงานสำเร็จ ก็จะไปถึงที่หมายอย่างง่ายดาย 

 

               ดังนั้นในตอนนี้ลูกทุกคนนึกถึงใครได้ จงไปหา ไปบอก ไปเชิญ แล้วก็ให้เขามาทำให้ได้ ทำเหมือนอย่างพระผู้มีพระภาคเจ้า ตื่นตอนเช้าท่านสอดส่องด้วยญาณทัศนะของท่าน เห็นใครควรโปรด ท่านก็ไปโปรดนำบุคคลนั้นให้มาสั่งสมบุญ สั่งสมบารมีให้ได้เข้าถึงมรรคผลนิพพานเราก็เช่นเดียวกัน อย่าให้วันคืนมันผ่านไป เวลามันไม่เคยรอ ตื่นมาก็นึกถึงเลยว่า วันนี้เราจะไปโปรดใครทำหน้าที่ตรงนี้ให้สมบูรณ์ หลวงพ่ออยากให้ธรรมกายเจดีย์ก็ดี วิหารหลวงพ่อพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำนี้ก็ดี สำเร็จเสร็จอย่างอัศจรรย์   

 

                ในขณะที่คุณยายท่านยังแข็งแรง ยังสดชื่น ท่านจะได้มองเห็นสิ่งที่ท่านปรารถนา อยากให้สำเร็จด้วยหัวใจ ที่เบิกบาน ความเบิกบานนี้แหละ จะช่วยต่ออายุของท่านให้ยืนยาว เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเราไปนาน ๆ มันก็จะเป็นบุญใหญ่ที่จะย้อนกลับคืนมาสู่พวกเรา เราจะรู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกายธรรมอันใดที่หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ และคุณยายท่านได้บรรลุ เราจะมีส่วนแห่งธรรมนั้น คือจะรู้จะเห็นไปถึงอย่างนั้น ตามกันไปเลยทีเดียว ตามกันไปเลยทั้งทีม ทั้งทีที่นั่งอยู่ ทั้งทีมที่กำลังจะมาต่อไป จะไปรู้ไปเห็นกันทีเดียว มาช่วยกันทำความอัศจรรย์ให้บังเกิดขึ้นให้ได้นะจ๊ะ 

 

                ต่อจากนี้ไป ให้ทำใจให้หยุดให้นิ่ง ให้ละเอียด จนกระทั่งใจของเราสะอาดบริสุทธิ์ จะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับรูปหล่อหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรม บุคคลที่หาได้ยากยิ่งในแสนโกฏิจักรวาล และในอนันตจักรวาลนะจ๊ะ นึกถึงภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ไว้ที่ศูนย์กลางกายนะ เพราะท่านเอาเราไว้ในศูนย์กลางท่านหมดเลยนะ พวกเราทุกคน กำลังกลั่นพวกเราให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ ท่านไปถึงไหน เอาเราไปถึงนั่นทีเดียว กลั่นใส ธาตุธรรมบริสุทธิ์ ฉะนั้นนึกถึงภาพท่าน นึกให้ดีเลย ให้ชัดให้ใสให้สว่าง

                     

                      สัพเพ...

 

                      ผู้นําบุญกล่าวปวารณาสร้างวิหารฯ
                      กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ที่เคารพยิ่งของข้าพเจ้าทั้งหลาย
                       ข้าพเจ้า เหล่าผู้นำบุญทั้งหลาย ซาบซึ้งในพระคุณ ของหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ซึ่งโลกได้จารึกว่า เป็นผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ให้เป็นที่พึ่งแก่ชาวโลก ได้พ้นจากความทุกข์ ได้พบความสุข ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอปวารณาตัวว่า
        
                       หนึ่ง ข้าพเจ้าจะเร่งสร้างวิหาร ที่ประดิษฐานรูปหล่อทองคำ หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ให้จงได้
                       สอง  ข้าพเจ้าจะตั้งใจ เชิญชวนเจ้าภาพสร้างวิหาร ที่ประดิษฐานรูปหล่อทองคำ อย่างน้อยวันละหนึ่งคน
                       สาม ข้าพเจ้าจะตั้งใจสร้างผู้นำบุญ เพื่อเชิญชวนสาธุชน มาร่วมกันสร้างวิหารในวันตอกเสาเข็ม วันที่สามมีนาคม พุทธศักราชสองพันห้าร้อยสามสิบเก้า ให้ได้หนึ่งแสนคน
                        สี่ ข้าพเจ้าจะตั้งใจ ปฏิบัติธรรมทุกวัน เพื่อเข้าถึงพระรัตนตรัยให้ได้ และจะเชิญชวน ชาวโลกทั้งหลาย ให้ปฏิบัติตามด้วย   ขอพระเดชพระคุณหลวงพ่อโปรดรับทราบคำปวารณาของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายจะขอน้อมนำโอวาทของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่เคยสอนไว้ว่า เป้าหมายเป็นหลัก อุปสรรคไม่มี มาเป็นหลักใจ ในการทำหน้าที่ผู้นำบุญ ในครั้งนี้ด้วย 
                      บุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ตั้งใจกล่าวคำปวารณา ต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ขอบุญนั้น จงดลบันดาลให้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ประโยชน์ ได้ความสุข ได้บรรลุธรรมที่หลวงพ่อวัดปากน้ำได้บรรลุ จนถึงที่สุดแห่งธรรม จงทุกประการเทอญ 

                                                                       (กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างยิ่ง)   

 

 

                หลวงพ่อขออนุโมทนาสาธุการแก่ลูก ๆ ทุกคนที่ได้กล่าวคำปวารณาเมื่อสักครู่นี้ เป็นการย้ำความตั้งใจจริงของเราว่าเราจะทำภารกิจนี้ให้บรรลุเป้าหมายให้ได้อย่างอัศจรรย์ นี่เป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยากในโลก นี่เป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยากในโลกในการที่หัวใจทุก ๆ ดวง จะรวมกันเป็นดวงเดียวและมีความตั้งใจกันอย่างแท้จริง ที่จะทำงานนี้บรรลุเป้าหมายให้ได้ โดยเฉพาะวันมาฆบูชาที่จะถึง ลูกทุกคนตั้งใจที่จะเชิญชวนผู้มีบุญให้มาร่วมบุญกันหนึ่งแสนคน นี่เป็นสิ่งที่ที่หลวงพ่อฟังแล้วปลื้มปีติ ถ้าหากเราทำได้ หนึ่งล้านคนต่อไปในอนาคตเป็นเรื่องไม่ยากสำหรับพวกเรา 

 

                   เพราะมันขยายไปแค่หนึ่งต่อสิบเท่านั้นเอง เราก็จะได้สมาชิกผู้มีบุญที่จะมาร่วมประกอบพิธี ระลึกนึกถึงพระรัตนตรัยที่ลานธรรมรอบธรรมกายเจดีย์ เพราะฉะนั้นหนึ่งแสนคนในวันมาฆบูชา ที่จะมาร่วมงานสร้างวิหารพระมงคลเทพมุนีนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเราทำตรงนี้ได้ ตรงโน้นเราก็ทำได้แล้วจริง ๆ หนึ่งแสนคนนั้นไม่ได้ยากอะไรเลย ถ้าเราจำได้ปี ๒๕๓๗ วันหล่อรูปเหมือนทองคำ เราทำกันได้มาแล้วนะจ๊ะ เป็นจำนวนแสน นั้นเราทำกันมาแล้วนะจ๊ะ 

 

                 แต่ว่าแสนสำหรับคราวนี้ มาฆะคราวนี้ เป็นแสนที่นอกจากจะเป็นเจ้าภาพแล้ว อยากให้เป็นแสนคนที่ตั้งใจปฏิบัติบูชา มาปฏิบัติธรรมกันอย่างแท้จริง ให้เป็นภาพของผู้มีบุญที่มีความตั้งใจจริง แต่งชุดขาวปฏิบัติธรรม มาทำใจหยุดใจนิ่งกันรอบสถานที่ที่จะก่อสร้างวิหารพระมงคลเทพมุนี มันจะเป็นภาพที่งดงาม และประทับใจพวกเราอย่างไม่มีวันลืม ในขณะนี้มีนักข่าวต่างประเทศ ที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องกิจกรรมของหมู่คณะเรา เค้าสนใจมาก โลกยังขาดแคลนภาพแห่งความสงบ ของมหาชน ที่พร้อมเพรียงกันมาประพฤติธรรม เค้าไม่รู้จะไปหากันที่ไหน

 

               ส่วนมากจะเจอภาพที่พลุกพล่าน จอแจ ไม่สงบ ถึงแม้จะมีเป็นจำนวนล้าน ปริมาณมากก็จริง แต่มากด้วยปริมาณแต่น้อยด้วยคุณภาพ แต่ถ้าหากว่าหนึ่งแสนคนนี้นะจ๊ะ ถ้าลูกทุกคนตั้งใจที่จะชักชวนกันมาได้ และเขามีหัวใจที่จะมาประพฤติธรรมกัน มีภาพอย่างนั้นเกิดขึ้น หลวงพ่อมีความเชื่อมั่นว่า สื่อทั้งหลายจากทั่วโลกจะมาที่นี่ ภาพเหล่านี้ทั้งหมดในวันนั้น จะขยายไปยังทั่วโลก โลกที่กำลังร้อนระอุด้วยกระแสกิเลสต่าง ๆ กำลังรบพุ่งกัน รบย่อยกันบ้าง รบใหญ่กันบ้าง เมื่อเขาได้เห็นภาพเหล่านี้ มันจะไปกระตุ้นเตือน จิตสำนึกที่อยู่ในใจของผู้ที่พบเห็นให้ตื่นตัว หันกลับเข้าไปหาหรือแสวงหา สิ่งที่จะสร้างสันติสุขภายในให้บังเกิดขึ้น 

 

                 เพราะฉะนั้นหนึ่งแสนคนที่จะถึงวันมาฆบูชานี้ เป็นหนึ่งแสนคนที่หลวงพ่อปรารถนาจริง ๆ อยากได้แสนคนที่มีความตั้งใจจริงเหมือน ๆ กับพวกเราในสภาธรรมกายนี้ อยากให้เป็นหนึ่งแสนคนที่มีหัวใจอย่างนี้ ถึงแม้ว่าความรู้เขาจะไม่เท่าเทียมกับพวกเราในขณะนี้ก็ตาม แต่ขอให้มีหัวใจเพียงเสี้ยวหนึ่งของพวกเรา แล้วมาประพฤติธรรมร่วมกัน นั่นก็เป็นสิ่งที่น่าปีติยินดีของโลกแล้ว 

 

                        ดังนั้นเวลาที่เหลือนับจากนี้ไปกว่าจะถึงวันที่ ๓ มีนาคม คิดง่าย ๆ ว่า ๒ เดือน ๖๐ วันนี้ลูกทุกคนจะต้องทำงานหนักกันหน่อย พร้อมกับภารกิจประจำวัน ที่เราจะต้องทำมาหากิน แต่เราจะต้องทำงานนี้กันอย่างเต็มกำลังทำกันอย่างเต็มที่ รักใครคิดถึงใครไปชวนมาให้หมด แล้วพูดให้เค้าเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องบุญเรื่องกุศล เรื่องความดี ให้เค้าเข้าใจ ให้เค้ามามีส่วนร่วมในการที่จะทำงานนี้ให้บรรลุเป้าหมาย ให้เขามาประพฤติธรรมร่วมกัน ๒ เดือนนี้ ๖๐ วัน หนึ่งแสนคน หลวงพ่อฝากเป็นการบ้านให้นำกลับไปคิด ว่าจะทำอย่างไรเราจึงจะได้ผู้มีบุญเหล่านั้น มาร่วมประกอบพิธีบุญใหญ่ ในวันมาฆบูชา ที่เป็นภาพที่สวยงามคล้ายกับลานธรรมในตอนที่เราจุดมาฆประทีปกัน ให้สวยสดงดงามทีเดียว ต้องนำมาให้ได้ 

 

                ศาสนิกอื่นที่เขามีความเชื่ออย่างนั้น เขายังทำกันได้ มากมายก่ายกองทีเดียว แต่พูดถึงแสนคนของเราถ้าไปเทียบกับเค้าเป็นล้านคนนั้นมันยังห่างไกล แต่หลวงพ่อเชื่อว่าถ้าหากว่าลูกทุกคนสวมหัวใจของนักสร้างบารมี หัวใจของกัลยาณมิตร ต้องทำได้ ทำกันให้เต็มที่ เรามีปาก พูดออกไป มีโทรศัพท์ใช้ไป มีสื่ออะไรเราก็ใช้กันไปทุก ๆ สื่อ กระจายกันไปให้ทั่ว เมื่อถึงคราวพระพุทธศาสนาต้องการกำลังพุทธศาสนิกชนมารวมประชุมกันเพื่อยกย่องพระรัตนตรัย ถึงคราวที่เราจะต้องช่วยกัน ประกาศธรรมกันไปอย่างนี้ไปชักชวนกันไป อย่าเป็นพลังเงียบที่อยู่เงียบ ๆ อยู่ที่บ้านไม่เกิดประโยชน์อะไรพลังหมู่ที่อยู่ในความสงบ เป็นจำนวนแสนคนนั้นจะสร้างพลังใจอย่างมหาศาลให้เกิดขึ้นแก่โลก เพราะฉะนั้น ๒ เดือนนี้ เหนื่อยกันหน่อยนะจ๊ะ       



                แต่ว่าเป็นความเหนื่อยที่จะได้มาพร้อมกับความสุขเหนื่อยแต่มีความสุข เหนื่อยแต่มีความสุข เหนื่อยแต่มีความสุขนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นหลวงพ่อขออนุโมทนาสาธุการ ให้ลูกทุกคนมีความสุข มีความเจริญ คิดอะไรให้สมความปรารถนา ให้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกาย ให้มีสายสมบัติได้บังเกิดขึ้น ได้สร้างบารมีอย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง มีอายุยืนยาวได้สร้างบารมีไปนาน ๆ ให้มีพลังบุญพลังบารมีพิเศษที่จะไปทำหน้าที่ยอดกัลยาณมิตร จะไปพูดจาชักชวนแนะนำบุคคลใดก็ตาม ให้เขาเกิดความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ให้ได้รับการต้อนรับอย่างดีในทุกสถานที่ เดินทางไกลก็ให้บุญรักษาให้ปลอดภัย คิดอะไรเป็นสิ่งที่ดีก็ขอให้สำเร็จสมดังความปรารถนาจงทุกประการเทอญ

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011017322540283 Mins